ตลาดนาฬิกาแข่งขันรุนแรง นาฬิกาอินเตอร์แบรนด์หันตลาดในไทยกว่า 50 แบรดน์ คาดทั้งปีเติบโต 10% ศรีทองพาณิชย์ เดินหน้าปั้น โครโนเทค ให้แข็งแกร่งขึ้นหลังทำตลาด 2 ปีสำเร็จ
นายองอาจ มหาดำรงค์กุล กรรมการบริหาร ห้างหุ้นส่วนจำกัด ศรีทองพาณิชย์ ผู้นำเข้าและจำหน่ายนาฬิกาโครโนเทค จากประเทศอิตาลี กล่าวว่า ตลาดนาฬิกาแข่งขันกันรุนแรงมาก เนื่องจากปัจจุบันมีผู้ประกอบการมากกว่า 50 ราย มีนาฬิกาทำตลาดในไทยมากกว่า 280 แบรนด์ ต่างจากในอดีตที่มีไม่ถึง 100 แบรนด์ ส่งผลให้มีการใช้กลยุทธ์ด้านราคาเข้ามาทำตลาดแย่งชิงลูกค้ากันมากโดยเฉพาะในช่วงที่กำลังซื้อลดลงและภาวะเศรษฐกิจไม่ค่อยดีด้วย
ทั้งนี้ตลาดนาฬิกาในไทยมีมูลค่ารวมประมาณ 2,800 ล้านบาท คาดว่าภาพรวมปีนี้จะเติบโต 10% ซึ่งตลาดมี 3 กลุ่มหลักคือ ระดับไฮเอนด์ มีสัดส่วนกว่า 40% หรือ 1,120 ล้านบาท และระดับกลางถึงสูง สัดส่วน 35% หรือมูลค่า 980 ล้านบาท ส่วนตลาดระดับล่าง 25% หรือประมาณ 700 ล้านบาท โดยตลาดระดับกลางถึงไฮเอนด์เติบโตมากที่สุดกว่า 15% ขณะที่ตลาดระดับล่างนั้นโตน้อยกว่าแค่ 5% เท่านั้น และเป็นตลาดที่แข่งขันรุนแรงโดยเฉพาะตลาดในกลุ่มระดับล่าง
สำหรับศรีทองนั้นปีนี้ยังไม่มีแผนที่จะนำนาฬิกาแบรนด์ใหม่เข้ามาทำตลาดเพิ่มเติม แต่ในอนาคตต้องมีแน่นอน ซึ่งขึ้นอยู่กับสภาพเศรษฐกิจและความเหมาะสมรวมทั้งความต้องการของตลาดด้วย ซึ่งสามแบรนด์ล่าสุดที่เพิ่งทำตลาดในไทยได้ประมาณ 2 ปีคือ โครโนเทค ฟอร์เม็กซ์ และ อควอเนติกส์ โดยมีแบรนด์โครโนเทคเป็นตัวหลักและจะรุกตลาดแบรนด์นี้มากขึ้น ขณะที่แบรนด์หลักเก่าแก่ของศรีทองฯ เช่น ซิติเซ็น ราโด มิโด เป็นต้น
ช่วงครึ่งปีแรกปีนี้ แบรนด์โครโนเทคมีการเติบโต 15% มากกว่าตลาดรวม โดยตั้งเป้าหมายว่าปีนี้จะมีรายได้จากแบรนด์โครโนเทคประมาณ 20 ล้านบาท เติบโต 33% จากปีที่แล้วที่มียอดขาย 14 ล้านบาท โดยใช้งบการตลาดปีนี้ 10 ล้านบาท ทำตลาดแบรนด์โครโนเทคเต็มที่ทุกรูปแบบ ทั้งบีโลว์เดอะไลน์ และอโบฟเดอะไลน์
แผนปีนี้จะเปิดคอลเลคชันใหม่รวม 12 รุ่น ล่าสุดเปิดตัว นาฬิกาผู้ชาย "Active Crystal" ตัวเรือนขนาดใหญ่ ตัวเรือนสีทองชมพูทำจากสแตนเลสสตีล ขอบตัวเรือนทำด้วยคริสตัล ราคาเฉลี่ย 17,000 บาท และคอลเลคชัน "Lady Night" สำหรับผู้หญิง ราคาเฉลี่ย 8,000 - 12,000 บาท ทั้งสองรุ่นเน้นกลุ่มนักศึกษา เริ่มต้นทำงาน คนรุ่นใหม่ที่สนใจเรื่องแฟชั่นนาฬิกา ซึ่งจะเปิดตัวในงานสยามพารากอน เวิลด์ วอทช์ แอนด์ จิวเวลรี่ 2008 ปลายเดือนกรกฎาคมนี้ พร้อมทั้งแคมเปญส่วนลด 20-25% นำเข้ามาจำหน่ายรุ่นละ 100 เรือน
"ที่ผ่านมานาฬิกาโครโนเทคระดับราคา 9,000 - 15,000 บาท จะขายดีที่สุดเพราะราคาไม่แพงมาก ได้นาฬิกาที่มีคุณภาพ ดีไซน์แปลกไม่เหมือนใคร ซึ่งกลุ่มเป้าหมายหลักเราคือ วัยรุ่น วัยทำงานตอนต้น ที่เริ่มมีกำลังซื้อมากขึ้น ซึ่งตอนนี้เรามีฐานลูกค้าโครโนทคประมาณ 500 ราย" นายองอาจกล่าว
นอกจากนั้นยังเตรียมที่จะเพิ่มจุดขายของโครโนเทคอีกเป็น 90 จุดในห้างสรรพสินค้า จากเดิมที่มีอยู่แล้วประมาณ 80 กว่าจุด เพื่อให้กระจายถึงกลุ่มเป้าหมายมากขึ้น ซึ่งปัจจุบันโครโนเทคถือได้ว่าเป็นนาฬิกาในตลาดแนวแฟชั่นระดับกลางที่อยู่ใน 1 ใน 3 อันดับสูงสุดของตลาด
นายองอาจ มหาดำรงค์กุล กรรมการบริหาร ห้างหุ้นส่วนจำกัด ศรีทองพาณิชย์ ผู้นำเข้าและจำหน่ายนาฬิกาโครโนเทค จากประเทศอิตาลี กล่าวว่า ตลาดนาฬิกาแข่งขันกันรุนแรงมาก เนื่องจากปัจจุบันมีผู้ประกอบการมากกว่า 50 ราย มีนาฬิกาทำตลาดในไทยมากกว่า 280 แบรนด์ ต่างจากในอดีตที่มีไม่ถึง 100 แบรนด์ ส่งผลให้มีการใช้กลยุทธ์ด้านราคาเข้ามาทำตลาดแย่งชิงลูกค้ากันมากโดยเฉพาะในช่วงที่กำลังซื้อลดลงและภาวะเศรษฐกิจไม่ค่อยดีด้วย
ทั้งนี้ตลาดนาฬิกาในไทยมีมูลค่ารวมประมาณ 2,800 ล้านบาท คาดว่าภาพรวมปีนี้จะเติบโต 10% ซึ่งตลาดมี 3 กลุ่มหลักคือ ระดับไฮเอนด์ มีสัดส่วนกว่า 40% หรือ 1,120 ล้านบาท และระดับกลางถึงสูง สัดส่วน 35% หรือมูลค่า 980 ล้านบาท ส่วนตลาดระดับล่าง 25% หรือประมาณ 700 ล้านบาท โดยตลาดระดับกลางถึงไฮเอนด์เติบโตมากที่สุดกว่า 15% ขณะที่ตลาดระดับล่างนั้นโตน้อยกว่าแค่ 5% เท่านั้น และเป็นตลาดที่แข่งขันรุนแรงโดยเฉพาะตลาดในกลุ่มระดับล่าง
สำหรับศรีทองนั้นปีนี้ยังไม่มีแผนที่จะนำนาฬิกาแบรนด์ใหม่เข้ามาทำตลาดเพิ่มเติม แต่ในอนาคตต้องมีแน่นอน ซึ่งขึ้นอยู่กับสภาพเศรษฐกิจและความเหมาะสมรวมทั้งความต้องการของตลาดด้วย ซึ่งสามแบรนด์ล่าสุดที่เพิ่งทำตลาดในไทยได้ประมาณ 2 ปีคือ โครโนเทค ฟอร์เม็กซ์ และ อควอเนติกส์ โดยมีแบรนด์โครโนเทคเป็นตัวหลักและจะรุกตลาดแบรนด์นี้มากขึ้น ขณะที่แบรนด์หลักเก่าแก่ของศรีทองฯ เช่น ซิติเซ็น ราโด มิโด เป็นต้น
ช่วงครึ่งปีแรกปีนี้ แบรนด์โครโนเทคมีการเติบโต 15% มากกว่าตลาดรวม โดยตั้งเป้าหมายว่าปีนี้จะมีรายได้จากแบรนด์โครโนเทคประมาณ 20 ล้านบาท เติบโต 33% จากปีที่แล้วที่มียอดขาย 14 ล้านบาท โดยใช้งบการตลาดปีนี้ 10 ล้านบาท ทำตลาดแบรนด์โครโนเทคเต็มที่ทุกรูปแบบ ทั้งบีโลว์เดอะไลน์ และอโบฟเดอะไลน์
แผนปีนี้จะเปิดคอลเลคชันใหม่รวม 12 รุ่น ล่าสุดเปิดตัว นาฬิกาผู้ชาย "Active Crystal" ตัวเรือนขนาดใหญ่ ตัวเรือนสีทองชมพูทำจากสแตนเลสสตีล ขอบตัวเรือนทำด้วยคริสตัล ราคาเฉลี่ย 17,000 บาท และคอลเลคชัน "Lady Night" สำหรับผู้หญิง ราคาเฉลี่ย 8,000 - 12,000 บาท ทั้งสองรุ่นเน้นกลุ่มนักศึกษา เริ่มต้นทำงาน คนรุ่นใหม่ที่สนใจเรื่องแฟชั่นนาฬิกา ซึ่งจะเปิดตัวในงานสยามพารากอน เวิลด์ วอทช์ แอนด์ จิวเวลรี่ 2008 ปลายเดือนกรกฎาคมนี้ พร้อมทั้งแคมเปญส่วนลด 20-25% นำเข้ามาจำหน่ายรุ่นละ 100 เรือน
"ที่ผ่านมานาฬิกาโครโนเทคระดับราคา 9,000 - 15,000 บาท จะขายดีที่สุดเพราะราคาไม่แพงมาก ได้นาฬิกาที่มีคุณภาพ ดีไซน์แปลกไม่เหมือนใคร ซึ่งกลุ่มเป้าหมายหลักเราคือ วัยรุ่น วัยทำงานตอนต้น ที่เริ่มมีกำลังซื้อมากขึ้น ซึ่งตอนนี้เรามีฐานลูกค้าโครโนทคประมาณ 500 ราย" นายองอาจกล่าว
นอกจากนั้นยังเตรียมที่จะเพิ่มจุดขายของโครโนเทคอีกเป็น 90 จุดในห้างสรรพสินค้า จากเดิมที่มีอยู่แล้วประมาณ 80 กว่าจุด เพื่อให้กระจายถึงกลุ่มเป้าหมายมากขึ้น ซึ่งปัจจุบันโครโนเทคถือได้ว่าเป็นนาฬิกาในตลาดแนวแฟชั่นระดับกลางที่อยู่ใน 1 ใน 3 อันดับสูงสุดของตลาด