ซาบีน่า ลดออเดอร์ต่างประเทศ มุ่งเน้นตลาดไทย โหมงบตลาด เพิ่มเป็น 40 ล้านบาท เน้นบีโลว์เดอะไลน์ เปิดคอลเลกชันชุดชั้นในใหม่ จับกลุ่มหญิงออกกำลังกาย
นายบุญชัย ปัณฑุรอัมพร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซาบีน่า จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดชุดชั้นในปีนี้ การแข่งขันจะรุนแรงในกลุ่มระดับกลางถึงล่างที่เล่นเรื่องราคาเป็นหลัก รวมทั้งผลกระทบจากผลิตภัณฑ์จากประเทศจีนที่เข้ามาตีตลาดด้วย ขณะที่กลุ่มระดับกลางถึงบนนั้นที่บริษัทอยู่ในกลุ่มนี้ ไม่ได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจที่ไม่ดี และตลาดจีนเท่าใด โดยกลุ่มนี้จะเน้นแข่งเรื่องตัวผลิตภัณฑ์และคุณภาพเป็นหลัก ซึ่งคาดว่าปีนี้ตลาดรวมจะเติบโต 5% จากมูลค่าตลาดรวม 12,000 ล้านบาท
แผนตลาดซาบีน่า ปีนี้จะใช้งบตลาดรวม 40 ล้านบาท มากกว่าปีที่แล้วที่ใช้ 10 ล้านบาท โดยเน้นการทำบีโลว์เดอะไลน์ ซีอาร์เอ็ม ออกคอลเลกชันใหม่ทุกเดือน ล่าสุดคือ คอลเลกชันเอสบีเอ็นสปอร์ตฟังก์ชัน สำหรับผู้ที่รักการออกกำลังกาย ราคาเฉลี่ย 450-550 บาท ส่วนกางเกงชั้นในราคา 190-250 บาท ตั้งเป้ารายได้จากเอสบีเอ็นนี้ ประมาณ 10% หรือ 220 ล้านบาทจากรายได้รวม ส่วนคอลเลกชันทำรายได้หลักคือ ดูมดูม มีสัดส่วนยอดขาย 20%
ขณะที่แผนลงทุนเปิดชอปอินชอป “ซาบีน่าชอป” ตามแผนภายในปี 2551-2553 จะเปิดให้ได้ 5 แห่ง ซึ่งขณะนี้เปิดไปแล้ว 4 แห่ง คือ ที่ เอ็มบีเคเซ็นเตอร์ แฟชั่นไอส์แลนด์ ห้างแหลมทองบางแสน และมาร์เก็ตวิลเลจหัวหิน ระยะแรกจะเป็นการเช่า ถือเป็นการบริหารความเสี่ยงเรื่องการลงทุนยุคที่ภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวลง แต่หากผลประกอบการดีก็จะลงทุนเปิดเต็มรูปแบบ
ส่วนตลาดต่างประเทศ เนื่องจากค่าเงินบาทแข็งขึ้น จึงหันมาเน้นตลาดในประเทศมากขึ้น โดยลดการรับออเดอร์ต่างประเทศลง ซึ่งผลิตภัณฑ์กว่า 60% จากกำลังการผลิต จะทำตลาดในประเทศ จากเดิมที่ ส่งออกผลิตภัณฑ์ไปต่างประเทศ 60% จากกำลังผลิต ซึ่งปัจจุบันมี 4 โรงงาน มีกำลังผลิตชุดชั้นในรวมกัน 13 ล้านชิ้นต่อปี
สำหรับผลประกอบการปีนี้ตั้งเป้ารายได้รวมในประเทศ 1,600 ล้านบาท เพิ่มจากปีที่แล้วที่ได้ 1,400 ล้านบาท ครึ่งปีแรกทำได้แล้ว 700 ล้านบาท ขณะที่รายได้ต่างประเทศปีนี้ตั้งไว้ที่ 1,000 ล้านบาท ครึ่งปีแรกทำได้แล้ว 600 ล้านบาท ซึ่งแบรนด์ซาบีน่าอยู่ในอันดับที่ 3 ของตลาดรวม มีแชร์ประมาณ 13% ใกล้เคียงกับอันดับสองแล้ว โดยมีวาโก้เป็นผู้นำตลาด
นายบุญชัย ปัณฑุรอัมพร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซาบีน่า จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดชุดชั้นในปีนี้ การแข่งขันจะรุนแรงในกลุ่มระดับกลางถึงล่างที่เล่นเรื่องราคาเป็นหลัก รวมทั้งผลกระทบจากผลิตภัณฑ์จากประเทศจีนที่เข้ามาตีตลาดด้วย ขณะที่กลุ่มระดับกลางถึงบนนั้นที่บริษัทอยู่ในกลุ่มนี้ ไม่ได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจที่ไม่ดี และตลาดจีนเท่าใด โดยกลุ่มนี้จะเน้นแข่งเรื่องตัวผลิตภัณฑ์และคุณภาพเป็นหลัก ซึ่งคาดว่าปีนี้ตลาดรวมจะเติบโต 5% จากมูลค่าตลาดรวม 12,000 ล้านบาท
แผนตลาดซาบีน่า ปีนี้จะใช้งบตลาดรวม 40 ล้านบาท มากกว่าปีที่แล้วที่ใช้ 10 ล้านบาท โดยเน้นการทำบีโลว์เดอะไลน์ ซีอาร์เอ็ม ออกคอลเลกชันใหม่ทุกเดือน ล่าสุดคือ คอลเลกชันเอสบีเอ็นสปอร์ตฟังก์ชัน สำหรับผู้ที่รักการออกกำลังกาย ราคาเฉลี่ย 450-550 บาท ส่วนกางเกงชั้นในราคา 190-250 บาท ตั้งเป้ารายได้จากเอสบีเอ็นนี้ ประมาณ 10% หรือ 220 ล้านบาทจากรายได้รวม ส่วนคอลเลกชันทำรายได้หลักคือ ดูมดูม มีสัดส่วนยอดขาย 20%
ขณะที่แผนลงทุนเปิดชอปอินชอป “ซาบีน่าชอป” ตามแผนภายในปี 2551-2553 จะเปิดให้ได้ 5 แห่ง ซึ่งขณะนี้เปิดไปแล้ว 4 แห่ง คือ ที่ เอ็มบีเคเซ็นเตอร์ แฟชั่นไอส์แลนด์ ห้างแหลมทองบางแสน และมาร์เก็ตวิลเลจหัวหิน ระยะแรกจะเป็นการเช่า ถือเป็นการบริหารความเสี่ยงเรื่องการลงทุนยุคที่ภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวลง แต่หากผลประกอบการดีก็จะลงทุนเปิดเต็มรูปแบบ
ส่วนตลาดต่างประเทศ เนื่องจากค่าเงินบาทแข็งขึ้น จึงหันมาเน้นตลาดในประเทศมากขึ้น โดยลดการรับออเดอร์ต่างประเทศลง ซึ่งผลิตภัณฑ์กว่า 60% จากกำลังการผลิต จะทำตลาดในประเทศ จากเดิมที่ ส่งออกผลิตภัณฑ์ไปต่างประเทศ 60% จากกำลังผลิต ซึ่งปัจจุบันมี 4 โรงงาน มีกำลังผลิตชุดชั้นในรวมกัน 13 ล้านชิ้นต่อปี
สำหรับผลประกอบการปีนี้ตั้งเป้ารายได้รวมในประเทศ 1,600 ล้านบาท เพิ่มจากปีที่แล้วที่ได้ 1,400 ล้านบาท ครึ่งปีแรกทำได้แล้ว 700 ล้านบาท ขณะที่รายได้ต่างประเทศปีนี้ตั้งไว้ที่ 1,000 ล้านบาท ครึ่งปีแรกทำได้แล้ว 600 ล้านบาท ซึ่งแบรนด์ซาบีน่าอยู่ในอันดับที่ 3 ของตลาดรวม มีแชร์ประมาณ 13% ใกล้เคียงกับอันดับสองแล้ว โดยมีวาโก้เป็นผู้นำตลาด