"สยามแก๊ส" กำหนดราคาไอพีโอ 8 บาท ระดมทุน 2.24 ล้านบาท ที่ปรึกษาฟุ้งขณะนี้นักลงทุนสนใจแห่จองล้น2 เท่า เริ่มเปิดจองวันนี้ เทรด 3 มิ.ย. ด้าน"ซาบีน่า" มั่นใจเทรดวันแรก 15พ.ค.เหนือจองเหตุนักลงทุนตอบรับดี เบนเข็มลุยตลาดในประเทศมากขึ้น เหตุมาร์จิ้นสูงดันกำไรปีนี้พุ่ง
นายบุญชัย ปัณฑุรอัมพร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซาบีน่า จำกัด (มหาชน)หรือ SABINA เผยว่า บริษัทมั่นใจว่าการเข้าซื้อขายหุ้นวันแรกของบริษัทในวันนี้ (15พ.ค.)จะสามารถสูงกว่าราคาจองได้ เนื่องจาก นักลงทุนสนใจที่จะเข้ามาจองซื้อหุ้นของบริษัทจำนวนมาก และบริษัทมีการบริหารงานที่ดีโปร่งใส และผลประกอบการของบริษัทมีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง และบริษัทมองว่าราคาหุ้นที่ 32 บาท มีค่าP/E 18.12 เท่า ซึ่งสูงกว่าบริษัทที่ทำธุรกิจใกล้เคียงกันนั้นก็เป็นราคาที่เหมาะสมเพราะ บริษัทเป็นเจ้าของแบรนด์และมีช่องทางในการจัดจำหน่ายสินค้าเอง
ทั้งนี้ บริษัทมีการเสนอขายหุ้นไอพีโอครั้ง นี้ 10.50 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์)หุ้นละ 5 บาท คิดเป็น 15.11%ของทุนจดทะเบียนนั้นถือว่าหุ้นมีสภาพคล่องเพียงพอ และหากมีโครงการที่จะลงทุนขนาดใหญ่ในต่างประเทศ อาจต้องเพิ่มทุน แต่ขณะนี้ยังไม่มีความจำเป็น และไม่คิดแตกพาร์
สำหรับแผนงานบริษัทได้ปรับลดการจำหน่ายสินค้าให้กับประเทศอเมริกาซึ่งเป็นลักษณะการรับจ้างผลิต(OEM)ลดลง เนื่องจากได้รับผลกระทบค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลงต่อเนื่องและอัตรากำไรขั้นต้น
(มาร์จิ้น)ต่ำ โดยหันไปเน้นรับงานOEMจากลูกค้ายุโรป อังกฤษมาก ส่งผลให้รายได้รวมของบริษัทในปีนี้ปรับตัวเพิ่มขึ้นเพียง 6% หรือ 2,200 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6% จากปี 50 ที่มีรายได้รวม 2,093 ล้านบาท
นายบุญชัย กล่าวว่า กำไรสุทธิของบริษัทจะปรับตัวเพิ่มขึ้น เพราะเน้นจำหน่ายสินค้าแบรนด์ตัวเองมากขึ้น ซึ่งมีมาร์จิ้นสูง 20-30% โดยสัดส่วนรายได้ปีนี้การจำหน่ายสินค้าต่างประเทศลดลงเหลือ 40% จากปีก่อนที่ 60% ทำให้รายได้จากการจำหน่ายสินค้าในประเทศโดยแบรนด์ของบริษัทเพิ่มเป็น 60% จากปีก่อนที่มี 40%
นายบุญชัย กล่าวว่า บริษัทมีแผนที่จะขยายตลาดไปประเทศ เกาหลี ตะวันออกกลาง และอียิปต์ ซึ่งขณะนี้อยู่ในขั้นเริ่มต้น และบริษัทมีแผนที่จะเปิดสาขาร้านชุดชั้นในซาบีน่าอีก 1 แห่ง ที่มาบุญครองในเดือนพฤษภาคมนี้ จากปัจจุบันที่ มี 2 แห่ง คือ แฟร์ชั่นไอแลนด์ และหัวหิน โดยตั้งเป้าในอีก 2-3 ปี จะมีสาขา 5 แห่ง
นายศุภชัย วีรบวรพงศ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท สยามแก๊ส แอนด์ ปิโตรเคมีคัลส์ จำกัด (มหาชน) หรือ SGP เปิดเผยว่า บริษัทกำหนดราคาขายหุ้นต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) 8 บาท ต่อหุ้น 280 ล้านหุ้น โดยจะเปิดจองในวันที่ 15-16 และ 20-21 พฤษภาคมนี้ และคาดว่าจะเทรดวันแรกในวันที่ 3 มิถุนายนนี้ โดยบริษัทมั่นใจว่าจะได้รับการตอบรับจากนักลงทุนเป็นอย่างดี
ทั้งนี้จากบริษัทมีการเติบโตของธุรกิจที่ดี พบว่าไตรมาสแรกปีนี้ บริษัทมีกำไรสุทธิ 170.16 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 72.62 ล้านบาท คิดเป็น 74.45% จากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 97.54 ล้านบาท โดยมีรายได้จากการขาย 4,371.69 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 977.64 ล้านบาท จากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้จากการขาย 3,394.05 ล้านบาท
สำหรับเงินทุนที่ระดม 2,240 ล้านบาท จะนำไปขยายสถานีบริการก๊าซทั้งในเขตกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด 20 แห่ง โดยแบ่งเป็นสถานีบริการก๊าซในชื่อ สยามแก๊ส 10 แห่ง และในชื่อ ยูนิคแก๊ส 10 แห่ง รวมถึงการลงทุนโครงการก่อสร้างคลังก๊าซ และโรงบรรจุก๊าซ ในประเทศเวียดนาม โดยบริษัทมีเป้าหมายเพื่อเป็นผู้ประกอบธุรกิจพลังงานอันดับต้นๆ ของตะวันออกเฉียงใต้ รวมถึงรักษาส่วนแบ่งตลาดการขายก๊าซ LPG ซึ่งปัจจุบันอยู่ในลำดับที่ 2 ของประเทศ และบริษัทมีการเติบโตดีต่อเนื่อง
นายชูพงศ์ ธนเศรษฐกร กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ เคทีบี จำกัด ในฐานะผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย กล่าวว่า ราคาหุ้นที่ 8 บาทต่อหุ้นมีค่าP/Eที่8-9 เท่า ซึ่งมีส่วนลดให้กับนักลงทุน 30% จากที่นักวิเคราะห์ต่างๆให้ราคาเหมาะสมที่ 11 บาท โดยบริษัทมั่นใจ ว่าเทรดวันแรกจะเหนือจองได้ เนื่องจากเป็นธุรกิจพื้นฐานที่มีความจำเป็นสำหรับการบริโภค ประกอบกับบริษัทมีการเติบโตที่ดีอย่างต่อเนื่อง โดยขณะนี้มีมีนักลงทุนสนใจจองหุ้นของ SGPมากกว่าจำนวนหุ้นที่จัดสรรให้ถึง 2 เท่า
นายบุญชัย ปัณฑุรอัมพร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซาบีน่า จำกัด (มหาชน)หรือ SABINA เผยว่า บริษัทมั่นใจว่าการเข้าซื้อขายหุ้นวันแรกของบริษัทในวันนี้ (15พ.ค.)จะสามารถสูงกว่าราคาจองได้ เนื่องจาก นักลงทุนสนใจที่จะเข้ามาจองซื้อหุ้นของบริษัทจำนวนมาก และบริษัทมีการบริหารงานที่ดีโปร่งใส และผลประกอบการของบริษัทมีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง และบริษัทมองว่าราคาหุ้นที่ 32 บาท มีค่าP/E 18.12 เท่า ซึ่งสูงกว่าบริษัทที่ทำธุรกิจใกล้เคียงกันนั้นก็เป็นราคาที่เหมาะสมเพราะ บริษัทเป็นเจ้าของแบรนด์และมีช่องทางในการจัดจำหน่ายสินค้าเอง
ทั้งนี้ บริษัทมีการเสนอขายหุ้นไอพีโอครั้ง นี้ 10.50 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์)หุ้นละ 5 บาท คิดเป็น 15.11%ของทุนจดทะเบียนนั้นถือว่าหุ้นมีสภาพคล่องเพียงพอ และหากมีโครงการที่จะลงทุนขนาดใหญ่ในต่างประเทศ อาจต้องเพิ่มทุน แต่ขณะนี้ยังไม่มีความจำเป็น และไม่คิดแตกพาร์
สำหรับแผนงานบริษัทได้ปรับลดการจำหน่ายสินค้าให้กับประเทศอเมริกาซึ่งเป็นลักษณะการรับจ้างผลิต(OEM)ลดลง เนื่องจากได้รับผลกระทบค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลงต่อเนื่องและอัตรากำไรขั้นต้น
(มาร์จิ้น)ต่ำ โดยหันไปเน้นรับงานOEMจากลูกค้ายุโรป อังกฤษมาก ส่งผลให้รายได้รวมของบริษัทในปีนี้ปรับตัวเพิ่มขึ้นเพียง 6% หรือ 2,200 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6% จากปี 50 ที่มีรายได้รวม 2,093 ล้านบาท
นายบุญชัย กล่าวว่า กำไรสุทธิของบริษัทจะปรับตัวเพิ่มขึ้น เพราะเน้นจำหน่ายสินค้าแบรนด์ตัวเองมากขึ้น ซึ่งมีมาร์จิ้นสูง 20-30% โดยสัดส่วนรายได้ปีนี้การจำหน่ายสินค้าต่างประเทศลดลงเหลือ 40% จากปีก่อนที่ 60% ทำให้รายได้จากการจำหน่ายสินค้าในประเทศโดยแบรนด์ของบริษัทเพิ่มเป็น 60% จากปีก่อนที่มี 40%
นายบุญชัย กล่าวว่า บริษัทมีแผนที่จะขยายตลาดไปประเทศ เกาหลี ตะวันออกกลาง และอียิปต์ ซึ่งขณะนี้อยู่ในขั้นเริ่มต้น และบริษัทมีแผนที่จะเปิดสาขาร้านชุดชั้นในซาบีน่าอีก 1 แห่ง ที่มาบุญครองในเดือนพฤษภาคมนี้ จากปัจจุบันที่ มี 2 แห่ง คือ แฟร์ชั่นไอแลนด์ และหัวหิน โดยตั้งเป้าในอีก 2-3 ปี จะมีสาขา 5 แห่ง
นายศุภชัย วีรบวรพงศ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท สยามแก๊ส แอนด์ ปิโตรเคมีคัลส์ จำกัด (มหาชน) หรือ SGP เปิดเผยว่า บริษัทกำหนดราคาขายหุ้นต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) 8 บาท ต่อหุ้น 280 ล้านหุ้น โดยจะเปิดจองในวันที่ 15-16 และ 20-21 พฤษภาคมนี้ และคาดว่าจะเทรดวันแรกในวันที่ 3 มิถุนายนนี้ โดยบริษัทมั่นใจว่าจะได้รับการตอบรับจากนักลงทุนเป็นอย่างดี
ทั้งนี้จากบริษัทมีการเติบโตของธุรกิจที่ดี พบว่าไตรมาสแรกปีนี้ บริษัทมีกำไรสุทธิ 170.16 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 72.62 ล้านบาท คิดเป็น 74.45% จากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 97.54 ล้านบาท โดยมีรายได้จากการขาย 4,371.69 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 977.64 ล้านบาท จากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้จากการขาย 3,394.05 ล้านบาท
สำหรับเงินทุนที่ระดม 2,240 ล้านบาท จะนำไปขยายสถานีบริการก๊าซทั้งในเขตกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด 20 แห่ง โดยแบ่งเป็นสถานีบริการก๊าซในชื่อ สยามแก๊ส 10 แห่ง และในชื่อ ยูนิคแก๊ส 10 แห่ง รวมถึงการลงทุนโครงการก่อสร้างคลังก๊าซ และโรงบรรจุก๊าซ ในประเทศเวียดนาม โดยบริษัทมีเป้าหมายเพื่อเป็นผู้ประกอบธุรกิจพลังงานอันดับต้นๆ ของตะวันออกเฉียงใต้ รวมถึงรักษาส่วนแบ่งตลาดการขายก๊าซ LPG ซึ่งปัจจุบันอยู่ในลำดับที่ 2 ของประเทศ และบริษัทมีการเติบโตดีต่อเนื่อง
นายชูพงศ์ ธนเศรษฐกร กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ เคทีบี จำกัด ในฐานะผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย กล่าวว่า ราคาหุ้นที่ 8 บาทต่อหุ้นมีค่าP/Eที่8-9 เท่า ซึ่งมีส่วนลดให้กับนักลงทุน 30% จากที่นักวิเคราะห์ต่างๆให้ราคาเหมาะสมที่ 11 บาท โดยบริษัทมั่นใจ ว่าเทรดวันแรกจะเหนือจองได้ เนื่องจากเป็นธุรกิจพื้นฐานที่มีความจำเป็นสำหรับการบริโภค ประกอบกับบริษัทมีการเติบโตที่ดีอย่างต่อเนื่อง โดยขณะนี้มีมีนักลงทุนสนใจจองหุ้นของ SGPมากกว่าจำนวนหุ้นที่จัดสรรให้ถึง 2 เท่า