นายรุ่งโรจน์ เลิศอำนาจกิจเสรี ผู้จัดการฝ่ายการตลาด แผนกเครื่องเสียงภายในบ้าน บริษัท ไพโอเนียร์ อิเล็คทรอนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดเครื่องเสียงภายในบ้านปีนี้ประมาณการณ์ว่าจะมีอัตราการเติบโดลดลงกว่า 10% ซึ่งต่ำที่สุดในรอบปีที่ผ่านมา เนื่องจากปัจจัยมาจากภาวะเศรษฐกิจ การเมือง และปัญหาเงินเฟ้อ ส่งผลให้ผู้บริโภคมีการชะลอกำลังซื้อ ซึ่งส่งผลกระทบต่อสินค้าเพียงบางหมวดเท่านั้น
ทั้งนี้ ในส่วนของบริษัทช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมา ยังคงมีอัตราการเติบโตเป็นไปตามเป้าที่ตั้งไว้ และยังไม่มีการปรับเป้าใหม่ แม้ว่าภาวะเศรษฐกิจและการเมืองจะยังไม่นิ่ง ซึ่งทั้งปีบริษัทตั้งเป้ายอดขายรวมไว้ที่ 1,800 ล้านบาท โตจากปีที่ผ่านมาที่ 1,600 ล้านบาท แบ่งเป็นเครื่องเสียงภายในบ้าน 50% และเครื่องเสียงติดรถยนต์ 50% ปัจจุบันบริษัทมีส่วนแบ่งการตลาดเครื่องเสียงภายในบ้าน 12-13% ซึ่งอยู่ในอันดับ 2 รองจากโซนี่ ที่มีส่วนแบ่งการตลาดถึง 27% สำหรับสินค้าที่สร้างยอดขายหลักให้กับบริษัท คือ เครื่องเล่นดีวีดี 30% และชุดโฮมเธียเตอร์ 30%
สำหรับทิศทางการทำตลาดครึ่งปีหลัง บริษัทยังคงขยายธุรกิจเข้าสู่กลุ่มลูกค้าพรีเมียมอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการเปิดตัวสินค้าใหม่ เข้าสู่ตลาด โดยในช่วงปลายปีบริษัทจะเปิดตัวเครื่องเล่นบลูเรย์ และจอพลาสม่า และล่าสุดเปิดตัว SUSANO AV Multi Channel Pre-Main Amplifier รุ่น SC-LX90 แบบ 10 แชนแนล กำลังขยายเสียง 1,400 วัตต์ ซึ่งจะจำหน่ายเดือนกันยายนนี้
นอกจากนี้ บริษัทเตรียมที่จะนำจอแอลซีดีเข้ามาทำตลาดในประเทศไทย ซึ่งคาดว่าจะเป็นช่วงต้นปี 2552 เนื่องจากบริษัทเล็งเห็นถึงความต้องการซื้อในตลาดที่มีสูง ปัจจุบันจอแอลซีดีที่ของบริษัทเริ่มมีวางจำหน่ายแล้วที่ประเทศญี่ปุ่น อเมริกา และยุโรป ซึ่งจะมีการกระจายสินค้าเข้าสู่ประเทศอื่นๆ อย่างต่อเนื่อง ส่วนสายการผลิตเป็นการร่วมทุนกับบริษัท ชาร์ป เพื่อผลิตสินค้าออกสู่ตลาด
ส่วนทิศทางการทำตลาด บริษัทจะมุ่งเน้นการทำตลาดโดยตรง (Direct Marketing) และการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายที่เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายระดับพรีเมียมเฉพาะกลุ่ม ภายใต้งบการตลาด 100 ล้านบาท เท่ากับปีที่ผ่านมา ส่วนช่องทางการจำหน่ายปัจจุบันบริษัทมีร้านค้าที่ครอบคลุมความต้องการทั้งประเทศกว่า 100 ร้านค้า ซึ่งยังไม่นับรวมร้านค้าที่อยู่ในโมเดิร์นเทรด
ทั้งนี้ ในส่วนของบริษัทช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมา ยังคงมีอัตราการเติบโตเป็นไปตามเป้าที่ตั้งไว้ และยังไม่มีการปรับเป้าใหม่ แม้ว่าภาวะเศรษฐกิจและการเมืองจะยังไม่นิ่ง ซึ่งทั้งปีบริษัทตั้งเป้ายอดขายรวมไว้ที่ 1,800 ล้านบาท โตจากปีที่ผ่านมาที่ 1,600 ล้านบาท แบ่งเป็นเครื่องเสียงภายในบ้าน 50% และเครื่องเสียงติดรถยนต์ 50% ปัจจุบันบริษัทมีส่วนแบ่งการตลาดเครื่องเสียงภายในบ้าน 12-13% ซึ่งอยู่ในอันดับ 2 รองจากโซนี่ ที่มีส่วนแบ่งการตลาดถึง 27% สำหรับสินค้าที่สร้างยอดขายหลักให้กับบริษัท คือ เครื่องเล่นดีวีดี 30% และชุดโฮมเธียเตอร์ 30%
สำหรับทิศทางการทำตลาดครึ่งปีหลัง บริษัทยังคงขยายธุรกิจเข้าสู่กลุ่มลูกค้าพรีเมียมอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการเปิดตัวสินค้าใหม่ เข้าสู่ตลาด โดยในช่วงปลายปีบริษัทจะเปิดตัวเครื่องเล่นบลูเรย์ และจอพลาสม่า และล่าสุดเปิดตัว SUSANO AV Multi Channel Pre-Main Amplifier รุ่น SC-LX90 แบบ 10 แชนแนล กำลังขยายเสียง 1,400 วัตต์ ซึ่งจะจำหน่ายเดือนกันยายนนี้
นอกจากนี้ บริษัทเตรียมที่จะนำจอแอลซีดีเข้ามาทำตลาดในประเทศไทย ซึ่งคาดว่าจะเป็นช่วงต้นปี 2552 เนื่องจากบริษัทเล็งเห็นถึงความต้องการซื้อในตลาดที่มีสูง ปัจจุบันจอแอลซีดีที่ของบริษัทเริ่มมีวางจำหน่ายแล้วที่ประเทศญี่ปุ่น อเมริกา และยุโรป ซึ่งจะมีการกระจายสินค้าเข้าสู่ประเทศอื่นๆ อย่างต่อเนื่อง ส่วนสายการผลิตเป็นการร่วมทุนกับบริษัท ชาร์ป เพื่อผลิตสินค้าออกสู่ตลาด
ส่วนทิศทางการทำตลาด บริษัทจะมุ่งเน้นการทำตลาดโดยตรง (Direct Marketing) และการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายที่เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายระดับพรีเมียมเฉพาะกลุ่ม ภายใต้งบการตลาด 100 ล้านบาท เท่ากับปีที่ผ่านมา ส่วนช่องทางการจำหน่ายปัจจุบันบริษัทมีร้านค้าที่ครอบคลุมความต้องการทั้งประเทศกว่า 100 ร้านค้า ซึ่งยังไม่นับรวมร้านค้าที่อยู่ในโมเดิร์นเทรด
