ไชน่านิวส์ - หลังจากที่การต่อสู้ของ 2 เทคโนโลยีแห่งอนาคตอย่างเอชดี-ดีวีดี (HD-DVD) กับ บลูเรย์ ดิสก์ (Blu-ray Disc) ได้ลงเอยไปเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมาด้วยการประกาศยอมแพ้และถอนตัวออกไปของเทคโนโลยี HD-DVD จากบริษัทโตชิบา ล่าสุดบลูเรย์ ดิสก์ได้รุกหนักเข้าสู่ตลาดแดนมังกรแล้ว
โดยในสัปดาห์ที่ผ่านมา ในงานนิทรรศการเทคโนโลยีนานาชาติที่จัดขึ้นในปักกิ่งนั้น ประธานสมาพันธ์บลูเรย์ และหัวหน้าทีมงานยุทธศาสตร์ของมัตซุชิตะ อิเล็คทริก อินดัสเทรียล ได้เปิดเผยกับนิตยสารไฉจิง ซึ่งเป็นนิตยสารทางเศรษฐกิจการเงินของจีนว่า “หลังจากที่โตชิบาได้ประกาศถอน HD-DVD ออกจากตลาด สมาชิกของสมาพันธ์ก็เพิ่มมากขึ้นอย่างรวดเร็วจนในขณะนี้มีถึง 187 รายแล้วอีกทั้งทำให้ยอดขายของบลูเรย์ ดิสก์ทั่วโลกเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และกำลังจะมาแทนที่ดีวีดีปกติแล้ว
ขณะนี้บริษัทที่เข้าร่วมก็มีเป็นจำนวนมากอาทิโซนี่ พานาโซนิก แอปเปิล เดลล์ เอชพี ซัมซุง วอลท์ดิสนีย์ วอเนอร์บราเธอร์สเป็นต้น ซึ่งในขณะนี้มีบริษัทอย่างโซนี่ พานาโซนิกที่ได้เริ่มรุกเข้ามาจำหน่ายแผ่นบลูเรย์ ดิสก์ในจีนแล้ว ทว่าโดยทั่วไปยังไม่มีเครื่องดีวีดีบลูเรย์ที่เป็นผลิตภัณฑ์ของจีนออกมา
จากการคาดการณ์ประเมินว่า ในปีนี้จะมีการจำหน่ายเครื่องเล่นบลูเรย์ ดีวีดีทั่วโลกทั้งสิ้น 7.8 ล้านเครื่อง โดยเป้าหมายหลักในขณะนี้อยู่ที่ตลาดญี่ปุ่น สหรัฐฯ และยุโรป โดยมีจีนซึ่งมีผู้บริโภคที่มีศักยภาพอยู่ไม่น้อยนั้น เป็นเป้าหมายในลำดับต่อไป และเชื่อว่าในอีก 3 ปีจีนจะเป็นตลาดที่ใหญ่กว่าญี่ปุ่นมาก
หลังจากที่บลูเรย์ ได้กลายเป็นเทคโนโลยีอนาคตผูกขาดไปแล้ว ทำให้มีผู้ผลิตจำนวนมากในจีนที่ได้พยายามติดต่อเพื่อที่จะขอเป็นผู้ผลิตเครื่องเล่น และแผ่นบลูเรย์ ดิสก์ ซึ่งในขณะนี้ได้มี 11 บริษัทแล้วที่ได้รับสิทธิ์ดังกล่าวเช่นทีซีแอล, หัวลู่กรุ๊ป , ดีเซย์, มาลาต๋า ฯลฯ เป็นต้นโดยนอกจากได้รับสิทธิ์ในการผลิตแล้ว ยังได้รับอนุญาตให้ทำการวิจัยพัฒนาอีกด้วย
ทั้งนี้ บลูเรย์ดิสค์ (Blu-ray Disc) หรือ บีดี (BD) คือรูปแบบของแผ่นออพติคอลสำหรับบันทึกข้อมูลความละเอียดสูง ชื่อของบลูเรย์มาจาก ช่วงความยาวคลื่นที่ใช้ในระบบบลูเรย์ ที่ 405 nm ของเลเซอร์สี "ฟ้า" ซึ่งทำให้สามารถทำให้เก็บข้อมูลได้มากกว่าดีวีดี โดยมีความจุตั้งแต่ 25 กิกกะไบท์ ไปจนถึง 100 กิกกะไบท์