สยามพิวรรธน์ คุยครึ่งปีแรกยอดคนเดินสยามดิสคัฟเวอรี่ เพิ่มขึ้น 15-20% ส่วนร้านลอฟท์ยอดขายโตพรวด 30% เหตุจากการรีโนเวตช่วงปลายปีที่ผ่านมา พร้อมอัดสินค้าและกิจกรรมส่งเสริมการขายเสริมความแข้งแกร่ง ทุ่มอีก 30 ล้านบาท ลุยครึ่งปีหลัง มั่นใจยอดขายทั้งปีโตไม่ต่ำกว่า 30% จาก 250 ล้านบาทแน่
นางมยุรี ชัยพรหมประสิทธิ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการด้านส่งเสริมธุรกิจ บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด ผู้บริหารศูนย์การค้าสยามเซ็นเตอร์ และสยามดิสคัฟเวอรี่ ในฐานะกรรมการบริหาร บริษัท บีไอเอชชี เทรดดิ้ง จำกัด เจ้าของไลเซ่นร้านลอฟท์ เปิดเผยว่า ช่วงครึ่งปีหลังนี้ ทางบริษัทยังไม่มีความกังวลว่าจะมีปัจจัยใดที่จะมาส่งผลกระทบต่อธุรกิจ เพราะปัจจัยลบในช่วงนี้ก็มองว่าไม่น่ากังวล อาจเป็นเพราะเราเริ่มชินกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นแล้ว
โดยในส่วนของสยามดิสคัฟเวอรี่ ต้นปีที่ผ่านมามีการรีโนเวตปรับปรุงตกแต่งร้านใหม่อย่างต่อเนื่อง คาดว่า จะแล้วเสร็จในช่วงไตรมาสสาม มองว่า จะเป็นอีกส่วนหนึ่งที่จะช่วยผลักดันให้มีคนเข้ามาเดินในศูนย์ฯเพิ่มขึ้นอีกทางหนึ่ง จากเดิมครึ่งปีแรกที่ผ่านมา พบว่า มีจำนวนคนเดินในศูนย์เพิ่มขึ้น 15-20% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน
อย่างไรก็ตาม ในฐานะของกรรมการบริหาร บริษัท บีไอเอชซี เทรดดิ้ง จำกัด กับการบริหารร้านลอฟท์ พบว่า ครึ่งปีแรกที่ผ่านมามียอดขายเพิ่มขึ้น 30% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปีก่อน ซึ่งมีสาเหตุมาจากการรีโนเวตร้านใหม่ ตั้งแต่ช่วงปลายปี 2550 ที่ผ่านมา และการเพิ่มจำนวนสินค้าใหม่มีความหลากหลายมากยิ่งขึ้น ส่งผลให้ร้านลอฟท์ขยายกลุ่มเป้าหมายจากเดิมเป็นเด็กและวัยรุ่น มาสู่กลุ่มผู้ใหญ่อีกส่วนหนึ่งด้วย จึงทำให้จำนวนยอดขายเติบโต ขณะเดียวกันแต่ละวันยังมีจำนวนลูกค้าหมุนเวียนภายในร้านเฉลี่ยวันละ 8,000 คน
ทั้งนี้ ทางบริษัท พบว่า สินค้ากลุ่มเครื่องเขียนมียอดขายสูงสุดคิดเป็นยอดขายกว่า 30% ของยอดขายรวมทั้งหมด ดังนั้น ล่าสุด บริษัทได้ปรับพื้นที่สำหรับกลุ่มเครื่องเขียนจากเดิมที่มี 140 ตารางเมตร เพิ่มเป็น 200 ตารางเมตร คาดว่า จะเป็นส่วนหนึ่งที่จะช่วยดึงดูดลูกค้าให้เข้ามาซื้อสินค้ากลุ่มเครื่องเขียนเพิ่มมากขึ้น
นอกจากนี้ ในช่วงครึ่งปีหลัง บริษัทยังได้เพิ่มงบการตลาดอีกกว่า 30 ล้านบาท จากทั้งปีที่มีงบการตลาดอยู่ที่ 60 ล้านบาท สำหรับการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย โดยเฉพาะกลยุทธ์CSR กับโปรโมชั่นส่งเสริมการขาย สำหับลูกค้าเก่าและใหม่ในทุกๆ เดือน เพื่อกระตุ้นให้มีการซื้อสินค้าเพิ่มมากขึ้น
ทั้งนี้ จากเดิมร้านลอฟท์มีจำนวนสมาชิกประมาณ 18,000 คน สิ้นปีนี้คาดว่าจะเพิ่มเป็น 30,000 คน ขณะเดียวกัน ยอดการใช้เงิน คาดว่า จะเพิ่มสูงขึ้นด้วย จาก 400 บาท เป็น 600 บาท หรือทั้งปีคาดว่าจะมียอดขายเติบโตขึ้นไม่ต่ำกว่า 30% จาก 250 ล้านบาท ในปีก่อน
นางมยุรี กล่าวต่อด้วยว่า สำหรับแผนการขยายสาขาร้านลอฟท์นั้น ปีนี้อาจจะเลื่อนออกไป เนื่องจากยังอยู่ในขั้นตอนของการเจรจาพูดคุยทั้งในส่วนของการหาทำเล และกับทางเจ้าของไลเซ่นทางประเทศญี่ปุ่น ที่ต้องการทำเลที่ตรงกับกลุ่มเป้าหมายให้มากที่สุด คาดว่า สิ้นปีนี้น่าจะสรุปผลออกมาได้
นางมยุรี ชัยพรหมประสิทธิ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการด้านส่งเสริมธุรกิจ บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด ผู้บริหารศูนย์การค้าสยามเซ็นเตอร์ และสยามดิสคัฟเวอรี่ ในฐานะกรรมการบริหาร บริษัท บีไอเอชชี เทรดดิ้ง จำกัด เจ้าของไลเซ่นร้านลอฟท์ เปิดเผยว่า ช่วงครึ่งปีหลังนี้ ทางบริษัทยังไม่มีความกังวลว่าจะมีปัจจัยใดที่จะมาส่งผลกระทบต่อธุรกิจ เพราะปัจจัยลบในช่วงนี้ก็มองว่าไม่น่ากังวล อาจเป็นเพราะเราเริ่มชินกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นแล้ว
โดยในส่วนของสยามดิสคัฟเวอรี่ ต้นปีที่ผ่านมามีการรีโนเวตปรับปรุงตกแต่งร้านใหม่อย่างต่อเนื่อง คาดว่า จะแล้วเสร็จในช่วงไตรมาสสาม มองว่า จะเป็นอีกส่วนหนึ่งที่จะช่วยผลักดันให้มีคนเข้ามาเดินในศูนย์ฯเพิ่มขึ้นอีกทางหนึ่ง จากเดิมครึ่งปีแรกที่ผ่านมา พบว่า มีจำนวนคนเดินในศูนย์เพิ่มขึ้น 15-20% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน
อย่างไรก็ตาม ในฐานะของกรรมการบริหาร บริษัท บีไอเอชซี เทรดดิ้ง จำกัด กับการบริหารร้านลอฟท์ พบว่า ครึ่งปีแรกที่ผ่านมามียอดขายเพิ่มขึ้น 30% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปีก่อน ซึ่งมีสาเหตุมาจากการรีโนเวตร้านใหม่ ตั้งแต่ช่วงปลายปี 2550 ที่ผ่านมา และการเพิ่มจำนวนสินค้าใหม่มีความหลากหลายมากยิ่งขึ้น ส่งผลให้ร้านลอฟท์ขยายกลุ่มเป้าหมายจากเดิมเป็นเด็กและวัยรุ่น มาสู่กลุ่มผู้ใหญ่อีกส่วนหนึ่งด้วย จึงทำให้จำนวนยอดขายเติบโต ขณะเดียวกันแต่ละวันยังมีจำนวนลูกค้าหมุนเวียนภายในร้านเฉลี่ยวันละ 8,000 คน
ทั้งนี้ ทางบริษัท พบว่า สินค้ากลุ่มเครื่องเขียนมียอดขายสูงสุดคิดเป็นยอดขายกว่า 30% ของยอดขายรวมทั้งหมด ดังนั้น ล่าสุด บริษัทได้ปรับพื้นที่สำหรับกลุ่มเครื่องเขียนจากเดิมที่มี 140 ตารางเมตร เพิ่มเป็น 200 ตารางเมตร คาดว่า จะเป็นส่วนหนึ่งที่จะช่วยดึงดูดลูกค้าให้เข้ามาซื้อสินค้ากลุ่มเครื่องเขียนเพิ่มมากขึ้น
นอกจากนี้ ในช่วงครึ่งปีหลัง บริษัทยังได้เพิ่มงบการตลาดอีกกว่า 30 ล้านบาท จากทั้งปีที่มีงบการตลาดอยู่ที่ 60 ล้านบาท สำหรับการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย โดยเฉพาะกลยุทธ์CSR กับโปรโมชั่นส่งเสริมการขาย สำหับลูกค้าเก่าและใหม่ในทุกๆ เดือน เพื่อกระตุ้นให้มีการซื้อสินค้าเพิ่มมากขึ้น
ทั้งนี้ จากเดิมร้านลอฟท์มีจำนวนสมาชิกประมาณ 18,000 คน สิ้นปีนี้คาดว่าจะเพิ่มเป็น 30,000 คน ขณะเดียวกัน ยอดการใช้เงิน คาดว่า จะเพิ่มสูงขึ้นด้วย จาก 400 บาท เป็น 600 บาท หรือทั้งปีคาดว่าจะมียอดขายเติบโตขึ้นไม่ต่ำกว่า 30% จาก 250 ล้านบาท ในปีก่อน
นางมยุรี กล่าวต่อด้วยว่า สำหรับแผนการขยายสาขาร้านลอฟท์นั้น ปีนี้อาจจะเลื่อนออกไป เนื่องจากยังอยู่ในขั้นตอนของการเจรจาพูดคุยทั้งในส่วนของการหาทำเล และกับทางเจ้าของไลเซ่นทางประเทศญี่ปุ่น ที่ต้องการทำเลที่ตรงกับกลุ่มเป้าหมายให้มากที่สุด คาดว่า สิ้นปีนี้น่าจะสรุปผลออกมาได้
