ทีแอลเอ็ม เครียด ลูกค้าหายวูบ หลังมติบอร์ด ททท.ระงับขายบัตรรูบี้ และซิลเวอร์ เตรียมเข้าชี้แจงต่อที่ประชุมบอร์ด ททท.23 ก.ค.นี้ เผยไม่เคยทำงานนอกมติครม. เชื่อน่าจะเกิดความเข้าใจคลาดเคลื่อน แต่หากยังยืนยันคำสั่งเดิม ก็อย่าคาดหวังกับรายได้ของบริษัท พร้อมจะดันขายรุ่นซิลเวอร์ต่อ
นางปิยาพัชร สุบรรณ ณ อยุธยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยจัดการลองสเตย์ จำกัด หรือ ทีแอลเอ็ม เปิดเผยว่า จากที่คณะกรรมการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (บอร์ด) มีมติให้บริษัทยกเลิกการจำหน่ายบัตรสมาชิกรุ่น รูบี้ และ ซิลเวอร์ โดยให้เหตุผลว่า ไม่ตรงกับวัตถุประสงค์การจัดตั้งบริษัท ที่ต้องการดึงนักท่องเที่ยวพำนักระยะยาว กลุ่มใช้จ่ายสูง ดังนั้น บริษัทจึงเตรียมข้อมูลเพื่อไปชี้แจงต่อที่ประชุมบอร์ด ททท.ในวันที่ 23 ก.ค.ศกนี้ เพื่อให้ได้ข้อมูลและวิธีการทำงานของทีแอลเอ็มอย่างแท้จริง และทีแอลเอ็มไม่ได้ทำงานนอกเหนือมติคณะรัฐมนตรี
โดยขณะนี้บริษัทได้หยุดการจำหน่ายบัตรสมาชิกทั้ง 2 รุ่นดังกล่าวแล้ว ตั้งแต่ที่ได้รับทราบหนังสือแจ้งอย่างเป็นทางการเมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งยอมรับว่า จากมติดังกล่าวมีผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของกลุ่มลูกค้าเป้าหมายเป็นอย่างมาก เพราะต่างเกิดความไม่มั่นใจในความมั่นคงของบริษัท อีกทั้งทำให้บริษัทต้องสูญเสียรายได้จากการจำหน่ายบัตรไปแล้วขณะนี้ราว 100-200 ใบ ซึ่งครึ่งหนึ่งเป็นบัตรรูบี้ ที่มีราคาใบละ 1,500 บาท ส่วนสมาชิกกลุ่มซิลเวอร์ที่ซื้อไปแล้ว ก็โทรศัพท์มาสอบถามมากมาย ตรงนี้อาจมีผลกระทบต่อภาพลักษณ์ประเทศไทยได้
อย่างไรก็ตาม หากชี้แจงแล้ว บอร์ด ททท.ยังยืนยันมติตามเดิม บริษัทก็จะขอให้ยกเลิกเฉพาะบัตรรูบี้เท่านั้น ส่วนซิลเวอร์ คงไม่สามารถยกเลิกได้ เพราะยังมีสมาชิกเก่าที่ยังไม่หมดอายุหากยกเลิกก็ต้องคืนเงินเขา และยังทำให้เสียลูกค้าจากกลุ่มนี้ เพราะเขาก็จะไม่ซื้อบัตรสมาชิกในรุ่นอื่นด้วย ขณะเดียวกัน บริษัทก็ต้องปรับแผนธุรกิจใหม่ทั้งหมด ส่วนรายได้ก็ต้องปรับลดลงอย่างแน่นอน จากที่ตั้งเป้าว่าสิ้นปีนี้บริษัทจะมีผลกำไรกว่า 18 ล้านบาท
นายปิยาพัชร กล่าวว่า ก่อนอื่นต้องชี้แจงให้บอร์ดเข้าใจว่า ธุรกิจของทีแอลเอ็ม เป็นการให้บริการ อำนวยความสะดวกให้แก่นักท่องเที่ยวกลุ่มผู้สูงวัย ที่ต้องการเดินทางมาพำนักระยะยาวในประเทศไทย ซึ่งคนกลุ่มนี้ เขาจะกังวลมากเรื่องความปลอดภัย และการดูแลเอาใจใส่ ส่วนลูกหลานของผู้สูงวัยเหล่านั้น เขาก็ต้องแน่ใจว่า พ่อแม่ หรือญาติผู้ใหญ่เขาที่มาพักในประเทศไทยจะได้รับการดูแลอย่างดี จากนั้นก็จะบอกกันต่อแบบปากต่อปากให้มาซื้อสมาชิกของเรา
ดังนั้น เหนือสิ่งอื่นใด การตัดสินใจเข้าเป็นสมาชิกก็ต้องมีการทดลองใช้บริการ บัตรรูบี้จึงเป็นเสมือนบัตรที่ลูกค้าได้มาทดลองใช้บริการ ที่เราสามารถเรียกเก็บค่าบริการแก่เขาได้ มิฉะนั้นก็ต้องให้ลูกค้าทดลองฟรี เหมือนสินค้าอื่นๆ ทั่วไป
“ที่ผ่านมา มีสมาชิกจากบัตรรูบี้จำนวนมากที่ตัดสินใจซื้อสมาชิกเป็นบัตรรุ่นอื่นๆ ทั้ง ซิลเวอร์ ราคา 12,000 บาท, โกลด์ ราคา 20,000 บาท และ แพลตินัม ราคา 28,000 บาท โดยแต่ละแบบก็จะได้สิทธิประโยชน์เรื่องส่วนลด โรงพยาบาล ร้านค้า สปา ที่แตกต่างกันออกไป โดยบริษัทตั้งเป้าว่าปีนี้จะมียอดขายบัตรรูบี้ราว 10,000 ใบ” นางปิยาพัชร กล่าว
นางปิยาพัชร สุบรรณ ณ อยุธยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยจัดการลองสเตย์ จำกัด หรือ ทีแอลเอ็ม เปิดเผยว่า จากที่คณะกรรมการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (บอร์ด) มีมติให้บริษัทยกเลิกการจำหน่ายบัตรสมาชิกรุ่น รูบี้ และ ซิลเวอร์ โดยให้เหตุผลว่า ไม่ตรงกับวัตถุประสงค์การจัดตั้งบริษัท ที่ต้องการดึงนักท่องเที่ยวพำนักระยะยาว กลุ่มใช้จ่ายสูง ดังนั้น บริษัทจึงเตรียมข้อมูลเพื่อไปชี้แจงต่อที่ประชุมบอร์ด ททท.ในวันที่ 23 ก.ค.ศกนี้ เพื่อให้ได้ข้อมูลและวิธีการทำงานของทีแอลเอ็มอย่างแท้จริง และทีแอลเอ็มไม่ได้ทำงานนอกเหนือมติคณะรัฐมนตรี
โดยขณะนี้บริษัทได้หยุดการจำหน่ายบัตรสมาชิกทั้ง 2 รุ่นดังกล่าวแล้ว ตั้งแต่ที่ได้รับทราบหนังสือแจ้งอย่างเป็นทางการเมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งยอมรับว่า จากมติดังกล่าวมีผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของกลุ่มลูกค้าเป้าหมายเป็นอย่างมาก เพราะต่างเกิดความไม่มั่นใจในความมั่นคงของบริษัท อีกทั้งทำให้บริษัทต้องสูญเสียรายได้จากการจำหน่ายบัตรไปแล้วขณะนี้ราว 100-200 ใบ ซึ่งครึ่งหนึ่งเป็นบัตรรูบี้ ที่มีราคาใบละ 1,500 บาท ส่วนสมาชิกกลุ่มซิลเวอร์ที่ซื้อไปแล้ว ก็โทรศัพท์มาสอบถามมากมาย ตรงนี้อาจมีผลกระทบต่อภาพลักษณ์ประเทศไทยได้
อย่างไรก็ตาม หากชี้แจงแล้ว บอร์ด ททท.ยังยืนยันมติตามเดิม บริษัทก็จะขอให้ยกเลิกเฉพาะบัตรรูบี้เท่านั้น ส่วนซิลเวอร์ คงไม่สามารถยกเลิกได้ เพราะยังมีสมาชิกเก่าที่ยังไม่หมดอายุหากยกเลิกก็ต้องคืนเงินเขา และยังทำให้เสียลูกค้าจากกลุ่มนี้ เพราะเขาก็จะไม่ซื้อบัตรสมาชิกในรุ่นอื่นด้วย ขณะเดียวกัน บริษัทก็ต้องปรับแผนธุรกิจใหม่ทั้งหมด ส่วนรายได้ก็ต้องปรับลดลงอย่างแน่นอน จากที่ตั้งเป้าว่าสิ้นปีนี้บริษัทจะมีผลกำไรกว่า 18 ล้านบาท
นายปิยาพัชร กล่าวว่า ก่อนอื่นต้องชี้แจงให้บอร์ดเข้าใจว่า ธุรกิจของทีแอลเอ็ม เป็นการให้บริการ อำนวยความสะดวกให้แก่นักท่องเที่ยวกลุ่มผู้สูงวัย ที่ต้องการเดินทางมาพำนักระยะยาวในประเทศไทย ซึ่งคนกลุ่มนี้ เขาจะกังวลมากเรื่องความปลอดภัย และการดูแลเอาใจใส่ ส่วนลูกหลานของผู้สูงวัยเหล่านั้น เขาก็ต้องแน่ใจว่า พ่อแม่ หรือญาติผู้ใหญ่เขาที่มาพักในประเทศไทยจะได้รับการดูแลอย่างดี จากนั้นก็จะบอกกันต่อแบบปากต่อปากให้มาซื้อสมาชิกของเรา
ดังนั้น เหนือสิ่งอื่นใด การตัดสินใจเข้าเป็นสมาชิกก็ต้องมีการทดลองใช้บริการ บัตรรูบี้จึงเป็นเสมือนบัตรที่ลูกค้าได้มาทดลองใช้บริการ ที่เราสามารถเรียกเก็บค่าบริการแก่เขาได้ มิฉะนั้นก็ต้องให้ลูกค้าทดลองฟรี เหมือนสินค้าอื่นๆ ทั่วไป
“ที่ผ่านมา มีสมาชิกจากบัตรรูบี้จำนวนมากที่ตัดสินใจซื้อสมาชิกเป็นบัตรรุ่นอื่นๆ ทั้ง ซิลเวอร์ ราคา 12,000 บาท, โกลด์ ราคา 20,000 บาท และ แพลตินัม ราคา 28,000 บาท โดยแต่ละแบบก็จะได้สิทธิประโยชน์เรื่องส่วนลด โรงพยาบาล ร้านค้า สปา ที่แตกต่างกันออกไป โดยบริษัทตั้งเป้าว่าปีนี้จะมียอดขายบัตรรูบี้ราว 10,000 ใบ” นางปิยาพัชร กล่าว