ซีอาร์ซี ยังหวั่นปัจจัยลบครึ่งปีหลังกระหน่ำไม่หยุด ทั้งราคาน้ำมัน และปัญหาความขัดแย้งทางการเมือง เผย ผลประกอบการครึ่งปีแรกรอดตัว โกย 40,600 ล้านบาท โต 7% มั่นใจทั้งปีทะลุ 87,000 ล้านบาท ทุ่มงบลงทุมไม่ยั้ง 32,000 ล้านบาท ลุยทั้งไทยและจีน
นายทศ จิราธิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เซ็นทรัลรีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด หรือ ซีอาร์ซี กล่าวว่า ภาวะเศรษฐกิจในช่วงนี้และครึ่งปีหลังยังน่าเป็นห่วงอยู่ โดยเฉพาะเรื่องปัญหาราคาน้ำมันที่ยังปรับตัวขึ้นตลอด ประกอบกับปัญหาเรื่องการเมืองที่ยังเป็นตัวแปรหลัก ซึ่งการเมืองเป็นเรื่องของความมั่นคง ถ้าไม่มั่นคงทุกอย่างก็จะได้รับผลกระทบ อีกทั้งอำนาจซื้อการจับจ่ายของผู้บริโภคก็ยังน่าเป็นห่วงอยู่เหมือนกัน เพราะค่าครองชีพสูงขึ้น
สำหรับภาวะเงินเฟ้อของไทยที่เกิดขึ้นในขณะนี้ ถือเป็นเรื่องที่ต้องเกิดขึ้น เป็นวัฏจักรอยู่แล้ว ซึ่งโดยส่วนตัวในมุมมองของค้าปลีก มองว่า การที่เกิดเงินเฟ้อในระดับ 4-5% หรือระดับเวลานี้ก็ยังพอจะรับได้ ในสถานการณ์วันนี้ แต่ถ้าหากเกิดเงินเฟ้อเป็นเลขสองหลักก็หนักและเสี่ยงพอสมควร
นายทศ กล่าวถึงผลประกอบการของซีอาร์ซีครึ่งปีแรก 2551 นี้ ว่า มีรายได้รวม 40,600 ล้านบาท เติบโตกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้ว 7% แต่ก็ถือว่าต่ำกว่าปกติที่จะเติบโตเฉลี่ย 10% ขึ้นไป เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจที่ไม่ค่อยดีในครึ่งปีแรก โดยช่วงไตรมาสแรกยังดีอยู่ เพราะเป็นหน้าขาย แต่ไตรมาสที่สองเริ่มได้รับผลกระทบแล้ว ส่วนผลประกอบการทั้งปี คาดว่า จะมีรายได้รวม 87,000 ล้านบาท เติบโต 9%
อย่างไรก็ตาม ซีอาร์ซี ยังมีแผนลงทุนต่อเนื่อง โดยปี 2551-2552 ตั้งงบลงทุนในประเทศรวมกว่า 12,000 ล้านบาท ในการลงทุนโครงการใหม่ๆ และอีกกว่าหมื่นล้านบาทในการลงทุนโครงการที่สถานทูตอังกฤษเดิม ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษาและออกแบบ ยังไม่รวมถึงงบประมาณรีโนเวทที่สาขาลาดพร้าวอีก โดยซีอาร์ซีจะเปิดห้างอีก 8 โครงการ คือ เซ็นทรัล (แจ้งวัฒนะ และพัทยา) เปิดโรบินสัน (ชลบุรี ขอนแก่น อุบลราชธานี ) และอีก 3 โครงการ อยู่ระหว่างศีกษา คือ เชียงใหม่ เชียงราย พระราม 9 ยุทธศาสตร์ คือ การใช้โรบินสันเจาะขยายเข้าไปตามจังหวัดระดับกลางและเล็ก หรือใหญ่ก็ได้ในจังหวัดที่เหมาะสม ส่วนแบรนด์เซ็นทรัลจะเจาะเข้าไปตามจังหวัดขนาดใหญ่
ด้าน โฮมเวิร์ค จะเปิดสาขาใหญ่ที่สุดที่ภูเก็ต พื้นที่ 25,000 ตารางเมตร และสาขาถนนศรีนครินทร์ และถนนราชพฤกษ์ รวมลงทุน 2,500 ล้านบาท ส่วนออฟฟิศดีโป้ ได้ลงทุน 400 ล้านบาท ในการซื้อกิจการแม็คโครออฟฟิศเซ็นเตอร์ เมื่อเร็วๆ นี้ ทางด้านท็อปส์ก็ใช้งบกว่า 500 ล้านบาท รีโนเวตสาขาทั้งหมด
การพัฒนาโครงการใหม่ เช่น การปรับเปลี่ยนห้างเซ็นทรัลสาขาวังบูรพา เป็นโครงการไชน่าเวิลด์ ศูนย์ค้าส่งครบวงจรทั้งเสื้อผ้า รองเท้า เครื่องประดับ เป็นต้น การปรับเซ็นทรัลสาขาสีลมเป็นท็อปส์มาร์เก็ตเพลสสีลม เปิดบริการแล้วแต่ยังเต็มรูปแบบเมื่อต้นปี การเปิดท็อปส์สแตนด์อโลน เช่น ที่ อุดมสุข ซึ่งวางแผนเปิดปีละ 4 แห่ง งบลงทุน 150 ล้านบาทต่อสาขา เปิดแล้วที่อุดมสุขกับสีลม บริษัทยังใช้งบประมาณกว่า 1,000 ล้านบาท ในการปรับปรุงระบบไอทีด้านเมอร์ชันไดส์ใหม่ด้วย
ขณะที่การลงทุนต่างประเทศนั้น ตั้งงบลงทุนเบื้องต้นไว้ที่ 20,000 ล้านบาท สำหรับที่ประเทศจีนที่เดียว ซึ่งขณะนี้ใช้งบ 500 ล้านบาท เพื่อเปิดห้างเซ็นทรัลสาขาแรกแล้วที่เมืองหังโจว ในศูนย์การค้ามิกซ์ซี ซึ่งเซ็นทรัลมีพื้นที่ประมาณ 23,000 ตารางเมตร และยังมองอีกในหลายเมืองแต่ยังไม่สรุป ทั้งนี้ทางซีอาร์ซีได้ดำเนินการยื่นขอจดทะเบียนลิขสิทธิ์แบรนด์ทั้งหมดในเครือเพื่อรุกตลาดต่างประทศ
นายทศ จิราธิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เซ็นทรัลรีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด หรือ ซีอาร์ซี กล่าวว่า ภาวะเศรษฐกิจในช่วงนี้และครึ่งปีหลังยังน่าเป็นห่วงอยู่ โดยเฉพาะเรื่องปัญหาราคาน้ำมันที่ยังปรับตัวขึ้นตลอด ประกอบกับปัญหาเรื่องการเมืองที่ยังเป็นตัวแปรหลัก ซึ่งการเมืองเป็นเรื่องของความมั่นคง ถ้าไม่มั่นคงทุกอย่างก็จะได้รับผลกระทบ อีกทั้งอำนาจซื้อการจับจ่ายของผู้บริโภคก็ยังน่าเป็นห่วงอยู่เหมือนกัน เพราะค่าครองชีพสูงขึ้น
สำหรับภาวะเงินเฟ้อของไทยที่เกิดขึ้นในขณะนี้ ถือเป็นเรื่องที่ต้องเกิดขึ้น เป็นวัฏจักรอยู่แล้ว ซึ่งโดยส่วนตัวในมุมมองของค้าปลีก มองว่า การที่เกิดเงินเฟ้อในระดับ 4-5% หรือระดับเวลานี้ก็ยังพอจะรับได้ ในสถานการณ์วันนี้ แต่ถ้าหากเกิดเงินเฟ้อเป็นเลขสองหลักก็หนักและเสี่ยงพอสมควร
นายทศ กล่าวถึงผลประกอบการของซีอาร์ซีครึ่งปีแรก 2551 นี้ ว่า มีรายได้รวม 40,600 ล้านบาท เติบโตกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้ว 7% แต่ก็ถือว่าต่ำกว่าปกติที่จะเติบโตเฉลี่ย 10% ขึ้นไป เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจที่ไม่ค่อยดีในครึ่งปีแรก โดยช่วงไตรมาสแรกยังดีอยู่ เพราะเป็นหน้าขาย แต่ไตรมาสที่สองเริ่มได้รับผลกระทบแล้ว ส่วนผลประกอบการทั้งปี คาดว่า จะมีรายได้รวม 87,000 ล้านบาท เติบโต 9%
อย่างไรก็ตาม ซีอาร์ซี ยังมีแผนลงทุนต่อเนื่อง โดยปี 2551-2552 ตั้งงบลงทุนในประเทศรวมกว่า 12,000 ล้านบาท ในการลงทุนโครงการใหม่ๆ และอีกกว่าหมื่นล้านบาทในการลงทุนโครงการที่สถานทูตอังกฤษเดิม ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษาและออกแบบ ยังไม่รวมถึงงบประมาณรีโนเวทที่สาขาลาดพร้าวอีก โดยซีอาร์ซีจะเปิดห้างอีก 8 โครงการ คือ เซ็นทรัล (แจ้งวัฒนะ และพัทยา) เปิดโรบินสัน (ชลบุรี ขอนแก่น อุบลราชธานี ) และอีก 3 โครงการ อยู่ระหว่างศีกษา คือ เชียงใหม่ เชียงราย พระราม 9 ยุทธศาสตร์ คือ การใช้โรบินสันเจาะขยายเข้าไปตามจังหวัดระดับกลางและเล็ก หรือใหญ่ก็ได้ในจังหวัดที่เหมาะสม ส่วนแบรนด์เซ็นทรัลจะเจาะเข้าไปตามจังหวัดขนาดใหญ่
ด้าน โฮมเวิร์ค จะเปิดสาขาใหญ่ที่สุดที่ภูเก็ต พื้นที่ 25,000 ตารางเมตร และสาขาถนนศรีนครินทร์ และถนนราชพฤกษ์ รวมลงทุน 2,500 ล้านบาท ส่วนออฟฟิศดีโป้ ได้ลงทุน 400 ล้านบาท ในการซื้อกิจการแม็คโครออฟฟิศเซ็นเตอร์ เมื่อเร็วๆ นี้ ทางด้านท็อปส์ก็ใช้งบกว่า 500 ล้านบาท รีโนเวตสาขาทั้งหมด
การพัฒนาโครงการใหม่ เช่น การปรับเปลี่ยนห้างเซ็นทรัลสาขาวังบูรพา เป็นโครงการไชน่าเวิลด์ ศูนย์ค้าส่งครบวงจรทั้งเสื้อผ้า รองเท้า เครื่องประดับ เป็นต้น การปรับเซ็นทรัลสาขาสีลมเป็นท็อปส์มาร์เก็ตเพลสสีลม เปิดบริการแล้วแต่ยังเต็มรูปแบบเมื่อต้นปี การเปิดท็อปส์สแตนด์อโลน เช่น ที่ อุดมสุข ซึ่งวางแผนเปิดปีละ 4 แห่ง งบลงทุน 150 ล้านบาทต่อสาขา เปิดแล้วที่อุดมสุขกับสีลม บริษัทยังใช้งบประมาณกว่า 1,000 ล้านบาท ในการปรับปรุงระบบไอทีด้านเมอร์ชันไดส์ใหม่ด้วย
ขณะที่การลงทุนต่างประเทศนั้น ตั้งงบลงทุนเบื้องต้นไว้ที่ 20,000 ล้านบาท สำหรับที่ประเทศจีนที่เดียว ซึ่งขณะนี้ใช้งบ 500 ล้านบาท เพื่อเปิดห้างเซ็นทรัลสาขาแรกแล้วที่เมืองหังโจว ในศูนย์การค้ามิกซ์ซี ซึ่งเซ็นทรัลมีพื้นที่ประมาณ 23,000 ตารางเมตร และยังมองอีกในหลายเมืองแต่ยังไม่สรุป ทั้งนี้ทางซีอาร์ซีได้ดำเนินการยื่นขอจดทะเบียนลิขสิทธิ์แบรนด์ทั้งหมดในเครือเพื่อรุกตลาดต่างประทศ