ไทยแอร์เอเชีย ดิ้นเพิ่มรายได้ แก้ปัญหาต้นทุนน้ำมันพุ่งไม่หยุด ใช้วิกฤตเป็นโอกาส เจาะกลุ่มลูกค้าคอร์ปอเรท เคาะประตูบ้านเสนอทางเลือกซื้อตั๋วเครื่องบินราคาถูกกว่าสายการบินทั่วไป 50% พร้อมเสริมสินค้าขายบนเครื่องบิน เร่งลูกค้าจับจ่ายเพิ่มจาก 20 บาทต่อคนเป็น 30 บาท เพิ่มบริการ On Time Guarantee หวังซื้อใจลูกค้าเก่าและใหม่ใช้บริการ
นายทัศพล แบเลเว็ลด์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายการบินไทยแอร์เอเชีย เปิดเผยว่า ทางสายการบินได้เดินกลยุทธ์ หารายได้เพิ่มจากหลายๆ ทาง เพื่อมาเสริมรายได้จากการจำหน่ายตั๋วเครื่องบินซึ่งเป็นรายได้หลัก นอกจากนั้นยังเร่งขยายฐานลูกค้าสู่กลุ่มคอร์ปอเรท ชูจุดขายที่เป็นสายการบินราคาประหยัด ซึ่งจะช่วยให้บริษัทห้างร้านสามารถลดค่าใช้จ่าย ที่ต้องจ่ายให้แก่พนักงาน เพื่อการเดินทาง เพราะในสถานการณ์ที่สินค้าทุกอย่างปรับตัวสูงขึ้นจากภาวะราคาน้ำมันแพง ทำให้ทุกองค์กรต้องประหยัด เพื่อคงงบค่าใช้จ่ายของบริษัทไม่ให้สูงเกินไป
“เราจะยังไม่เลือกปรับขึ้นค่าธรรมเนียมภาษีน้ำมัน เพราะเท่ากับซ้ำเติมลูกค้า ในภาวะเศรษฐกิจเช่นนี้ แต่จะใช้วิกฤตให้เป็น โอกาสขยายฐานลูค้าไปยังกลุ่มคอร์ปอเรท ที่ฝ่ายขายหรือเซลล์ต้องออกเยี่ยมลูกค้าในต่างจังหวัดเป็นประจำ โดยเสนอขายตั๋วโดยสารในราคา 1 พันบาทเศษ ถูกกว่าสายการบินทั่วไปราว 50% และสามารถเปลี่ยนวันเดินทางได้โดยไม่คิดค่าบริการเพิ่ม และไม่จำกัดว่าต่อเดือนจะต้องซื้อขั้นต่ำกี่ที่นั่ง บริษัทที่เป็นลูกค้าเราแล้ว เช่น บริษัท เนสท์เล่, บริษัท โอสถสภา และกลุ่มสินค้าคอนซูเมอร์โปรดักส์อื่นๆ เป็นต้น”
ปัจจุบันมีบริษัทห้างร้านที่เซ็นสัญญาใช้บริการประมาณ 15 บริษัท ทำให้ไทยแอร์เอเชีย มีผู้โดยสารกลุ่มนี้เพิ่มขึ้น 6,000 ที่นั่งต่อเดือน วางเป้าหมายว่าใน 2-3 เดือนข้างหน้าจะเพิ่มลูกค้ากลุ่มคอร์ปอเรทนี้เป็น 30-40 บริษัท มีลูกค้าเพิ่มขึ้นเป็น 10,000 ที่นั่งต่อเดือน คิดเป็นรายได้ 3-4% ของยอดขายตั๋วต่อเดือน
นอกจากนั้น ยังเตรียมเพิ่มรายได้จากการจำหน่ายสินค้าบนเครื่องบิน ให้หลากหลายขึ้น เร็วๆนี้ จะเริ่มจำหน่ายหนังสือพิมพ์ และ แมกกาซีน บนเครื่องบิน เพิ่มรายการอาหารและเครื่องดื่ม ตั้งเป้าหมายว่า จะเพิ่มการใช้จ่ายของผู้โดยสารบนเครื่องบินจากปัจจุบันเฉลี่ย 20 บาทต่อคน เป็น 30 บาทต่อคน ซึ่งรายได้จากส่วนนี้ จะมาช่วยเสริมรายได้หลัก โดยยังไม่จำเป็นต้องปรับขึ้นค่าตั๋วหรือค่าฟิวเซอร์ชาร์จน้ำมัน
นายทัศพล กล่าวอีกว่า บริษัทยังสร้างความเชื่อมั่นแก่ผู้โดยสารด้วยบริการรับประกันความตรงต่อเวลา หรือ On Time Guarantee โดยหากมีความล่าช้าของเที่ยวบินจากเวลาออกเดินทางที่กำหนดไว้เกิน 3 ชั่วโมง บริษัท ยินดีมอบบัตรของขวัญมูลค่า 1,800 บาท แต่ทั้งนี้ ต้องไม่รวมความล่าช้าที่เป็นเหตุสุดวิสัยที่อยู่นอกเหนือการควบคุมของสายการบิน เช่น สภาพอากาศเลวร้าย ปัญหาจราจรทางอากาศ การปิดท่าอากาศยาน การก่อจลาจล เป็นต้น
“เราหวังว่าบริการนี้จะช่วยสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้แก่ไทยแอร์เอเชีย ช่วยดึงลูกค้าที่เคยผิดหวังกับการดีเลย์ของเที่ยวบินเรากลับเข้ามาใช้บริการอีกครั้ง รวมถึงขยายฐานลูกค้าในกลุ่มที่ต้องเดินทางเพื่อติดต่อธุรกิจที่ต้องมีความตรงต่อเวลาสูงมาก ปัจจุบันเที่ยวบินของ ไทยแอร์เอเชียมีความตรงต่อเวลาเฉลี่ย 94% เทียบเท่ากับมาตรฐานโลก ที่เฉลี่ยอยู่ที่ 94-96% เพราะเรามีเครื่องบินใหม่ป้ายแดง เอ380 มาให้บริการแก่ผู้โดยสารแล้ว 6 ลำ ปีนี้จะส่งมอบอีก 3 ลำ”
ด้านผลประกอบการครึ่งปีแรกขนผู้โดยสารได้ 2.1 ล้านคน เติบโตจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 25% ซึ่งเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ สร้างรายได้ให้บริษัทกว่า 5 พันล้านบาท ส่วนครึ่งปีหลัง คาดว่า จะขนผู้โดยสารได้อีก 2.6 ล้านคน แต่ทั้งนี้ ยังบอกไม่ได้ว่า บริษัทจะมีผลกำไรเท่าใด เพราะ ต้องคำนวณจากต้นทุนราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้น ซึ่งปัจจุบันคิดเป็นสัดส่วน 50% ของต้นทุนดำเนินงาน จากเดินมีสัดส่วนที่ 35%
อย่างไรก็ตาม ต้องการให้รัฐบาล และผู้ที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ทางการเมืองขณะนี้ เร่งยุติเรื่องโดยเร็ว เพื่อสร้างความมั่นใจแก่นักท่องเที่ยวต่างชาติก่อนเดือนกันยายนศกนี้ เพราะหากยืดเยื้อจะกระทบกับจำนวนนักท่องเที่ยวที่จะเข้ามาช่วงไฮซีซัน ซึ่งขณะนี้ได้ส่งสัญญาที่ไม่ดีออกมาโดยยอดจองซื้อตั๋วเครื่องบินล่วงหน้าลดลง 15-20% แล้ว
นายทัศพล แบเลเว็ลด์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายการบินไทยแอร์เอเชีย เปิดเผยว่า ทางสายการบินได้เดินกลยุทธ์ หารายได้เพิ่มจากหลายๆ ทาง เพื่อมาเสริมรายได้จากการจำหน่ายตั๋วเครื่องบินซึ่งเป็นรายได้หลัก นอกจากนั้นยังเร่งขยายฐานลูกค้าสู่กลุ่มคอร์ปอเรท ชูจุดขายที่เป็นสายการบินราคาประหยัด ซึ่งจะช่วยให้บริษัทห้างร้านสามารถลดค่าใช้จ่าย ที่ต้องจ่ายให้แก่พนักงาน เพื่อการเดินทาง เพราะในสถานการณ์ที่สินค้าทุกอย่างปรับตัวสูงขึ้นจากภาวะราคาน้ำมันแพง ทำให้ทุกองค์กรต้องประหยัด เพื่อคงงบค่าใช้จ่ายของบริษัทไม่ให้สูงเกินไป
“เราจะยังไม่เลือกปรับขึ้นค่าธรรมเนียมภาษีน้ำมัน เพราะเท่ากับซ้ำเติมลูกค้า ในภาวะเศรษฐกิจเช่นนี้ แต่จะใช้วิกฤตให้เป็น โอกาสขยายฐานลูค้าไปยังกลุ่มคอร์ปอเรท ที่ฝ่ายขายหรือเซลล์ต้องออกเยี่ยมลูกค้าในต่างจังหวัดเป็นประจำ โดยเสนอขายตั๋วโดยสารในราคา 1 พันบาทเศษ ถูกกว่าสายการบินทั่วไปราว 50% และสามารถเปลี่ยนวันเดินทางได้โดยไม่คิดค่าบริการเพิ่ม และไม่จำกัดว่าต่อเดือนจะต้องซื้อขั้นต่ำกี่ที่นั่ง บริษัทที่เป็นลูกค้าเราแล้ว เช่น บริษัท เนสท์เล่, บริษัท โอสถสภา และกลุ่มสินค้าคอนซูเมอร์โปรดักส์อื่นๆ เป็นต้น”
ปัจจุบันมีบริษัทห้างร้านที่เซ็นสัญญาใช้บริการประมาณ 15 บริษัท ทำให้ไทยแอร์เอเชีย มีผู้โดยสารกลุ่มนี้เพิ่มขึ้น 6,000 ที่นั่งต่อเดือน วางเป้าหมายว่าใน 2-3 เดือนข้างหน้าจะเพิ่มลูกค้ากลุ่มคอร์ปอเรทนี้เป็น 30-40 บริษัท มีลูกค้าเพิ่มขึ้นเป็น 10,000 ที่นั่งต่อเดือน คิดเป็นรายได้ 3-4% ของยอดขายตั๋วต่อเดือน
นอกจากนั้น ยังเตรียมเพิ่มรายได้จากการจำหน่ายสินค้าบนเครื่องบิน ให้หลากหลายขึ้น เร็วๆนี้ จะเริ่มจำหน่ายหนังสือพิมพ์ และ แมกกาซีน บนเครื่องบิน เพิ่มรายการอาหารและเครื่องดื่ม ตั้งเป้าหมายว่า จะเพิ่มการใช้จ่ายของผู้โดยสารบนเครื่องบินจากปัจจุบันเฉลี่ย 20 บาทต่อคน เป็น 30 บาทต่อคน ซึ่งรายได้จากส่วนนี้ จะมาช่วยเสริมรายได้หลัก โดยยังไม่จำเป็นต้องปรับขึ้นค่าตั๋วหรือค่าฟิวเซอร์ชาร์จน้ำมัน
นายทัศพล กล่าวอีกว่า บริษัทยังสร้างความเชื่อมั่นแก่ผู้โดยสารด้วยบริการรับประกันความตรงต่อเวลา หรือ On Time Guarantee โดยหากมีความล่าช้าของเที่ยวบินจากเวลาออกเดินทางที่กำหนดไว้เกิน 3 ชั่วโมง บริษัท ยินดีมอบบัตรของขวัญมูลค่า 1,800 บาท แต่ทั้งนี้ ต้องไม่รวมความล่าช้าที่เป็นเหตุสุดวิสัยที่อยู่นอกเหนือการควบคุมของสายการบิน เช่น สภาพอากาศเลวร้าย ปัญหาจราจรทางอากาศ การปิดท่าอากาศยาน การก่อจลาจล เป็นต้น
“เราหวังว่าบริการนี้จะช่วยสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้แก่ไทยแอร์เอเชีย ช่วยดึงลูกค้าที่เคยผิดหวังกับการดีเลย์ของเที่ยวบินเรากลับเข้ามาใช้บริการอีกครั้ง รวมถึงขยายฐานลูกค้าในกลุ่มที่ต้องเดินทางเพื่อติดต่อธุรกิจที่ต้องมีความตรงต่อเวลาสูงมาก ปัจจุบันเที่ยวบินของ ไทยแอร์เอเชียมีความตรงต่อเวลาเฉลี่ย 94% เทียบเท่ากับมาตรฐานโลก ที่เฉลี่ยอยู่ที่ 94-96% เพราะเรามีเครื่องบินใหม่ป้ายแดง เอ380 มาให้บริการแก่ผู้โดยสารแล้ว 6 ลำ ปีนี้จะส่งมอบอีก 3 ลำ”
ด้านผลประกอบการครึ่งปีแรกขนผู้โดยสารได้ 2.1 ล้านคน เติบโตจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 25% ซึ่งเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ สร้างรายได้ให้บริษัทกว่า 5 พันล้านบาท ส่วนครึ่งปีหลัง คาดว่า จะขนผู้โดยสารได้อีก 2.6 ล้านคน แต่ทั้งนี้ ยังบอกไม่ได้ว่า บริษัทจะมีผลกำไรเท่าใด เพราะ ต้องคำนวณจากต้นทุนราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้น ซึ่งปัจจุบันคิดเป็นสัดส่วน 50% ของต้นทุนดำเนินงาน จากเดินมีสัดส่วนที่ 35%
อย่างไรก็ตาม ต้องการให้รัฐบาล และผู้ที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ทางการเมืองขณะนี้ เร่งยุติเรื่องโดยเร็ว เพื่อสร้างความมั่นใจแก่นักท่องเที่ยวต่างชาติก่อนเดือนกันยายนศกนี้ เพราะหากยืดเยื้อจะกระทบกับจำนวนนักท่องเที่ยวที่จะเข้ามาช่วงไฮซีซัน ซึ่งขณะนี้ได้ส่งสัญญาที่ไม่ดีออกมาโดยยอดจองซื้อตั๋วเครื่องบินล่วงหน้าลดลง 15-20% แล้ว
