ดีโอโร่ สุดทน ปรับราคาสินค้า 10% หลังต้นทุนพุ่งกว่า 40% พร้อมปรับลอจิสติกส์สู้ เปิดเกมออกเมนูโลว์แคลอรี่ดึงลูกค้า เปิดสาขาอีก 10 แห่งรวดครึ่งปีหลัง คาดทั้งปีโต 10%
นายวีระเดช สมบูรณ์เวชชการ กรรมการผู้จัดการ บริษัท โกลเด้นครีม จำกัด ผู้บริหารร้านกาแฟ ดีโอโร่ เปิดเผยว่า ช่วงที่ผ่านมาต้นทุนการดำเนินงานของบริษัทสูงขึ้นอย่างมาก โดยเฉพาะเครื่องดื่มต้นทุนการผลิตจากวัตถุดิบเพิ่มขึ้น 20% ส่วนเบเกอรี่ต้นทุนเพิ่มขึ้น 40% ซึ่งบริษัทได้ปรับราคาในส่วนเบเกอรี่ไปแล้ว 10% เมื่อเดือนที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม จะพยายามไม่ปรับราคาสินค้าเพิ่มอีกหากยังพอรับภาระได้ โดยบริษัทได้หันมาปรับในส่วนของลอจิสติกส์และซัปพลายเชน ซึ่งที่ผ่านมาสามารถลดต้นทุนได้ประมาณ 10%
ขณะเดียวกัน จากปัจจัยลบทางเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นนี้ ส่งผลต่อผู้บริโภคกาแฟโดยรวมที่ลดการใช้จ่ายลงกว่า 10% ในภาพรวม แต่ของบริษัทไม่ได้รับผลกระทบเท่าใดนัก ยังมีการเติบโตในช่วงครึ่งปีแรก 10% แต่บริษัทไม่นิ่งเฉยโดยเตรียมงบตลาดเพิ่มอีก 2 ล้านบาท เป็น 7 ล้านบา ท จากเดิมตั้งไว้ 5 ล้านบาท มากกว่าปีที่แล้วที่ใช้ 4 ล้านบาท ทำส่งเสริมการขาย ซีเอสอาร์ เป็นต้น
นอกจากนั้น ได้ออกเมนูใหม่ คือ สลิมลาเต้ เป็นเครืองดื่มแคลอรี่ต่ำ ซึ่งตลาดเครื่องดื่มกาแฟยังไม่มีใครทำตลาดนี้จริงจัง โดยมีราคาประมาณ 65 บาทต่อแก้ว จากปรกติเฉลี่ย 60 บาทต่อแก้ว เนื่องจากวัตถุดิบมีราคาสูงกว่า จากนี้จะออกเมนูแคลอรี่ต่ำเพิ่มอีก ทั้งเครื่องดื่ม และเบเกอรี่ คาดว่า จะมีสัดส่วน 15% จากเมนูทั้งหมด โดยสัดส่วนรายได้มาจาก เครื่องดื่ม 70% เบเกอรี่ 30%
สำหรับแผนการขยายสาขา ครึ่งปีแรกไม่ได้เปิดเพิ่ม ส่วนครึ่งปีหลังจะเปิดเพิ่ม 10 สาขา กระจายไปทั้งในปั๊มน้ำมัน โมเดิร์นเทรด คอมมูนิตี้มอลล์ จากปัจจุบันมี 80 สาขา
ส่วนฐานสมาชิกปัจจุบันมีเพิ่มขึ้นมาเป็น 20,000 ราย จากเดิมที่มีแค่ 8,000 ราย มากกว่าที่ประมาณการไว้ เพราะการทำตลาดต่อเนื่อง และคาดว่า ทั้งปีนี้จะมีฐานสมาชิกเพิ่มเป็น 30,000 ราย รวมทั้งคาดว่าจะมีรายได้ประมาณ 150 ล้านบาท เติบโตจากปีที่แล้ว 10% ส่วนปีที่แล้วที่เติบโต 8%
นายวีระเดช สมบูรณ์เวชชการ กรรมการผู้จัดการ บริษัท โกลเด้นครีม จำกัด ผู้บริหารร้านกาแฟ ดีโอโร่ เปิดเผยว่า ช่วงที่ผ่านมาต้นทุนการดำเนินงานของบริษัทสูงขึ้นอย่างมาก โดยเฉพาะเครื่องดื่มต้นทุนการผลิตจากวัตถุดิบเพิ่มขึ้น 20% ส่วนเบเกอรี่ต้นทุนเพิ่มขึ้น 40% ซึ่งบริษัทได้ปรับราคาในส่วนเบเกอรี่ไปแล้ว 10% เมื่อเดือนที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม จะพยายามไม่ปรับราคาสินค้าเพิ่มอีกหากยังพอรับภาระได้ โดยบริษัทได้หันมาปรับในส่วนของลอจิสติกส์และซัปพลายเชน ซึ่งที่ผ่านมาสามารถลดต้นทุนได้ประมาณ 10%
ขณะเดียวกัน จากปัจจัยลบทางเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นนี้ ส่งผลต่อผู้บริโภคกาแฟโดยรวมที่ลดการใช้จ่ายลงกว่า 10% ในภาพรวม แต่ของบริษัทไม่ได้รับผลกระทบเท่าใดนัก ยังมีการเติบโตในช่วงครึ่งปีแรก 10% แต่บริษัทไม่นิ่งเฉยโดยเตรียมงบตลาดเพิ่มอีก 2 ล้านบาท เป็น 7 ล้านบา ท จากเดิมตั้งไว้ 5 ล้านบาท มากกว่าปีที่แล้วที่ใช้ 4 ล้านบาท ทำส่งเสริมการขาย ซีเอสอาร์ เป็นต้น
นอกจากนั้น ได้ออกเมนูใหม่ คือ สลิมลาเต้ เป็นเครืองดื่มแคลอรี่ต่ำ ซึ่งตลาดเครื่องดื่มกาแฟยังไม่มีใครทำตลาดนี้จริงจัง โดยมีราคาประมาณ 65 บาทต่อแก้ว จากปรกติเฉลี่ย 60 บาทต่อแก้ว เนื่องจากวัตถุดิบมีราคาสูงกว่า จากนี้จะออกเมนูแคลอรี่ต่ำเพิ่มอีก ทั้งเครื่องดื่ม และเบเกอรี่ คาดว่า จะมีสัดส่วน 15% จากเมนูทั้งหมด โดยสัดส่วนรายได้มาจาก เครื่องดื่ม 70% เบเกอรี่ 30%
สำหรับแผนการขยายสาขา ครึ่งปีแรกไม่ได้เปิดเพิ่ม ส่วนครึ่งปีหลังจะเปิดเพิ่ม 10 สาขา กระจายไปทั้งในปั๊มน้ำมัน โมเดิร์นเทรด คอมมูนิตี้มอลล์ จากปัจจุบันมี 80 สาขา
ส่วนฐานสมาชิกปัจจุบันมีเพิ่มขึ้นมาเป็น 20,000 ราย จากเดิมที่มีแค่ 8,000 ราย มากกว่าที่ประมาณการไว้ เพราะการทำตลาดต่อเนื่อง และคาดว่า ทั้งปีนี้จะมีฐานสมาชิกเพิ่มเป็น 30,000 ราย รวมทั้งคาดว่าจะมีรายได้ประมาณ 150 ล้านบาท เติบโตจากปีที่แล้ว 10% ส่วนปีที่แล้วที่เติบโต 8%