นายเกรียงไกร กาญจนโภคิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม บริษัท อินเด็กซ์ อีเว้นท์ เอเจนซี่ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า เทรนด์การทำตลาดในปัจจุบัน มองว่า แค่ใช้เครื่องมือในการทำตลาดเพียงชิ้นเดียวคงจะไม่เพียงพออีกต่อไป เพราะผู้บริโภคเริ่มที่จะเคยชิน และต้องการที่จะมีส่วนร่วมกับการทำการตลาดที่ลูกค้าสื่อสารออกไปมากขึ้น
ทั้งนี้ พบว่า ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา การทำตลาดแบบ IMC มาร์เกตติง “Integrated Marketing Communication” ซึ่งเป็นการทำตลาดที่มีการผสมผสานระหว่างสื่อและกิจกรรมในการทำตลาดร่วมกันตั้งแต่ 2 สิ่งขึ้นไปนั้น กำลังเป็นทางเลือกใหม่ที่ลูกค้าหันมาใช้มากยิ่งขึ้น โดยรูปแบบการทำตลาดแบบ IMC นี้ ปัจจุบันพบว่า จะชูอีเวนต์เป็นหลักในการทำตลาด และจะมีการต่อยอดการรับรู้ รวมถึงมีการประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อร่วมอีกหลายๆ สื่อ
สำหรับรูปแบบการทำตลาดแบบ IMC นี้ ที่ผ่านมา พบว่า ผู้เล่นรายแรกๆ ของตลาดที่นำมาใช้ คือ กลุ่มสินค้าของยูนิลีเวอร์ ขณะที่ปัจจุบันลูกค้าหันมาใช้การทำตลาดแบบดังกล่าวมากยิ่งขึ้น เพราะเริ่มเห็นถึงประสิทธิภาพ และการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ชัดเจน ขณะเดียวกัน ยังเป็นการทำตลาดที่ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายได้อีกทางหนึ่งด้วย
“จากความต้องการของลูกค้า ทำให้พบว่าตลาดอีเวนต์ยังมีการเติบโตค่อนข้างดี ถึงแม้ว่าจะมีเรื่องของการตัดราคา หรือมีการต่อรองราคาการจัดงานก็ตาม แต่มองว่ารายใดที่มีการนำเสนอไอเดียที่ดีต่อลูกค้า ก็จะไม่ค่อยเจอปัญหาเรื่องของการต่อรองราคามากนัก แต่ถ้าลูกค้าเป็นคนคิดไอเดีย แล้วมาเสนอให้เราทำนั้น จะเจอเรื่องของการต่อรองราคาค่อนข้างสูงแทน”
นายเกรียงกานต์ กาญจนโภคิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม บริษัท อินเด็กซ์ อีเว้นท์ เอเจนซี่ จำกัด (มหาชน) กล่าวเสริมว่า จากการที่บริษัทฯวางตัวเองเป็นผู้ให้บริการรับจัดงานอีเวนต์ ที่มีรูปแบบเป็นอินเตอร์แอกทีฟ หรือให้ผู้เข้าชมงานมีส่วนร่วมนั้น เชื่อว่า เป็นสิ่งที่เดินมาถูกทางแล้ว ส่งผลให้รายได้ในครึ่งปีแรกที่ผ่านมา โตขึ้น 20% คิดเป็นมูลค่าถึง 459 ล้านบาท เทียบจากช่วงเวลาเดียวกันในปีก่อน
โดยสามารถแบ่งรายได้ออกเป็น 1.ธุรกิจอีเวนต์ ทำได้ 267 ล้านบาท โตขึ้น 20% จาก 223 ล้านบาทในปีก่อน และ 2.ธุรกิจจากส่วนอื่นๆ อีก 192 ล้านบาท โตขึ้น 21% จาก 158 ล้านบาท ซึ่งอีกครึ่งปีที่เหลือนั้น คาดว่า จะมีรายได้เป็นไปตามเป้าที่วางไว้กว่า 12,000 ล้านบาท หรือมีการเติบโตขึ้นอีก 15%
ทั้งนี้ พบว่า ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา การทำตลาดแบบ IMC มาร์เกตติง “Integrated Marketing Communication” ซึ่งเป็นการทำตลาดที่มีการผสมผสานระหว่างสื่อและกิจกรรมในการทำตลาดร่วมกันตั้งแต่ 2 สิ่งขึ้นไปนั้น กำลังเป็นทางเลือกใหม่ที่ลูกค้าหันมาใช้มากยิ่งขึ้น โดยรูปแบบการทำตลาดแบบ IMC นี้ ปัจจุบันพบว่า จะชูอีเวนต์เป็นหลักในการทำตลาด และจะมีการต่อยอดการรับรู้ รวมถึงมีการประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อร่วมอีกหลายๆ สื่อ
สำหรับรูปแบบการทำตลาดแบบ IMC นี้ ที่ผ่านมา พบว่า ผู้เล่นรายแรกๆ ของตลาดที่นำมาใช้ คือ กลุ่มสินค้าของยูนิลีเวอร์ ขณะที่ปัจจุบันลูกค้าหันมาใช้การทำตลาดแบบดังกล่าวมากยิ่งขึ้น เพราะเริ่มเห็นถึงประสิทธิภาพ และการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ชัดเจน ขณะเดียวกัน ยังเป็นการทำตลาดที่ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายได้อีกทางหนึ่งด้วย
“จากความต้องการของลูกค้า ทำให้พบว่าตลาดอีเวนต์ยังมีการเติบโตค่อนข้างดี ถึงแม้ว่าจะมีเรื่องของการตัดราคา หรือมีการต่อรองราคาการจัดงานก็ตาม แต่มองว่ารายใดที่มีการนำเสนอไอเดียที่ดีต่อลูกค้า ก็จะไม่ค่อยเจอปัญหาเรื่องของการต่อรองราคามากนัก แต่ถ้าลูกค้าเป็นคนคิดไอเดีย แล้วมาเสนอให้เราทำนั้น จะเจอเรื่องของการต่อรองราคาค่อนข้างสูงแทน”
นายเกรียงกานต์ กาญจนโภคิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม บริษัท อินเด็กซ์ อีเว้นท์ เอเจนซี่ จำกัด (มหาชน) กล่าวเสริมว่า จากการที่บริษัทฯวางตัวเองเป็นผู้ให้บริการรับจัดงานอีเวนต์ ที่มีรูปแบบเป็นอินเตอร์แอกทีฟ หรือให้ผู้เข้าชมงานมีส่วนร่วมนั้น เชื่อว่า เป็นสิ่งที่เดินมาถูกทางแล้ว ส่งผลให้รายได้ในครึ่งปีแรกที่ผ่านมา โตขึ้น 20% คิดเป็นมูลค่าถึง 459 ล้านบาท เทียบจากช่วงเวลาเดียวกันในปีก่อน
โดยสามารถแบ่งรายได้ออกเป็น 1.ธุรกิจอีเวนต์ ทำได้ 267 ล้านบาท โตขึ้น 20% จาก 223 ล้านบาทในปีก่อน และ 2.ธุรกิจจากส่วนอื่นๆ อีก 192 ล้านบาท โตขึ้น 21% จาก 158 ล้านบาท ซึ่งอีกครึ่งปีที่เหลือนั้น คาดว่า จะมีรายได้เป็นไปตามเป้าที่วางไว้กว่า 12,000 ล้านบาท หรือมีการเติบโตขึ้นอีก 15%