คนไทยหงอย ชะลอเดินทางท่องเที่ยวทั้งเส้นทางในประเทศและต่างประเทศ เหตุเครียด ปัญหาราคาน้ำมันและเศรษฐกิจรุมเร้า ทีทีเอเอ เผยครึ่งปีหลัง คนไทยเที่ยวนอกวูบ 10% ส่งผลทั้งปียอดรวมน่าจะหล่นเหลือ 3.5 ล้านคน ต่ำกว่าเป้าหมาย ระบุ ภาคเอกชนและททท.ไม่นอนใจ ปรับแผนแก้สถานการณ์อย่างใกล้ชิด
นายเอนก ศรีชีวะชาติ นายกสมาคมไทยบริการท่องเที่ยว (ทีทีเอเอ) เปิดเผยว่า สถานการณ์การเดินทางท่องเที่ยวของคนไทย ทั้งเส้นทางไปต่างประเทศ และเส้นทางภายในประเทศ ในครึ่งปีหลังนี้ค่อนข้างซบเซา ซึ่งปัจจัยหลักมาจากสภาพเศรษฐกิจ ค่าครองชีพที่ปรับตัวสูงขึ้น ทำให้คนไทยระมัดระวังการจับจ่ายใช้สอย โดยใช้เงินเท่าที่จำเป็น
ทั้งนี้ในส่วนของกลุ่นคนไทยที่เดินทางไปเที่ยวต่างประเทศ ครึ่งปีหลังนี้คาดว่าจะลดลงจากปีก่อนราว 10% เพราะปัจจุบัน ต้องยอมรับว่า สภาพเศรษฐกิจข้าวยากหมากแพง น้ำมันเชื้อเพลิงราคาสูง ทำให้คนไทยหมดอารมณ์ที่จะคิดเรื่องเดินทางท่องเที่ยว แล้วหันมาวางแผนการใช้จ่ายเท่าที่จำเป็น เพื่อรับมือกับสภาพเศรษฐกิจที่จะเกิดขึ้นต่อไปข้างหน้า
ขณะเดียวกัน กลุ่มที่ยังพอมีกำลังซื้อ และต้องการเดินทางไปเที่ยวต่างประเทศ หลายคนได้เปลี่ยนเส้นทาง โดยที่ผ่านมา จีนถือเป็นประเทศยอดนิยมที่คนไทยเดินทางไปท่องเที่ยว แต่หลังจากเกิดแผ่นดินไหวที่เมืองเฉินตู มณฑลเสฉวน แล้วยังเกิดอาฟเตอร์ช็อค ตามมาอย่างต่อเนื่อง คนไทยก็ยกเลิกแผนที่จะเดินทางไปยังเมืองดังกล่าว แต่เส้นทางใหม่ที่มาแรงสำหรับคนไทยขณะนี้คือ มาเก๊า เพราะเดินทางสะดวก มีสายการบินต้นทุนต่ำให้บริการ เสียค่าใช่จ่ายต่อทริปไม่สูงมาก
"ปัจจุบัน มาเก๊า โปรโมตประเทศเพื่อดึงนักท่องเที่ยวให้เดินทางเข้าไป มีการเปิดสถานที่ท่องเที่ยวใหม่ๆ เช่น เดอะ เวเนเชี่ยน มีการจัดแคมเปญโปรโมชั่น พร้อมประชาสัมพันธ์เชิญชวนอย่างต่อเนื่อง ทำให้เกิดความน่าสนใจ "
อย่างไรก็ตาม ตลอดปีนี้ น่าจะมีคนไทยเดินทางไปเที่ยวต่างประเทศ ประมาณ 3.5 ล้านคน ต่ำกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ว่าจะได้ 4 ล้านคน และน้อยกว่าปีก่อน ที่มีคนไทยไปเที่ยวต่างประเทศมากเกือบ 4.5 ล้านคน
นายอเนก กล่าวว่า สำหรับ ตลาดคนไทยเที่ยวในประเทศ ปีนี้จะค่อนข้างซบเซา เพราะปัจจัยลบทางเศรษฐกิจและราคาน้ำมัน แม้ว่าเส้นทางระยะใกล้ อย่างกรุงเทพ-พัทยา ก็ได้รับผลกระทบ เพราะ ปัจจุบัน หากขับรถยนต์ ไปกลับ กรุงเทพ-พัทยา จะเสียค่าน้ำมันกว่า 1,000 บาท จาก ก่อนหน้านี้ จะเสียค่าน้ำมันเพียง 500-600 บาทเท่านั้น ทำให้ผู้ที่คิดจะเดินทางท่องเที่ยว อาจชะลอการเดินทางออกไปก่อน หรือไม่ก็ลดความถี่ของการเดินทางท่องเที่ยวในวันหยุดสุดสัปดาห์
ซึ่งปัญหาที่เกิดขึ้นทั้งหมดตามที่กล่าวมา ผู้ประกอบการบริษัทนำเที่ยว และ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) ก็หารือกันอย่างต่อเนื่อง เพื่อหาวิธีโปรโมตให้คนไทยได้เดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศ เหมือนเดิม จะได้เกิดการหมุนเวียนเม็ดเงินเข้าสู่ท้องถิ่น แต่ก็ไม่สามารถตอบได้ว่าจะได้ผลตอบรับเพียงใด
นายเอนก ศรีชีวะชาติ นายกสมาคมไทยบริการท่องเที่ยว (ทีทีเอเอ) เปิดเผยว่า สถานการณ์การเดินทางท่องเที่ยวของคนไทย ทั้งเส้นทางไปต่างประเทศ และเส้นทางภายในประเทศ ในครึ่งปีหลังนี้ค่อนข้างซบเซา ซึ่งปัจจัยหลักมาจากสภาพเศรษฐกิจ ค่าครองชีพที่ปรับตัวสูงขึ้น ทำให้คนไทยระมัดระวังการจับจ่ายใช้สอย โดยใช้เงินเท่าที่จำเป็น
ทั้งนี้ในส่วนของกลุ่นคนไทยที่เดินทางไปเที่ยวต่างประเทศ ครึ่งปีหลังนี้คาดว่าจะลดลงจากปีก่อนราว 10% เพราะปัจจุบัน ต้องยอมรับว่า สภาพเศรษฐกิจข้าวยากหมากแพง น้ำมันเชื้อเพลิงราคาสูง ทำให้คนไทยหมดอารมณ์ที่จะคิดเรื่องเดินทางท่องเที่ยว แล้วหันมาวางแผนการใช้จ่ายเท่าที่จำเป็น เพื่อรับมือกับสภาพเศรษฐกิจที่จะเกิดขึ้นต่อไปข้างหน้า
ขณะเดียวกัน กลุ่มที่ยังพอมีกำลังซื้อ และต้องการเดินทางไปเที่ยวต่างประเทศ หลายคนได้เปลี่ยนเส้นทาง โดยที่ผ่านมา จีนถือเป็นประเทศยอดนิยมที่คนไทยเดินทางไปท่องเที่ยว แต่หลังจากเกิดแผ่นดินไหวที่เมืองเฉินตู มณฑลเสฉวน แล้วยังเกิดอาฟเตอร์ช็อค ตามมาอย่างต่อเนื่อง คนไทยก็ยกเลิกแผนที่จะเดินทางไปยังเมืองดังกล่าว แต่เส้นทางใหม่ที่มาแรงสำหรับคนไทยขณะนี้คือ มาเก๊า เพราะเดินทางสะดวก มีสายการบินต้นทุนต่ำให้บริการ เสียค่าใช่จ่ายต่อทริปไม่สูงมาก
"ปัจจุบัน มาเก๊า โปรโมตประเทศเพื่อดึงนักท่องเที่ยวให้เดินทางเข้าไป มีการเปิดสถานที่ท่องเที่ยวใหม่ๆ เช่น เดอะ เวเนเชี่ยน มีการจัดแคมเปญโปรโมชั่น พร้อมประชาสัมพันธ์เชิญชวนอย่างต่อเนื่อง ทำให้เกิดความน่าสนใจ "
อย่างไรก็ตาม ตลอดปีนี้ น่าจะมีคนไทยเดินทางไปเที่ยวต่างประเทศ ประมาณ 3.5 ล้านคน ต่ำกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ว่าจะได้ 4 ล้านคน และน้อยกว่าปีก่อน ที่มีคนไทยไปเที่ยวต่างประเทศมากเกือบ 4.5 ล้านคน
นายอเนก กล่าวว่า สำหรับ ตลาดคนไทยเที่ยวในประเทศ ปีนี้จะค่อนข้างซบเซา เพราะปัจจัยลบทางเศรษฐกิจและราคาน้ำมัน แม้ว่าเส้นทางระยะใกล้ อย่างกรุงเทพ-พัทยา ก็ได้รับผลกระทบ เพราะ ปัจจุบัน หากขับรถยนต์ ไปกลับ กรุงเทพ-พัทยา จะเสียค่าน้ำมันกว่า 1,000 บาท จาก ก่อนหน้านี้ จะเสียค่าน้ำมันเพียง 500-600 บาทเท่านั้น ทำให้ผู้ที่คิดจะเดินทางท่องเที่ยว อาจชะลอการเดินทางออกไปก่อน หรือไม่ก็ลดความถี่ของการเดินทางท่องเที่ยวในวันหยุดสุดสัปดาห์
ซึ่งปัญหาที่เกิดขึ้นทั้งหมดตามที่กล่าวมา ผู้ประกอบการบริษัทนำเที่ยว และ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) ก็หารือกันอย่างต่อเนื่อง เพื่อหาวิธีโปรโมตให้คนไทยได้เดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศ เหมือนเดิม จะได้เกิดการหมุนเวียนเม็ดเงินเข้าสู่ท้องถิ่น แต่ก็ไม่สามารถตอบได้ว่าจะได้ผลตอบรับเพียงใด
