หัวม้าลาย ยื้อขึ้นราคาสินค้าช่วยผู้บริโภค แต่ครวญราคาเหล็ก-น้ำมัน กระทบต้นทุนการผลิตเครื่องครัวแสตนเลสพุ่ง เตรียมลดภาระด้านอื่นแทนเป็นการถ่วงเวลา ขณะเดียวกันตั้งเป้าเจาะตลาดจีนเพิ่ม หลังลงทุน และส่งออกไปแล้วกว่า 1 ปี
นายเอกชัย ยังวาณิช รองประธานคณะกรรมการ บริษัท เสถียรสเตนเลสสตีล จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า สถานการ์ณของราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องในปัจจุบัน ส่งผลให้บริษัทได้รับผลกระทบด้านต้นทุนต่างๆ เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในส่วนของค่าขนส่ง และวัตถุดิบ โดยราคาเหล็กเองได้ที่มีการปรับสูงขึ้นตามราคาน้ำมันในช่วงที่ผ่านมาอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม ทางบริษัทจะไม่ทำการปรับขึ้นราคาสินค้าในช่วงนี้ และจะประคองไว้ให้นานที่สุด เพื่อเป็นการลดภาระให้กับผู้บริโภค ซึ่งบริษัทจะทำการลดต้นทุนในส่วนอื่นแทนไประยะหนึ่งก่อน
"เราได้รับผลกระทบจากราคาน้ำมัน โดยเฉพาะราคาเหล็กที่สูงขึ้นในปัจจัย เนื่องจากเหล็กบางชนิดเราไม่สามารถผลิตเองในประเทศ ต้องนำเข้าจากญี่ปุ่น แต่เราจะไม่ขึ้นราคาสินค้าในช่วงนี้ เพื่อลดภาระให้ผู้บริโภค แต่หากจำเป็นจริงๆ คงจะปรับขึ้นไม่มาก" นายเอกชัยกล่าว
สำหรับการทำตลาดภายในประเทศปีนี้ บริษัทได้เริ่มเน้นในส่วนของการทำหม้อก๋วยเตี๋ยวปลอดสารตะกั่ว ที่มีการรณรงค์จากกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งมีความต้องการอยู่ถึง 1 ล้านใบ แต่ในปัจจุบันกำลังการผลิตโดยรวมยังมีไม่ถึง ทำให้ต้องเร่งผลิตเพิ่มเติมอย่างต่อเนื่อง
นายเอกชัย กล่าวอีกว่า การดำเนินงานของบริษัทในปีที่ผ่านมาถือว่า ประสบความสำเร็จ โดยมีมาร์เก็ตแชร์ในส่วนของเครื่องครัวแสตนเลสสูงถึงกว่า 50% และยังมีการส่งออกไปกว่า 40 ประเทศทั่วโลก เช่น จีน กัมพูชา มาเลเซีย ไตหวัน และอินโดนีเซีย
ทั้งนี้ ในส่วนการส่งออกไปประเทศจีนบริษัทได้มีการตั้งเป้าให้มีการขยายตัวเพิ่มมากขึ้นในปีนี้ โดยตั้งแต่เริ่มทำการตลาดในปี 2007 ขณะนี้ยังอยู่ในช่วงลงทุนพัฒนา ซึ่งการลงทุนจะเป็นความร่วมมือในลักษณะโฮล์เซลล์ ด้วยการตั้งสาขาตามณฑลต่างๆ ของจีน
สำหรับปัจจุบันการลงทุนในประเทศจีนถือเป็นตลาดขนาดใหญ่ที่น่าสนใจ แต่มีการแข่งขันสูงมาก โดยบริษัทได้วางตำแหน่งของผลิตภัณฑ์ในระดับกลาง เพื่อหลีกเลี่ยงการแข่งขันกับแบรนด์ของประเทศจีน หรือโลว์คอลแบรนด์
"เราจัดอยู่ในแบรนด์ระดับกลาง เพื่อเลี่ยงการแข่งขันกับโลว์คอลแบรนด์ ซึ่งราคาของเราเมื่อเทียบกับราคาแล้วจะไม่แพงเหมือนแบรนด์ยุโรป แต่คุณภาพดีกว่าแบรนด์ทั่วไป นอกจากนี้เรายังได้มีการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ขึ้นมาเพื่อเอาใจลูกค้าในจีน ที่ขณะนี้ได้มีการลดขนาดครอบครัวให้มีขนาดเล็กลงมากขึ้นอีกด้วย"
นายเอกชัย กล่าวอีกว่า การแข็งค่าของเงินบาทในช่วงที่ผ่านมา ส่งผลกระทบต่อรายได้ของบริษัทที่ประเมินไว้ จากการส่งออกไปถึงกว่า 20% เนื่องจากบริษัทมีต้นทุนในการป้องกันความเสี่ยงมากขึ้น และความผันผวนนี้ยังถือเป็นอุปสรรคที่ต้องเผชิญต่อไปอีกสักระยะ
อย่างไรก็ตาม ปัญหาซับไพรม์ที่เกิดขึ้นกับประเทศสหรัฐอเมริกานั้น ส่งผลกระทบต่อรายได้ของบริษัทน้อยมาก เนื่องจากยอดการส่งออกไปสหรัฐอเมริกาของบริษัทมีเพียง 10% เท่านั้น
นายเอกชัย ยังวาณิช รองประธานคณะกรรมการ บริษัท เสถียรสเตนเลสสตีล จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า สถานการ์ณของราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องในปัจจุบัน ส่งผลให้บริษัทได้รับผลกระทบด้านต้นทุนต่างๆ เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในส่วนของค่าขนส่ง และวัตถุดิบ โดยราคาเหล็กเองได้ที่มีการปรับสูงขึ้นตามราคาน้ำมันในช่วงที่ผ่านมาอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม ทางบริษัทจะไม่ทำการปรับขึ้นราคาสินค้าในช่วงนี้ และจะประคองไว้ให้นานที่สุด เพื่อเป็นการลดภาระให้กับผู้บริโภค ซึ่งบริษัทจะทำการลดต้นทุนในส่วนอื่นแทนไประยะหนึ่งก่อน
"เราได้รับผลกระทบจากราคาน้ำมัน โดยเฉพาะราคาเหล็กที่สูงขึ้นในปัจจัย เนื่องจากเหล็กบางชนิดเราไม่สามารถผลิตเองในประเทศ ต้องนำเข้าจากญี่ปุ่น แต่เราจะไม่ขึ้นราคาสินค้าในช่วงนี้ เพื่อลดภาระให้ผู้บริโภค แต่หากจำเป็นจริงๆ คงจะปรับขึ้นไม่มาก" นายเอกชัยกล่าว
สำหรับการทำตลาดภายในประเทศปีนี้ บริษัทได้เริ่มเน้นในส่วนของการทำหม้อก๋วยเตี๋ยวปลอดสารตะกั่ว ที่มีการรณรงค์จากกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งมีความต้องการอยู่ถึง 1 ล้านใบ แต่ในปัจจุบันกำลังการผลิตโดยรวมยังมีไม่ถึง ทำให้ต้องเร่งผลิตเพิ่มเติมอย่างต่อเนื่อง
นายเอกชัย กล่าวอีกว่า การดำเนินงานของบริษัทในปีที่ผ่านมาถือว่า ประสบความสำเร็จ โดยมีมาร์เก็ตแชร์ในส่วนของเครื่องครัวแสตนเลสสูงถึงกว่า 50% และยังมีการส่งออกไปกว่า 40 ประเทศทั่วโลก เช่น จีน กัมพูชา มาเลเซีย ไตหวัน และอินโดนีเซีย
ทั้งนี้ ในส่วนการส่งออกไปประเทศจีนบริษัทได้มีการตั้งเป้าให้มีการขยายตัวเพิ่มมากขึ้นในปีนี้ โดยตั้งแต่เริ่มทำการตลาดในปี 2007 ขณะนี้ยังอยู่ในช่วงลงทุนพัฒนา ซึ่งการลงทุนจะเป็นความร่วมมือในลักษณะโฮล์เซลล์ ด้วยการตั้งสาขาตามณฑลต่างๆ ของจีน
สำหรับปัจจุบันการลงทุนในประเทศจีนถือเป็นตลาดขนาดใหญ่ที่น่าสนใจ แต่มีการแข่งขันสูงมาก โดยบริษัทได้วางตำแหน่งของผลิตภัณฑ์ในระดับกลาง เพื่อหลีกเลี่ยงการแข่งขันกับแบรนด์ของประเทศจีน หรือโลว์คอลแบรนด์
"เราจัดอยู่ในแบรนด์ระดับกลาง เพื่อเลี่ยงการแข่งขันกับโลว์คอลแบรนด์ ซึ่งราคาของเราเมื่อเทียบกับราคาแล้วจะไม่แพงเหมือนแบรนด์ยุโรป แต่คุณภาพดีกว่าแบรนด์ทั่วไป นอกจากนี้เรายังได้มีการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ขึ้นมาเพื่อเอาใจลูกค้าในจีน ที่ขณะนี้ได้มีการลดขนาดครอบครัวให้มีขนาดเล็กลงมากขึ้นอีกด้วย"
นายเอกชัย กล่าวอีกว่า การแข็งค่าของเงินบาทในช่วงที่ผ่านมา ส่งผลกระทบต่อรายได้ของบริษัทที่ประเมินไว้ จากการส่งออกไปถึงกว่า 20% เนื่องจากบริษัทมีต้นทุนในการป้องกันความเสี่ยงมากขึ้น และความผันผวนนี้ยังถือเป็นอุปสรรคที่ต้องเผชิญต่อไปอีกสักระยะ
อย่างไรก็ตาม ปัญหาซับไพรม์ที่เกิดขึ้นกับประเทศสหรัฐอเมริกานั้น ส่งผลกระทบต่อรายได้ของบริษัทน้อยมาก เนื่องจากยอดการส่งออกไปสหรัฐอเมริกาของบริษัทมีเพียง 10% เท่านั้น
