นายกสมาคมโฆษณาธุรกิจแห่งประเทศไทย ฟันธงการเมือง-การชุมนุม เป็นปัจจัยหลัก ขีดชะตาตลาดโฆษณามูลค่า 90,000 ล้านบาท ว่า จะโตได้อีก 5% หรือไม่ เผยลูกค้าเริ่มระมัดระวังการใช้เงินมากขึ้น กระแสการทำตลาดผ่านบีโลว์เดอะไลน์ มีสูงอยู่ แต่ถูกกดราคา ด้านงานแอดแมน แนวโน้มการส่งผลงานมีเพิ่มขึ้น พบพฤติกรรมการใช้สื่อ เน้นการใช้งานให้นานให้นานขึ้น ส่งผลงานพริ้นท์ส่งเข้าประกวดลดลง
นายวิทวัส ชัยปาณี นายกสมาคมโฆษณาธุรกิจแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า สถานการณ์การเมืองและการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่เกิดขึ้น หากไม่เลวร้ายลงไปมากกว่านี้ เชื่อว่า จะทำให้ตลาดโฆษณามูลค่า 90,000 ล้านบาท ทั้งปีน่าจะยังมีความเป็นไปได้ที่จะเติบโตที่ 5% ตามที่คาดการณ์ไว้ ซึ่งถือเป็นตัวเลขการเติบโตที่ค่อนข้างต่ำ เมื่อเทียบกับช่วงปี 2543-2547 ที่ตลาดมีการเติบโตเป็นตัวเลข 2 หลัก ไม่ต่ำกว่า 10% ทุกปี ยอมรับว่า การเมืองเป็นปัจจัยหลักที่ส่งผลกระทบต่อตลาดโฆษณาโดยตรง ส่วนในเรื่องของราคาน้ำมัน ยังไม่ใช่ปัจจัยหลักเสียทีเดียว ทั้งนี้ ในส่วนของลูกค้าก็เริ่มตระหนัก จากสถานการณ์ที่เกิดขึ้น และระมัดระวังการใช้เงินบ้างแล้ว
ทั้งนี้ สำหรับตลาดโฆษณาในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมา สามารถบอกได้ว่าในเดือน เม.ย.มีอัตราการเติบโตขึ้น 4% เนื่องจากเป็นช่วงซัมเมอร์ มีการเปิดตัวสินค้าใหม่ และเป็นการอั้นจากช่วงปลายปีและไตรมาสแรกที่ผ่านมาด้วย ส่วนตัวเลขของเดือน พ.ค.-มิ.ย.ยังไม่ออกมา
นอกจากนี้ ยังพบว่า สัดส่วนการใช้สื่อของลูกค้ายังคงเป็นโฆษณา 60% คิดเป็นมูลค่าตลาดได้ 90,000 ล้านบาท และการจัดกิจกรรม หรืออีเวนต์อีก 40% คิดเป็นมูลค่าตลาดอีเวนต์ได้ 70,000 ล้านบาท โดยในส่วนของอีเวนต์นั้น พบว่า ปีนี้หันมาให้ความสำคัญมากยิ่งขึ้น มีการจัดอีเวนต์มากกว่าปีที่ผ่านมาในแง่จำนวนครั้ง แต่ในแง่มูลค่าแล้วไม่เติบโต เนื่องจากลูกค้ามีการต่อรองราคาค่อนข้างสูง อันเนื่องมาจากงบการใช้เงินที่ลดลง ทั้งนี้ กระแสการใช้สื่อทำตลาดแบบผสมผสานจะถูกนำมาใช้มากขึ้น ยกตัวอย่างสินค้าที่มีการนำเอากิจกรรมมาเป็นส่วนหนึ่งของการทำตลาดในปีนี้ ได้แก่ บรีส และ สิงห์
อย่างไรก็ตาม ยังพบอีกว่า ลูกค้าเริ่มมีการใช้สื่อที่ตรงกับกลุ่มเป้าหมายมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ จากเดิมที่จะเน้นใช้สื่อแมส มีการโฆษณาทางโทรทัศน์ ใช้เงินสูง ปีนี้จะพบว่า บางโครงการจะไม่มีการใช้สื่อแมส จะเน้นใช้สื่อเอาต์ดอร์ บริเวณใกล้เคียงกับโครงการ พร้อมทั้งมีการแจกใบปลิวในบริเวณดังกล่าว หรือมีการจัดกิจกรรมช่วงพรีเซลล์อีกส่วนหนึ่งด้วย
ส่งงานประกวดแอดแมนคึกคัก
นายวิทวัส กล่าวต่อถึง งานAdman Award & Symposium 2008 ด้วยว่า ปีนี้มีผลงานที่เข้าประกวดมากกว่าปีก่อน จาก 1,008 ชิ้น เป็น 1,027 ชิ้น ซึ่งมองว่าเป็นสัญญาณที่ดีสำหรับวงการโฆษณา ถึงแม้ว่าชิ้นงานในบางกลุ่มอย่าง พรินต์ และ เอาต์ดอร์ จะลดลง มองว่า น่าจะมาจากในปีก่อน ลูกค้าประหยัดในเรื่องของการใช้งบมากยิ่งขึ้น ชิ้นงานที่ออกมาจึงมีระยะเวลาในการใช้งานที่นานขึ้น ทำให้ผลงานด้านพริ้นท์จึงน้อยลง ขณะที่เอาต์ดอร์จริงๆ มีน้อย ส่วยใหญ่ลูกค้าจะมีการนำเอาพริ้นท์มาขยายเพิ่มในช่องทางเอาต์ดอร์แทน
สำหรับในส่วนของทีวีนั้น พบว่า ยังมีอัตราที่สูงขึ้น คาดว่า น่าจะมาจากปัจจัยในเรื่องของผู้บริโภคที่เบื่อง่าย ดังนั้น ภาพยนตร์โฆษณาจึงต้องมีการทำขึ้นมาใหม่อยู่ตลอดเวลา ผลงานที่ส่งเข้าประกวดจึงยังมีสูงอยู่ แต่เมื่อรวมๆ แล้ว ความโดดเด่นในเรื่องของไอเดียปีนี้ยังไม่ค่อนดีนัก ไม่แตกต่างจากปีก่อน ทั้งนี้ อาจจะเป็นเรื่องของการพยายามที่จะหาช่องทางใหม่ๆ เพื่อการสร้างสรรค์ด้วย รวมถึงเริ่มตันก็เป็นไปได้
ทั้งนี้ มองว่า ช่องทางมีเดียใหม่ๆ ที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะออนไลน์ จะเป็นช่องทางสำคัญที่จะเปลี่ยนแปลงวงการโฆษณาได้ เพราะเทียบแล้วอินเทอร์เน็ตถือเป็นช่องทางที่ถูกที่สุด เมื่อเทียบกับทุกสื่อ โดยเฉพาะสื่อทีวี น่าจะได้รับผลกระทบโดยตรง แต่ทั้งนี้ ก็คงต้องใช้เวลาอีกนานหลายปีสำหรับประเทศไทย ส่วน เคเบิลทีวี และ ทีวีดาวเทียม ยังไม่ส่งผลกระทบต่อวงการโฆษณามากนัก
อย่างไรก็ตาม ปีนี้ภายในงานประกวด ได้เพิ่มรางวัลประเภทสื่อโฆษณา Ad That Works ด้วยอีก 1 ประเภท รวมทั้งหมดปีนี้จึงมีผลงานเข้าประกวดทั้งสิ้น 16 ประเภท ซึ่งจะมีการตัดสินประกาศผลงานที่ได้รับรางวัลอย่างเป็นทางการในวันที่ 6 มิถุนายนนี้ ณ รอยัล พารากอน ฮอลล์ สยามพารากอน
นายวิทวัส ชัยปาณี นายกสมาคมโฆษณาธุรกิจแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า สถานการณ์การเมืองและการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่เกิดขึ้น หากไม่เลวร้ายลงไปมากกว่านี้ เชื่อว่า จะทำให้ตลาดโฆษณามูลค่า 90,000 ล้านบาท ทั้งปีน่าจะยังมีความเป็นไปได้ที่จะเติบโตที่ 5% ตามที่คาดการณ์ไว้ ซึ่งถือเป็นตัวเลขการเติบโตที่ค่อนข้างต่ำ เมื่อเทียบกับช่วงปี 2543-2547 ที่ตลาดมีการเติบโตเป็นตัวเลข 2 หลัก ไม่ต่ำกว่า 10% ทุกปี ยอมรับว่า การเมืองเป็นปัจจัยหลักที่ส่งผลกระทบต่อตลาดโฆษณาโดยตรง ส่วนในเรื่องของราคาน้ำมัน ยังไม่ใช่ปัจจัยหลักเสียทีเดียว ทั้งนี้ ในส่วนของลูกค้าก็เริ่มตระหนัก จากสถานการณ์ที่เกิดขึ้น และระมัดระวังการใช้เงินบ้างแล้ว
ทั้งนี้ สำหรับตลาดโฆษณาในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมา สามารถบอกได้ว่าในเดือน เม.ย.มีอัตราการเติบโตขึ้น 4% เนื่องจากเป็นช่วงซัมเมอร์ มีการเปิดตัวสินค้าใหม่ และเป็นการอั้นจากช่วงปลายปีและไตรมาสแรกที่ผ่านมาด้วย ส่วนตัวเลขของเดือน พ.ค.-มิ.ย.ยังไม่ออกมา
นอกจากนี้ ยังพบว่า สัดส่วนการใช้สื่อของลูกค้ายังคงเป็นโฆษณา 60% คิดเป็นมูลค่าตลาดได้ 90,000 ล้านบาท และการจัดกิจกรรม หรืออีเวนต์อีก 40% คิดเป็นมูลค่าตลาดอีเวนต์ได้ 70,000 ล้านบาท โดยในส่วนของอีเวนต์นั้น พบว่า ปีนี้หันมาให้ความสำคัญมากยิ่งขึ้น มีการจัดอีเวนต์มากกว่าปีที่ผ่านมาในแง่จำนวนครั้ง แต่ในแง่มูลค่าแล้วไม่เติบโต เนื่องจากลูกค้ามีการต่อรองราคาค่อนข้างสูง อันเนื่องมาจากงบการใช้เงินที่ลดลง ทั้งนี้ กระแสการใช้สื่อทำตลาดแบบผสมผสานจะถูกนำมาใช้มากขึ้น ยกตัวอย่างสินค้าที่มีการนำเอากิจกรรมมาเป็นส่วนหนึ่งของการทำตลาดในปีนี้ ได้แก่ บรีส และ สิงห์
อย่างไรก็ตาม ยังพบอีกว่า ลูกค้าเริ่มมีการใช้สื่อที่ตรงกับกลุ่มเป้าหมายมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ จากเดิมที่จะเน้นใช้สื่อแมส มีการโฆษณาทางโทรทัศน์ ใช้เงินสูง ปีนี้จะพบว่า บางโครงการจะไม่มีการใช้สื่อแมส จะเน้นใช้สื่อเอาต์ดอร์ บริเวณใกล้เคียงกับโครงการ พร้อมทั้งมีการแจกใบปลิวในบริเวณดังกล่าว หรือมีการจัดกิจกรรมช่วงพรีเซลล์อีกส่วนหนึ่งด้วย
ส่งงานประกวดแอดแมนคึกคัก
นายวิทวัส กล่าวต่อถึง งานAdman Award & Symposium 2008 ด้วยว่า ปีนี้มีผลงานที่เข้าประกวดมากกว่าปีก่อน จาก 1,008 ชิ้น เป็น 1,027 ชิ้น ซึ่งมองว่าเป็นสัญญาณที่ดีสำหรับวงการโฆษณา ถึงแม้ว่าชิ้นงานในบางกลุ่มอย่าง พรินต์ และ เอาต์ดอร์ จะลดลง มองว่า น่าจะมาจากในปีก่อน ลูกค้าประหยัดในเรื่องของการใช้งบมากยิ่งขึ้น ชิ้นงานที่ออกมาจึงมีระยะเวลาในการใช้งานที่นานขึ้น ทำให้ผลงานด้านพริ้นท์จึงน้อยลง ขณะที่เอาต์ดอร์จริงๆ มีน้อย ส่วยใหญ่ลูกค้าจะมีการนำเอาพริ้นท์มาขยายเพิ่มในช่องทางเอาต์ดอร์แทน
สำหรับในส่วนของทีวีนั้น พบว่า ยังมีอัตราที่สูงขึ้น คาดว่า น่าจะมาจากปัจจัยในเรื่องของผู้บริโภคที่เบื่อง่าย ดังนั้น ภาพยนตร์โฆษณาจึงต้องมีการทำขึ้นมาใหม่อยู่ตลอดเวลา ผลงานที่ส่งเข้าประกวดจึงยังมีสูงอยู่ แต่เมื่อรวมๆ แล้ว ความโดดเด่นในเรื่องของไอเดียปีนี้ยังไม่ค่อนดีนัก ไม่แตกต่างจากปีก่อน ทั้งนี้ อาจจะเป็นเรื่องของการพยายามที่จะหาช่องทางใหม่ๆ เพื่อการสร้างสรรค์ด้วย รวมถึงเริ่มตันก็เป็นไปได้
ทั้งนี้ มองว่า ช่องทางมีเดียใหม่ๆ ที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะออนไลน์ จะเป็นช่องทางสำคัญที่จะเปลี่ยนแปลงวงการโฆษณาได้ เพราะเทียบแล้วอินเทอร์เน็ตถือเป็นช่องทางที่ถูกที่สุด เมื่อเทียบกับทุกสื่อ โดยเฉพาะสื่อทีวี น่าจะได้รับผลกระทบโดยตรง แต่ทั้งนี้ ก็คงต้องใช้เวลาอีกนานหลายปีสำหรับประเทศไทย ส่วน เคเบิลทีวี และ ทีวีดาวเทียม ยังไม่ส่งผลกระทบต่อวงการโฆษณามากนัก
อย่างไรก็ตาม ปีนี้ภายในงานประกวด ได้เพิ่มรางวัลประเภทสื่อโฆษณา Ad That Works ด้วยอีก 1 ประเภท รวมทั้งหมดปีนี้จึงมีผลงานเข้าประกวดทั้งสิ้น 16 ประเภท ซึ่งจะมีการตัดสินประกาศผลงานที่ได้รับรางวัลอย่างเป็นทางการในวันที่ 6 มิถุนายนนี้ ณ รอยัล พารากอน ฮอลล์ สยามพารากอน