"สุวิทย์" วางแผนดึงเม็ดเงินลงทุนใหม่จากประเทศแถบยุโรป เข้ามาลงทุนไทยมากขึ้น จากปัจจุบันมีสัดส่วนต่ำมาก หวังหนุนอุตสาหกรรมไทยเติบโตยั่งยืน แย้มผู้ผลิตรถยนต์ "เฟียต" เตรียมส่งทีมงานสำรวจลงทุนไทย เล็งเดินสายโรดโชว์อังกฤษ-เยอรมัน
นายสุวิทย์ คุณกิติ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า กระทรวงอุตสาหกรรมและสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) มีแผนจะดึงเม็ดเงินการลงทุนจากประเทศในแถบยุโรป ซึ่งเป็นประเทศใหม่ที่ยังไม่ได้เข้ามาให้เข้ามาลงทุนในประเทศไทยมากขึ้น เพื่อจะทำให้อุตสาหกรรมของไทยมีการเติบโตอย่างยั่งยืน โดยขณะที่มีสัดส่วนนักลงทุนจากยุโรปเข้ามาลงทุนในประเทศไทยมีสัดส่วนน้อยมาก
ทั้งนี้ ทางกระทรวงอุตสาหกรรมมีแผนที่จะเดินทางไปประเทศอังกฤษไปนำเสนอข้อมูล (โรดโชว์) เพื่อเชิญชวนให้บริษัทในประเทศอังกฤษเข้ามาลงทุนประเทศไทย หรือหาแนวทางความร่วมมือในการพัฒนาอุตสาหกรรมไทยและอังกฤษให้มีมากขึ้น ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการประสานงาน คาดว่าจะเดินทางไปประมาณเดือนสิงหาคมหรือกันยายนนี้ โดยอุตสาหกรรมที่เราต้องการให้เข้ามาลงทุน เช่น เทคโนโลยี อุตสาหกรรมการผลิต ซอฟท์แวร์ บริการ ฯลฯ
ขณะเดียวกัน ยังมีแผนที่จะเดินทางไปยังประเทศเยอรมัน เพื่อกระตุ้นให้ประเทศดังกล่าวเข้ามาลงทุน จากขณะนี้ที่มีการชะลอตัวทีเข้ามาลงทุน เพราะประเทศดังกล่าวถือว่าเป็นผู้ค้าที่สำคัญของประเทศไทย ซึ่งที่ผ่านมานั้นได้มีบริษัทซึ่งทำธุรกิจรถยนต์สนใจเข้ามาขอรับการส่งเสริมการลงทุน โดยขณะนี้บริษัทดังกล่าวอยู่ระหว่างการตัดสินใจที่จะเข้ามาลงทุน ซึ่งหากบีโอไอเดินทางไปให้ข้อมูลก็จะทำให้บริษัทดังกล่าวมีการตัดสินใจเข้ามาลงทุน
นอกจากนี้ ยังมีแผนที่จะไปเชิญชวนให้บริษัทในประเทศรัสเซีย และสหภาพโซเวียต ตะวันออกกลางให้เข้ามาลงทุนในประเทศไทย เพราะเป็นประเทศที่มีศักยภาพในการที่จะเข้ามาลงทุนและถือว่าเป็นตลาดใหม่ที่เราจะต้องไปดึง ซึ่งหากไทยไม่เดินสายไปให้ข้อมูลกับบริษัทในประเทศดังกล่าวจะทำให้ประเทศไทยเสียโอกาสที่จะดึงเม็ดเงินลงทุน ทำให้บริษัทดังกล่าวนั้นมีการหันไปลงทุนในประเทศอื่นแทน
นายสุวิทย์ กล่าวว่า กลางเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมาทางกระทรวงอุตสาหกรรมได้มีการเดินทางไปประเทศอิตาลี เพื่อไปให้ข้อมูลและเข้าพบกับผู้บริหารของบริษัทต่างๆ เพื่อจะดึงเม็ดเงินลงทุนเข้ามาลงทุนไทย ซึ่งอุตสาหกรรมแฟชั่นและจิวเวอร์รี่ในประเทศอิตาลีติดอันดับอุตสาหกรรมชั้นนำของโลก ซึ่งผู้ประกอบการในประเทศอิตาลีนั้นถือว่ามีความรู้น้อยเกี่ยวกับการใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษีของบีโอไอ
"ประเทศอิตาลีถือว่ามีความแข็งแกร่งในการที่จะพัฒนาธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ซึ่งหากเราได้รับความร่วมมือจากประเทศดังกล่าวเข้ามาร่วมกันพัฒนาธุรกิจขนาดกลางและย่อมของทั้ง 2 ประเทศให้มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง"
สำหรับขณะบริษัทผู้ผลิตรถยนต์เฟียต และบริษัทที่ดำเนินธุรกิจจัดแสดงสินค้ารายใหญ่ของประเทศอิตาลี ให้ความสนใจที่จะเข้ามาลงทุนในประเทศไทย และทั้ง 2 บริษัทดังกล่าวจะส่งเจ้าหน้าที่มาประเทศไทยเพื่อศึกษาข้อมูลในปีนี้ ซึ่งคาดว่าในปีหน้าจะมีการวางแผนในเรื่องการผลิตในประเทศไทย อย่างไรก็ตาม สัดส่วนการลงทุนของบริษัทในอิตาลีที่เข้ามาลงทุนในประเทศไทยถือว่ามีสัดส่วนที่ต่ำมาก ซึ่งยังมีโอกาสที่จะปรับตัวสูงขึ้นได้อีก
นายสุวิทย์ คุณกิติ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า กระทรวงอุตสาหกรรมและสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) มีแผนจะดึงเม็ดเงินการลงทุนจากประเทศในแถบยุโรป ซึ่งเป็นประเทศใหม่ที่ยังไม่ได้เข้ามาให้เข้ามาลงทุนในประเทศไทยมากขึ้น เพื่อจะทำให้อุตสาหกรรมของไทยมีการเติบโตอย่างยั่งยืน โดยขณะที่มีสัดส่วนนักลงทุนจากยุโรปเข้ามาลงทุนในประเทศไทยมีสัดส่วนน้อยมาก
ทั้งนี้ ทางกระทรวงอุตสาหกรรมมีแผนที่จะเดินทางไปประเทศอังกฤษไปนำเสนอข้อมูล (โรดโชว์) เพื่อเชิญชวนให้บริษัทในประเทศอังกฤษเข้ามาลงทุนประเทศไทย หรือหาแนวทางความร่วมมือในการพัฒนาอุตสาหกรรมไทยและอังกฤษให้มีมากขึ้น ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการประสานงาน คาดว่าจะเดินทางไปประมาณเดือนสิงหาคมหรือกันยายนนี้ โดยอุตสาหกรรมที่เราต้องการให้เข้ามาลงทุน เช่น เทคโนโลยี อุตสาหกรรมการผลิต ซอฟท์แวร์ บริการ ฯลฯ
ขณะเดียวกัน ยังมีแผนที่จะเดินทางไปยังประเทศเยอรมัน เพื่อกระตุ้นให้ประเทศดังกล่าวเข้ามาลงทุน จากขณะนี้ที่มีการชะลอตัวทีเข้ามาลงทุน เพราะประเทศดังกล่าวถือว่าเป็นผู้ค้าที่สำคัญของประเทศไทย ซึ่งที่ผ่านมานั้นได้มีบริษัทซึ่งทำธุรกิจรถยนต์สนใจเข้ามาขอรับการส่งเสริมการลงทุน โดยขณะนี้บริษัทดังกล่าวอยู่ระหว่างการตัดสินใจที่จะเข้ามาลงทุน ซึ่งหากบีโอไอเดินทางไปให้ข้อมูลก็จะทำให้บริษัทดังกล่าวมีการตัดสินใจเข้ามาลงทุน
นอกจากนี้ ยังมีแผนที่จะไปเชิญชวนให้บริษัทในประเทศรัสเซีย และสหภาพโซเวียต ตะวันออกกลางให้เข้ามาลงทุนในประเทศไทย เพราะเป็นประเทศที่มีศักยภาพในการที่จะเข้ามาลงทุนและถือว่าเป็นตลาดใหม่ที่เราจะต้องไปดึง ซึ่งหากไทยไม่เดินสายไปให้ข้อมูลกับบริษัทในประเทศดังกล่าวจะทำให้ประเทศไทยเสียโอกาสที่จะดึงเม็ดเงินลงทุน ทำให้บริษัทดังกล่าวนั้นมีการหันไปลงทุนในประเทศอื่นแทน
นายสุวิทย์ กล่าวว่า กลางเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมาทางกระทรวงอุตสาหกรรมได้มีการเดินทางไปประเทศอิตาลี เพื่อไปให้ข้อมูลและเข้าพบกับผู้บริหารของบริษัทต่างๆ เพื่อจะดึงเม็ดเงินลงทุนเข้ามาลงทุนไทย ซึ่งอุตสาหกรรมแฟชั่นและจิวเวอร์รี่ในประเทศอิตาลีติดอันดับอุตสาหกรรมชั้นนำของโลก ซึ่งผู้ประกอบการในประเทศอิตาลีนั้นถือว่ามีความรู้น้อยเกี่ยวกับการใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษีของบีโอไอ
"ประเทศอิตาลีถือว่ามีความแข็งแกร่งในการที่จะพัฒนาธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ซึ่งหากเราได้รับความร่วมมือจากประเทศดังกล่าวเข้ามาร่วมกันพัฒนาธุรกิจขนาดกลางและย่อมของทั้ง 2 ประเทศให้มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง"
สำหรับขณะบริษัทผู้ผลิตรถยนต์เฟียต และบริษัทที่ดำเนินธุรกิจจัดแสดงสินค้ารายใหญ่ของประเทศอิตาลี ให้ความสนใจที่จะเข้ามาลงทุนในประเทศไทย และทั้ง 2 บริษัทดังกล่าวจะส่งเจ้าหน้าที่มาประเทศไทยเพื่อศึกษาข้อมูลในปีนี้ ซึ่งคาดว่าในปีหน้าจะมีการวางแผนในเรื่องการผลิตในประเทศไทย อย่างไรก็ตาม สัดส่วนการลงทุนของบริษัทในอิตาลีที่เข้ามาลงทุนในประเทศไทยถือว่ามีสัดส่วนที่ต่ำมาก ซึ่งยังมีโอกาสที่จะปรับตัวสูงขึ้นได้อีก
