น้ำมันแพง คนแห่ใช้บริการสั่งซื้อของผ่านระบบแคตาล็อก "ออฟฟิศเมท" รับอานิสงค์ ประคองตัวได้ ครึ่งปีที่ผ่านมา ยังเติบโต 25% เผยครึ่งปีหลัง หวั่นใจกำลังซื้อหดตัวแน่ มุ่งเน้นด้านบริการ มัดใจลูกค้าใหม่เป็นหอกสำคัญดันรายได้
นายวรวุฒิ อุ่นใจ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ออฟฟิศเมท จำกัด ผู้จำหน่ายเครื่องเขียน อุปกรณ์สำนักงาน คอมพิวเตอร์และออฟฟิศเฟอร์นิเจอร์ ผ่านระบบแคตาล็อก และอินเตอร์เน็ต เปิดเผยกับ "ผู้จัดการรายวัน"ว่า จากราคาแนวโน้มน้ำมันที่สูงขึ้นเรื่อยๆ ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา ส่งผลให้ บริษัทฯมีจำนวนลูกค้าใหม่เข้าสู่ระบบการสั่งซื้อสินค้าผ่านรูปแบบแคตาล็อก และเว็บไซด์หรือทางโทรศัพท์มากยิ่งขึ้น จำนวนไม่ต่ำกว่า 7,000-8,000 ราย หรือเฉลี่ยแล้ว ต่อเดือนมีจำนวนลูกค้าใหม่กว่า 2,000 ราย ซึ่งมองว่าเป็นตัวเลขที่น่าพอใจ
ขณะเดียวกันในครึ่งปีหลังนี้ คาดว่าในเรื่องของกำลังซื้อจะหดตัวลงเรื่อยๆ เห็นได้จากยอดการสั่งซื้อของของลูกค้าแต่ละครั้งไม่สูงนัก เฉลี่ยต่อเดือนต่อครั้งอยู่ที่ 8,000 บาท หรือต่อใบเสร็จอยู่ที่ 3,800-3,900 บาท ดังนั้นบริษัทฯจะเน้นกลยุทธ์ต่างๆที่มีอยู่มุ่งเน้นที่จะเพิ่มจำนวนลูกค้าใหม่เป็นสำคัญ บวกกับกลยุทธ์ด้านการบริการของบริษัทฯ ไม่ว่าจะเป็น บริการ สั่งเช้าได้บ่าย คาดว่าจะทำให้บริษัทฯยังคงรักษาระดับการเติบโตได้ที่ 25% คิดเป็นมูลค่ากว่า 900 ล้านบาท
นายวรวุฒิ กล่าวต่อว่า สำหรับการลงทุนใหม่ๆในปีนี้นั้น หลังจากที่ได้ย้ายคลังสินค้ามาอยู่ที่ หนองจอก ลาดกะบัง ที่ลงทุนไปกว่า 180 ล้านบาท ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมานั้น ขณะนี้ยังไม่มีแผนที่จะลงทุนใหม่ แต่จะมุ่งเน้นในเรื่องของการบริหารจัดการภายใน และระบบการบริการต่างๆให้มีความสะดวกทันสมัย และมีความโปร่งใสเป็นหลัก เนื่องจากบริษัทฯกำลังที่จะแปลงเป็นบริษัท มหาชน ในวันที่ 2 มิ.ย. ที่จะถึงนี้ ซึ่งหากไม่ติดปัญหาอันใด คาดว่าปลายปีนี้จะเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ MAI ได้
อย่างไรก็ตาม สำหรับสถานการณ์ตลาดรวมเครื่องเขียนสำนักงานมูลค่า 20,000 ล้านบาทปีนี้ คาดว่าจะยังคงเติบโตเฉลี่ย 5-10% อย่างที่ผ่านมา แต่ทั้งนี้ต้องขึ้นอยู่กับสถานการณ์ครึ่งปีหลังด้วยว่า กำลังซื้อจะหดตัวลงมากแค่ไหน
นายวรวุฒิ อุ่นใจ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ออฟฟิศเมท จำกัด ผู้จำหน่ายเครื่องเขียน อุปกรณ์สำนักงาน คอมพิวเตอร์และออฟฟิศเฟอร์นิเจอร์ ผ่านระบบแคตาล็อก และอินเตอร์เน็ต เปิดเผยกับ "ผู้จัดการรายวัน"ว่า จากราคาแนวโน้มน้ำมันที่สูงขึ้นเรื่อยๆ ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา ส่งผลให้ บริษัทฯมีจำนวนลูกค้าใหม่เข้าสู่ระบบการสั่งซื้อสินค้าผ่านรูปแบบแคตาล็อก และเว็บไซด์หรือทางโทรศัพท์มากยิ่งขึ้น จำนวนไม่ต่ำกว่า 7,000-8,000 ราย หรือเฉลี่ยแล้ว ต่อเดือนมีจำนวนลูกค้าใหม่กว่า 2,000 ราย ซึ่งมองว่าเป็นตัวเลขที่น่าพอใจ
ขณะเดียวกันในครึ่งปีหลังนี้ คาดว่าในเรื่องของกำลังซื้อจะหดตัวลงเรื่อยๆ เห็นได้จากยอดการสั่งซื้อของของลูกค้าแต่ละครั้งไม่สูงนัก เฉลี่ยต่อเดือนต่อครั้งอยู่ที่ 8,000 บาท หรือต่อใบเสร็จอยู่ที่ 3,800-3,900 บาท ดังนั้นบริษัทฯจะเน้นกลยุทธ์ต่างๆที่มีอยู่มุ่งเน้นที่จะเพิ่มจำนวนลูกค้าใหม่เป็นสำคัญ บวกกับกลยุทธ์ด้านการบริการของบริษัทฯ ไม่ว่าจะเป็น บริการ สั่งเช้าได้บ่าย คาดว่าจะทำให้บริษัทฯยังคงรักษาระดับการเติบโตได้ที่ 25% คิดเป็นมูลค่ากว่า 900 ล้านบาท
นายวรวุฒิ กล่าวต่อว่า สำหรับการลงทุนใหม่ๆในปีนี้นั้น หลังจากที่ได้ย้ายคลังสินค้ามาอยู่ที่ หนองจอก ลาดกะบัง ที่ลงทุนไปกว่า 180 ล้านบาท ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมานั้น ขณะนี้ยังไม่มีแผนที่จะลงทุนใหม่ แต่จะมุ่งเน้นในเรื่องของการบริหารจัดการภายใน และระบบการบริการต่างๆให้มีความสะดวกทันสมัย และมีความโปร่งใสเป็นหลัก เนื่องจากบริษัทฯกำลังที่จะแปลงเป็นบริษัท มหาชน ในวันที่ 2 มิ.ย. ที่จะถึงนี้ ซึ่งหากไม่ติดปัญหาอันใด คาดว่าปลายปีนี้จะเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ MAI ได้
อย่างไรก็ตาม สำหรับสถานการณ์ตลาดรวมเครื่องเขียนสำนักงานมูลค่า 20,000 ล้านบาทปีนี้ คาดว่าจะยังคงเติบโตเฉลี่ย 5-10% อย่างที่ผ่านมา แต่ทั้งนี้ต้องขึ้นอยู่กับสถานการณ์ครึ่งปีหลังด้วยว่า กำลังซื้อจะหดตัวลงมากแค่ไหน
