ปตท.ประกาศปรับขึ้นราคาขายปลีกน้ำมันทุกชนิด พรุ่งนี้ โดยเบนซินปรับขึ้น 50 สต./ลิตร ส่วนดีเซลขึ้นพรวดเดียว 70 สต./ลิตร โดยให้มีผลตั้งแต่ 05.00 น. ส่งผลให้ราคาเบนซินแตะลิตรละท และดีเซลอยู่ที่ลิตรละ 36.64 บาท
(23 พ.ค.) นายชัยวัฒน์ ชูฤทธิ์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่หน่วยธุรกิจน้ำมัน บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT กล่วว่า เช้าวันพรุ่งนี้ ปตท.จะขึ้นราคาขายปลีกน้ำมันทุกชนิดภายในประเทศ โดยเบนซินปรับขึ้นลิตรละ 50 สตางค์ ส่วนดีเซลปรับขึ้นลิตรละ 70 สตางค์ โดยมีผลตั้งแต่เวลา 05.00 น. เนื่องจากค่าการตลาดติดลบหลังสถานการณ์ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
นายชัยวัฒน์ ยอมรับว่า การที่ต้นทุนน้ำมันปรับตัวสูงขึ้นมากถึง 8-11 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาเรล ช่วงระยะ 2-3 วันที่ผ่านมา ยิ่งทำให้บริษัทผู้ค้าน้ำมันต้องแบกรับภาระต้นทุนที่เพิ่มมากขึ้นกว่าเดิม ทั้งที่ก่อนหน้านี้ก็รับภาระเกือบลิตรละ 3 บาท ปตท.จึงจำเป็นต้องพิจารณาปรับราคาขายปลีกในประเทศ
ทั้งนี้ ส่งผลให้ราคาขายปลีกน้ำมันในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล ของ ปตท.เป็นดังนี้ เบนซิน 95 อยู่ที่ลิตรละ 39.59 บาท , เบนซิน 91 อยู่ที่ลิตรละ 38.49 บาท , แก๊สโซฮอล์ 95 อยู่ที่ลิตรละ 35.59 บาท , แก๊สโซฮอล์ 91 อยู่ที่ลิตรละ 34.79 บาท และดีเซลอยู่ที่ลิตรละ 36.64 บาท
อย่างไรก็ตาม ราคาขายปลีกน้ำมันของ ปตท.ยังต่ำกว่าเชลล์ในส่วนของเบนซิน 95 ที่ตั้งไว้ที่ลิตรละ 40.59 บาท และดีเซลลิตรละ 37.64 บาท
นายชัยวัฒน์ กล่าวย้ำว่า ราคาน้ำมันโลกยังคงพุ่งแรงต่อเนื่องรายวัน โดยในวันนี้น้ำมันดิบดูไบขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 128.98 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาเรล โดยเพิ่มขึ้นถึง 8.73 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาเรล , น้ำมันเบนซินขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 140.55 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาเรล เพิ่มขึ้น 8.35 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาเรล และน้ำมันดีเซลขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 173.10 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาเรล เพิ่มขึ้น 11.31 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาเรล
โดยมีผลจากปริมาณสำรองน้ำมันดิบของสหรัฐ ปรับลดลง 5.4 ล้านบาร์เรลต่อวัน มาอยู่ที่ระดับ 320.4 ล้านบาร์เรลต่อวัน ประกอบกับความต้องการใช้น้ำมันยังคงสูงขึ้น โดยเฉพาะจีนมีการนำเข้าน้ำมันดีเซลเพิ่มขึ้นถึง 3.93 ล้านบาร์เรล และญี่ปุ่นต้องการน้ำมันเบนซินเพื่อเก็บเป็นปริมาณสำรองทางยุทธศาสตร์ในปริมาณ 3.1 ล้านบาร์เรล เป็นต้น
