โอลิมปัสเปิดนโยบาย ขยายตลาดกล้องดิจิตอลทั่วโลก พร้อมครอบคลุมทุกกลุ่ม เล็งตลาดเอเซียแปซิฟิคเหตุเติบโตสูง ยาหอมไทยตลาดน่าสนใจแม้การแข่งขันรุนแรงก็ตาม พร้อมเปิดตัว 2 รุ่นใหม่ทำตลาดในไทย
นายมิตซูฮิโร ทานากะ ผู้จัดการกลุ่มธุรกิจส่วนภูมิภาคเอเชียและตะวันออกกลาง ร่วมกับ นายแม็ท โคบูชิ ผู้จัดการทั่วไป โอลิมปัส ฮ่องกงและจีน เปิดเผยถึงแผนการดำเนินงานของกล้องโอลิมปัสว่า บริษัทแม่ของโอลิมปัสมีนโยบายชัดเจนที่จะขยายตลาดกล้องโอลิมปัสไปทั่วโลก และการทำผลิตภัณฑ์ในตลาดทุกกลุ่มเป้าหมายให้ครอบคลุมมากที่สุด
“ปัจจุบันถือว่าเราประสบความสำเร็จมาก โดยกล้องโอลิมปัสมีส่วนแบ่งตลาดโลกอยู่ในอันดับที่ 3 ซึ่งถือว่าน่าพอใจมาก ขณะเดียวกันประเทศไทยถือเป็นตลาดกลุ่มเป้าหมายที่สำคัญของโอลิมปัส เพราะเป็นตลาดที่มีกำลังซื้อมาก ถือเป็นตลาดดาวรุ่งแห่งหนึ่งด้วย”
อย่างไรก็ตาม โอลิมปัสยอมรับว่าตลาดไทยเป็นประเทศที่มีการแข่งขันกันค่อนข้างสูง แต่การขยายตัวของกล้องก็มีสูงมากเช่นกันเฉลี่ย 10-15% ต่อปี ขณะที่ตลาดทั้งเอเชียแปซิฟิกจะเติบโตรวม 15% หากมองในตลาดยุโรปแล้วจะพบว่า ตลาดรวมมีอัตราการเติบโตที่คงที่ 10%
สำหรับผลการดำเนินงานของโอลิมปัสในไทยย้อนหลังไป 3 ปีที่ผ่านมา พบว่า มีการเติบโตที่น่าพอใจ ปัจจุบันอยู่ในอันดับที่ 5 จากเมื่อก่อนที่ไม่ติดอันดับเลย ทั้งนี้เพราะว่าการดำเนินงานตามแผนงานที่วางไว้อย่างชัดเจน รวมทั้งการสร้างความแตกต่างเช่น กล้องกันน้ำได้
ด้านนายจรัสพงศ์ เจนจรัสสกุล ผู้จัดการทั่วไป ฝ่ายคอนซูเมอร์อิเล็คทรอนิคส์ บริษัท เจ๊บเซ่น แอนด์ เจ๊สเซ่น มาร์เก็ตติ้ง (ที) จำกัด กล่าวว่า โอลิมปัสได้เปิดตัวกล้องดิจิตอล ดีเอสแอลอาร์ 2 รุ่นคือ E-420 และ E -520 โดยในรุ่น E-420 ได้ใช้กลยุทธ์ราคามาทำตลาดคือ 19,900 บาท ซึ่งราคาจริงต้องสูงเกินกว่า 20,000 บาท ส่วนรุ่น E-520 ราคา 26,900 บาท
เป้าหมายหลักของบริษัทฯต้องการขยายฐานกลุ่มลูกค้าเพิ่มขึ้น เพื่อช่วงชิงส่วนแบ่งตลาดให้มากที่สุด ซึ่งคาดว่าตลาดรวมกล้องดิจิตอลปีนี้จะมีประมาณ 11,000-12,000 ล้านบาท ดังนั้นการเปิดตัวรุ่นใหม่พร้อมทั้งเล่นเรื่องราคาน่าจะเป็นการขยายตลาดได้ส่วนหนึ่ง โดยเฉพาะกลุ่มเป้าหมายที่เป็น ผู้หญิงและเด็กนักเรียน
นายจรัสพงศ์กล่าวด้วยว่า ขณะที่คู่แข่งนั้นจะเน้นกลุ่มเป้าหมายที่เป็นมือโปร จึงแตกต่างจากบริษัทฯที่เน้น กลุ่มผู้หญิงและเด็กนักเรียน ซึ่งทั้งสองกลุ่มนี้ก็มีความต้องการกล้องดีเอสแอลอาร์มากเช่นกัน
นายมิตซูฮิโร ทานากะ ผู้จัดการกลุ่มธุรกิจส่วนภูมิภาคเอเชียและตะวันออกกลาง ร่วมกับ นายแม็ท โคบูชิ ผู้จัดการทั่วไป โอลิมปัส ฮ่องกงและจีน เปิดเผยถึงแผนการดำเนินงานของกล้องโอลิมปัสว่า บริษัทแม่ของโอลิมปัสมีนโยบายชัดเจนที่จะขยายตลาดกล้องโอลิมปัสไปทั่วโลก และการทำผลิตภัณฑ์ในตลาดทุกกลุ่มเป้าหมายให้ครอบคลุมมากที่สุด
“ปัจจุบันถือว่าเราประสบความสำเร็จมาก โดยกล้องโอลิมปัสมีส่วนแบ่งตลาดโลกอยู่ในอันดับที่ 3 ซึ่งถือว่าน่าพอใจมาก ขณะเดียวกันประเทศไทยถือเป็นตลาดกลุ่มเป้าหมายที่สำคัญของโอลิมปัส เพราะเป็นตลาดที่มีกำลังซื้อมาก ถือเป็นตลาดดาวรุ่งแห่งหนึ่งด้วย”
อย่างไรก็ตาม โอลิมปัสยอมรับว่าตลาดไทยเป็นประเทศที่มีการแข่งขันกันค่อนข้างสูง แต่การขยายตัวของกล้องก็มีสูงมากเช่นกันเฉลี่ย 10-15% ต่อปี ขณะที่ตลาดทั้งเอเชียแปซิฟิกจะเติบโตรวม 15% หากมองในตลาดยุโรปแล้วจะพบว่า ตลาดรวมมีอัตราการเติบโตที่คงที่ 10%
สำหรับผลการดำเนินงานของโอลิมปัสในไทยย้อนหลังไป 3 ปีที่ผ่านมา พบว่า มีการเติบโตที่น่าพอใจ ปัจจุบันอยู่ในอันดับที่ 5 จากเมื่อก่อนที่ไม่ติดอันดับเลย ทั้งนี้เพราะว่าการดำเนินงานตามแผนงานที่วางไว้อย่างชัดเจน รวมทั้งการสร้างความแตกต่างเช่น กล้องกันน้ำได้
ด้านนายจรัสพงศ์ เจนจรัสสกุล ผู้จัดการทั่วไป ฝ่ายคอนซูเมอร์อิเล็คทรอนิคส์ บริษัท เจ๊บเซ่น แอนด์ เจ๊สเซ่น มาร์เก็ตติ้ง (ที) จำกัด กล่าวว่า โอลิมปัสได้เปิดตัวกล้องดิจิตอล ดีเอสแอลอาร์ 2 รุ่นคือ E-420 และ E -520 โดยในรุ่น E-420 ได้ใช้กลยุทธ์ราคามาทำตลาดคือ 19,900 บาท ซึ่งราคาจริงต้องสูงเกินกว่า 20,000 บาท ส่วนรุ่น E-520 ราคา 26,900 บาท
เป้าหมายหลักของบริษัทฯต้องการขยายฐานกลุ่มลูกค้าเพิ่มขึ้น เพื่อช่วงชิงส่วนแบ่งตลาดให้มากที่สุด ซึ่งคาดว่าตลาดรวมกล้องดิจิตอลปีนี้จะมีประมาณ 11,000-12,000 ล้านบาท ดังนั้นการเปิดตัวรุ่นใหม่พร้อมทั้งเล่นเรื่องราคาน่าจะเป็นการขยายตลาดได้ส่วนหนึ่ง โดยเฉพาะกลุ่มเป้าหมายที่เป็น ผู้หญิงและเด็กนักเรียน
นายจรัสพงศ์กล่าวด้วยว่า ขณะที่คู่แข่งนั้นจะเน้นกลุ่มเป้าหมายที่เป็นมือโปร จึงแตกต่างจากบริษัทฯที่เน้น กลุ่มผู้หญิงและเด็กนักเรียน ซึ่งทั้งสองกลุ่มนี้ก็มีความต้องการกล้องดีเอสแอลอาร์มากเช่นกัน