กลุ่มแรงงาน 70 องค์กร รวมตัวแสดงพลังวันเมย์เดย์ ยื่นรัฐบาลขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 233 ต่อวันทั่วประเทศ พร้อมรับรอง อนุสัญญาแรงงานระหว่างประเทศหวัง เพิ่มความคุ้มครองมากขึ้น แกนนำอัดเละ รัฐบาล มุ่งแต่แก้ รธน. เพื่อฟอกตัวเองและพวกพ้อง โดยไม่คำนึงถึงความเดือดร้อนของผู้ใช้แรงงาน แก้ปัญหาค่าครองชีพแบบลูบหน้าปะจมูก
วันนี้(1 พ.ค.) กลุ่มองค์กรแรงงานและลูกจ้างจำนวนกว่า 70 องค์กร อาทิ คณะกรรมการสมานฉัทน์แรงงานไทย สมาพันธ์แรงงานวิสาหกิจสัมพันธ์ และกลุ่มผู้ใช้แรงงานทั่วประเทศ ได้ออกแถลงการณ์และติดตามข้อเรียกร้องที่ได้ยื่นเสนอต่อรัฐบาล ในการปรับเพิ่มค่าจ้างแรงงานขั้นต่ำ 233 บาท/วัน โดยให้ยึดถือเป็นอัตราเดียวกันทั่วประเทศ พร้อมปรับโครงสร้างการบริหารงานประกันสังคม และไม่สนับสนุนให้แก้ไขรัฐธรรมนูญ
แถลงการณ์ ยังระบุว่า รัฐบาลจะต้องให้สัตยาบัน รับรองอนุสัญญาองค์การแรงงานระหว่างประเทศ หรือ ไอแอลโอ ฉบับที่ 87 และ 98 และมีนโยบายด้านแรงงานในการปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด รวมถึง ต้องมีมาตรฐานในการควบคุมดูแลและเพื่อคุ้มครองสิทธิแรงงานที่มีมาตรฐานในการตรวจสอบและเอาผิดต่อผู้กระทำผิด
โดยกลุ่มผู้ใช้แรงงานจำนวนหลายพันคน ได้รวมตัวกันเต็มถนนราชดำเนิน และทำพิธีตอกหมุดสามัคคีกรรมกร ต้านทุนนิยมครอบโลกสร้างสังคมใหม่ประชาธิปไตยประชาชน ที่หน้าอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย พร้อมกับตั้งขบวนเดินไปแสดงพลังที่หน้าทำเนียบรัฐบาล
นายสมศักดิ์ โกศัยสุข กรรมกรอาวุโส กล่าวปราศรัยว่า การขึ้นค่าแรงอีก 9 บาท ไม่สามารถบรรเทาความเดือดร้อนให้กับผู้ใช้แรงงานได้ รัฐบาลแก้ปัญหาแบบขายผ้าเอาหน้ารอด ไม่จริงใจในการแก้ปัญหา เพราะมุ่งแต่การแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 237 เพื่อฟอกตัวเองและพวกพ้อง โดยไม่คำนึงถึงความยุ่งยากของผู้ใช้แรงงานและระบบทุนนิยมสามัญกำลังกดขี่ผู้ใช้แรงงานอย่างมาก
อย่างไรก็ตาม แกนนำผู้ชุมนุม ประกาศจะเจรจากับนายกรัฐมนตรี หรือรองนายกฯ เท่านั้น โดยประกาศว่า กลุ่มผู้ใช้แรงงานจะไม่ยอมสลายการชุมนุมโดยเด็ดขาด
ด้านนายเพียร ยงหนู ประธานสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการไฟฟ้านครหลวง ก็ได้ร่วมยื่นหนังสือต่อรัฐบาล ให้มีการควบคุมราคาข้าวสาร น้ำมันและน้ำตาล เพื่อเป็นการบรรเทาทุกข์เพื่อช่วยเหลือแรงงาน พร้อมกำหนดเส้นตายให้ดำเนินการภายใน 15 วัน ไม่เช่นนั้นตนจะทำการเคลื่อนไหวต่อไป
