ทุนโรงแรมจากสวิตเซอร์แลนด์ บุกเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มั่นใจศักยภาพไทยเจ๋งสุด ยึดเป็นฐานทัพ สยายปีกเชนโรงแรม “โกลเด้น ทิวลิป” คลุม 40 แห่งทั่วภูมิภาคภายใน 4 ปี ด้วยเม็ดเงินลงทุนกว่า 2.4 หมื่นล้านบาท เผยเจรจากับกลุ่มทุนคนไทย ตั้งพร็อพเพอร์ตี้ฟันด์ ลุยเทคโอเวอร์กิจการไม่เกินสิ้นปีรู้ผล
นายมาร์ค แวน ออคทรอพ กรรมการบริหารและเจ้าหน้าที่บริหารอาวุโส บริษัท โกลเด้น ทิวลิป ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ผู้บริหารเชนโรงแรมของ โกลเด้น ทิวลิป ฮอสพิตัลลิตี้ กรุ๊ป จากประเทศ สวิตเซอร์แลนด์ เปิดเผยว่า ได้ขยายธุรกิจเข้ากลุ่มตลาดประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ครอบคลุม 10 ประเทศ ได้แก่ ไทย มาเลเซีย สิงคโปร์ อินโดนีเซีย บรูไน เวียดนาม ฟิลิปปินส์ กัมพูชา ลาว และพม่า โดยประเดิมเปิดให้บริการที่ประเทศไทยเป็นแห่งแรกในเดือนกรกฎาคมปีนี้ ที่ “โกลเด้น ทิวลิป รีสอร์ท เกาะสมุย” และ จะเปิดอีก 4 แห่งภายในปี 2552 แบ่งเป็นที่ประเทศไทย ที่กรุงเทพ 2 แห่ง ภูเก็ต 1 แห่ง และ กัมพูชาอีก 1 แห่ง ซึ่ง ใน 5 แห่งดังกล่าว จะแบ่งเป็น รับบริหาร 2 แห่ง เช่ากิจการ 2 แห่ง และซื้อกิจการอีก 1 แห่ง
ทั้งนี้แผนงาน 4 ปีจากนี้วจะขยายสาขาโรงแรมภายใต้ชื่อแบรนด์ ทิวลิป ในประเทศกลุ่มเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ไม่น้อยกว่า 40 แห่ง รวมวงเงินลงทุนประมาณ 600-800 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 24,800 ล้านบาท โดย 50% เป็นการซื้อกิจการมาบริหาร และอีก 50% เป็นการรับจ้างบริหารและเช่าบริหาร โดยใช้ประเทศไทยเป็นฮับในการดำเนินงาน
สำหรับประเทศไทยมีแผนที่จะเปิดเพิ่มอีกอย่างน้อย 12 แห่ง ตามหัวเมืองต่างๆ ในเวียดนาม 8-10 แห่ง มาเลเซีย 8 แห่ง และอินโดนีเซียอีก 8-10 แห่ง สำหรับในประเทศไทย ขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจากับกลุ่มทุนของคนไทย เพื่อร่วมลงทุนเข้าซื้อกิจการและภายในปีนี้จะเปิดตัวกองทุน พร็อพเพอร์ตี้ฟันด์ เพื่อระดมเงินเข้าไปช่วยเหลือกิจการโรงแรมในประเทศไทยที่ขาดสภาพคล่อง
“เรามั่นใจศักยภาพการเติบโตของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวในกลุ่มประเทศแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่มีอย่างต่อเนื่อง เพราะเทรนด์นักท่องเที่ยวจากทั่วโลก ต่างต้องการเดินทางเข้ามาในภูมิภาคนี้ ขณะเดียวกันผู้คนในภูมิภาคเอเชีย ก็ยังนิยมเดินทางท่องเที่ยวอยู่ในภูมิภาคเดียวกัน ส่วนที่เลือกประเทศไทยเป็นแห่งแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพราะภูมิประเทศ เศรษฐกิจ แหล่งท่องเที่ยว และการสนับสนุนจากภาครัฐ มีความพร้อมที่สุด”
นายมาร์ค กล่าวอีกว่า กลุ่มเป้าหมายของเชน “โกลเด้น ทิวลิป” จะเป็นตลาดระดับกลาง และนักธุรกิจ โดยบริษัท มี 3 แบรนด์ ไว้รองรับ ได้แก่ ทิวลิป อินน์ เป็นโรงแรมระดับ 3 ดาว,โกลเด้น ทิวลิป เป็นโรงแรม ระดับ 4 ดาว และ รอยัล ทิวลิป เป็นโรงแรมระดับ 5 ดาว แต่ละแบรนด์ จะอยู่ย่านธุรกิจและแหล่งท่องเที่ยว ซึ่งคู่แข่งในระดับเดียวกันคือกลุ่มโรงแรม แอคคอร์ จากประเทศ ฝรั่งเศส และกลุ่มโรงแรม อินเตอร์คอนฯ และ ฮอลิเดย์อินน์
“ต้องยอมรับว่า ตลาดระดับกลาง เป็นนักท่องเที่ยวกลุ่มใหญ่ที่สุด ขณะที่โรงแรมที่เปิดให้บริการในตลาดนี้ ส่วนใหญ่ เป็นผู้ประกอบการท้องถิ่น กลุ่มอินเตอร์เชนจับตลาดนี้น้อยมาก ซึ่งบริษัทจะใช้ช่องว่างทางการตลาดนี้ แทรกแบรนด์ทิวลิปเข้ามาในตลาดของภูมิภาคนี้”
กลยุทธ์สำคัญของ โกลเด้น ทิวลิป คือ 1.ด้านการพัฒนาโครงการ มีเงื่อนไขที่ยืดหยุ่นให้แก่ผู้ประกอบการที่สนใจ ได้แก่ รับจ้างบริหารให้แก่โรงแรม , เช่ากิจการโรงแรมมาบริหารเอง และ การเข้าซื้อกิจการหรือเข้าร่วมทุนกับเจ้าของกิจการ 2.ด้านการตลาด โกลเด้น ทิวลิป มีจุดแข็งที่ระบบเครือข่ายเน็คเวิร์ค และ อีคอมเมิร์ซ ที่เชื่อมต่อกับทุกเครือข่ายทั่วโลกที่มีกว่า 900 แห่ง ในกว่า 50 ประเทศทั่วโลกและ 3.การให้บริการลูกค้าในเรื่องระบบไอที ที่เน้นความสะดวกสบายภายในห้องพัก
นายมาร์ค แวน ออคทรอพ กรรมการบริหารและเจ้าหน้าที่บริหารอาวุโส บริษัท โกลเด้น ทิวลิป ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ผู้บริหารเชนโรงแรมของ โกลเด้น ทิวลิป ฮอสพิตัลลิตี้ กรุ๊ป จากประเทศ สวิตเซอร์แลนด์ เปิดเผยว่า ได้ขยายธุรกิจเข้ากลุ่มตลาดประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ครอบคลุม 10 ประเทศ ได้แก่ ไทย มาเลเซีย สิงคโปร์ อินโดนีเซีย บรูไน เวียดนาม ฟิลิปปินส์ กัมพูชา ลาว และพม่า โดยประเดิมเปิดให้บริการที่ประเทศไทยเป็นแห่งแรกในเดือนกรกฎาคมปีนี้ ที่ “โกลเด้น ทิวลิป รีสอร์ท เกาะสมุย” และ จะเปิดอีก 4 แห่งภายในปี 2552 แบ่งเป็นที่ประเทศไทย ที่กรุงเทพ 2 แห่ง ภูเก็ต 1 แห่ง และ กัมพูชาอีก 1 แห่ง ซึ่ง ใน 5 แห่งดังกล่าว จะแบ่งเป็น รับบริหาร 2 แห่ง เช่ากิจการ 2 แห่ง และซื้อกิจการอีก 1 แห่ง
ทั้งนี้แผนงาน 4 ปีจากนี้วจะขยายสาขาโรงแรมภายใต้ชื่อแบรนด์ ทิวลิป ในประเทศกลุ่มเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ไม่น้อยกว่า 40 แห่ง รวมวงเงินลงทุนประมาณ 600-800 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 24,800 ล้านบาท โดย 50% เป็นการซื้อกิจการมาบริหาร และอีก 50% เป็นการรับจ้างบริหารและเช่าบริหาร โดยใช้ประเทศไทยเป็นฮับในการดำเนินงาน
สำหรับประเทศไทยมีแผนที่จะเปิดเพิ่มอีกอย่างน้อย 12 แห่ง ตามหัวเมืองต่างๆ ในเวียดนาม 8-10 แห่ง มาเลเซีย 8 แห่ง และอินโดนีเซียอีก 8-10 แห่ง สำหรับในประเทศไทย ขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจากับกลุ่มทุนของคนไทย เพื่อร่วมลงทุนเข้าซื้อกิจการและภายในปีนี้จะเปิดตัวกองทุน พร็อพเพอร์ตี้ฟันด์ เพื่อระดมเงินเข้าไปช่วยเหลือกิจการโรงแรมในประเทศไทยที่ขาดสภาพคล่อง
“เรามั่นใจศักยภาพการเติบโตของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวในกลุ่มประเทศแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่มีอย่างต่อเนื่อง เพราะเทรนด์นักท่องเที่ยวจากทั่วโลก ต่างต้องการเดินทางเข้ามาในภูมิภาคนี้ ขณะเดียวกันผู้คนในภูมิภาคเอเชีย ก็ยังนิยมเดินทางท่องเที่ยวอยู่ในภูมิภาคเดียวกัน ส่วนที่เลือกประเทศไทยเป็นแห่งแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพราะภูมิประเทศ เศรษฐกิจ แหล่งท่องเที่ยว และการสนับสนุนจากภาครัฐ มีความพร้อมที่สุด”
นายมาร์ค กล่าวอีกว่า กลุ่มเป้าหมายของเชน “โกลเด้น ทิวลิป” จะเป็นตลาดระดับกลาง และนักธุรกิจ โดยบริษัท มี 3 แบรนด์ ไว้รองรับ ได้แก่ ทิวลิป อินน์ เป็นโรงแรมระดับ 3 ดาว,โกลเด้น ทิวลิป เป็นโรงแรม ระดับ 4 ดาว และ รอยัล ทิวลิป เป็นโรงแรมระดับ 5 ดาว แต่ละแบรนด์ จะอยู่ย่านธุรกิจและแหล่งท่องเที่ยว ซึ่งคู่แข่งในระดับเดียวกันคือกลุ่มโรงแรม แอคคอร์ จากประเทศ ฝรั่งเศส และกลุ่มโรงแรม อินเตอร์คอนฯ และ ฮอลิเดย์อินน์
“ต้องยอมรับว่า ตลาดระดับกลาง เป็นนักท่องเที่ยวกลุ่มใหญ่ที่สุด ขณะที่โรงแรมที่เปิดให้บริการในตลาดนี้ ส่วนใหญ่ เป็นผู้ประกอบการท้องถิ่น กลุ่มอินเตอร์เชนจับตลาดนี้น้อยมาก ซึ่งบริษัทจะใช้ช่องว่างทางการตลาดนี้ แทรกแบรนด์ทิวลิปเข้ามาในตลาดของภูมิภาคนี้”
กลยุทธ์สำคัญของ โกลเด้น ทิวลิป คือ 1.ด้านการพัฒนาโครงการ มีเงื่อนไขที่ยืดหยุ่นให้แก่ผู้ประกอบการที่สนใจ ได้แก่ รับจ้างบริหารให้แก่โรงแรม , เช่ากิจการโรงแรมมาบริหารเอง และ การเข้าซื้อกิจการหรือเข้าร่วมทุนกับเจ้าของกิจการ 2.ด้านการตลาด โกลเด้น ทิวลิป มีจุดแข็งที่ระบบเครือข่ายเน็คเวิร์ค และ อีคอมเมิร์ซ ที่เชื่อมต่อกับทุกเครือข่ายทั่วโลกที่มีกว่า 900 แห่ง ในกว่า 50 ประเทศทั่วโลกและ 3.การให้บริการลูกค้าในเรื่องระบบไอที ที่เน้นความสะดวกสบายภายในห้องพัก