“คาราท” เชื่อการเมืองนิ่ง เอื้อธุรกิจโฆษณาโตแน่ ไม่ต่ำกว่า 6-7% เหตุภาคธุรกิจอั้นการใช้เงินไม่ไหวอีกต่อไป แม้ไตรมาสแรกของปีโตลดลง 3% จากปีก่อน เหตุช่องทีไอทีวีหาย เผยเคเบิ้ลทีวี ขุมทรัพย์หลายพันล้านในอนาคต หากรัฐยอมให้มีการโฆษณาได้ ลั่นปีนี้เตรียมบุกสื่อเอาท์ ออฟ โฮม เต็มที่ เหตุกระแสมาแรง พร้อมเกาะกระแสโกลบอล วอร์มมิ่ง ลดค่าใช้ลง 25% มั่นในทั้งปีรายได้พุ่ง 7,400 ล้านบาท โตอีก 14% จากปีก่อน
นายวิชัย สุภาสมบูรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท คาราท (ประเทศไทย) จำกัด ดำเนินธุรกิจด้านเอเจนซี่โฆษณา เปิดเผยว่า แนวโน้มธุรกิจโฆษณาตั้งแต่ช่วงไตรมาสสองจนถึงสิ้นปีนี้ น่าจะมีแนวโน้มที่ดีขึ้น หรือทั้งปีธุรกิจโฆษณาน่าจะมีการเติบโต 6-7% เหตุปัจจัยภายนอกหลายๆอย่างเริ่มเข้าสู่ภาวะปกติ โดยเฉพาะทางด้านการเมือง จากเดิมที่ยังไม่นิ่งนัก ตอนนี้ทำให้ภาคธุรกิจเริ่มมีความมันใจมากยิ่งขึ้น พร้อมที่จะใช้เม็ดเงินในการโฆษณามากขึ้น รวมถึงมีการดำเนินธุรกิจ เปิดตัวสินค้าและกิจกรรมใหม่ๆอย่างต่อเนื่อง
ถึงแม้ว่าปัญหาทางด้านเศรษฐกิจยังมีอยู่ก็ตาม แต่ก็ไม่สามารถอั้นการใช้เงินได้อีกต่อไป ซึ่งส่วนใหญ่กลุ่มอินเตอร์แบรนด์ จะมองเป็นโอกาสในการออกสินค้าหรือกิจกรรมใหม่ ขณะนี้แบรนด์ไทยยังไม่ค่อยกล้าทำ อีกทั้งมองว่าปีนี้ยังมีเหตุการณ์ต่างๆช่วยเอื้อให้ตลาดโฆษณาเติบโตได้อีกส่วนหนึ่งด้วย ไม่ว่าจะเป็นการแข่งขันกีฬาฟุตบอลยูโร หรือโอลิมปิคก็ตาม
ทั้งนี้ในช่วงไตรมาสแรกที่ผ่านมา ธุรกิจโฆษณาจะมีการเติบโตที่ลดลงไปบ้าง 3% เนื่องจากไม่มีช่องทีไอทีวี แต่มูลค่าเม็ดเงินโฆษณาจากช่องทีไอทีวีทั้งปีมูลค่า 8,000 ล้านบาทที่หายไปนี้ กว่า60% จะกระจายสู่ฟรีทีวีช่องอื่นๆ โดยเฉพาะช่อง 3 และ ช่อง 7 ส่วนช่อง9 ยังน้อยมาก เหตุยังมีการเปลี่ยนแปลงเกี่ยวกับรายการอยู่ และอีก 40% จะกระจายไปยังสื่ออื่นๆ เช่น เอาท์ ออฟ โฮม, หนังสือพิมพ์ และวิทยุ
โดยในส่วนของคาราทนั้น ปีนี้จะมุ่งเน้นในส่วนของแผนกทางด้านสื่อเอาท์ ออฟ โฮม ให้มีความแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น ซึ่งในครึ่งปีหลังนี้จะมีการบุกตลาดนี้อย่างจริงจัง ไม่ว่าจะเป็น บิลบอร์ด สื่อรถไฟฟ้าใต้ดิน สื่อบีทีเอส บัส หรือ สตรีท โดยจะเอาความรู้ความสามารถทางด้านสื่อเอาท์ ออฟ โฮม ในระดับโกลบอลมาช่วยอีกส่วนหนึ่ง คาดว่าน่าจะประสบความสำเร็จตามที่คาดหวังไว้ โดยเฉพาะกลุ่มเป้าหมายในกรุงเทพฯ เนื่องจาก มองว่า เป็นสื่อที่เข้าถึงไลฟ์สไตล์คนเมือง จากปกติที่ส่วนใหญ่จะใช้ชีวิตนอกบ้านมากกว่าในบ้าน
ส่วนการขยายนิวโมเดลบิซิเนสใหม่นั้น ระหว่างนี้กำลังมีแผนที่จะเข้าไปเทคโอเวอร์บริษัทฯที่ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับสปอร์ตมาร์เก็ตติ้ง เพราะพบว่ากระแสเกี่ยวกับเรื่องของการออกกำลังกายค่อนข้างมาแรง คาดว่าช่วงต้นปีหน้าจะจัดการเรียบร้อย
ล่าสุดบริษัทฯได้ดำเนินกิจกรรมในระดับโกลบอล กับกิจกรรมโกลบอลวอร์มมิ่ง ในชื่อโครงการ “กรีนบีน” เมล็ดพันธุ์สีเขียว ภายใต้นโยบายการลดโลกร้อนและก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ใน 5 แนวคิด คือ 1.วิธีการประหยัดไฟฟ้า 2.วิธีการใช้น้ำอย่างรู้คุณค่า 3.การปฏิรูปการใช้การะดาษอย่างคุ้มค่า 4.การลดมลภาวะทุกรูปแบบ 5.เน้นให้พนักงานร่วมทำกิจกรรมเพื่อสังคม ส่งผลให้บริษัทฯลดค่าใช้จ่ายภายในได้กว่า 25% ส่วนทั้งปีนี้คาดว่าจะมีรายได้เติบโตขึ้น 14% คิดเป็นมูลค่า 7,400 ล้านบาท จาก 6,500 ล้านบาทในปีก่อน
นายวิชัย สุภาสมบูรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท คาราท (ประเทศไทย) จำกัด ดำเนินธุรกิจด้านเอเจนซี่โฆษณา เปิดเผยว่า แนวโน้มธุรกิจโฆษณาตั้งแต่ช่วงไตรมาสสองจนถึงสิ้นปีนี้ น่าจะมีแนวโน้มที่ดีขึ้น หรือทั้งปีธุรกิจโฆษณาน่าจะมีการเติบโต 6-7% เหตุปัจจัยภายนอกหลายๆอย่างเริ่มเข้าสู่ภาวะปกติ โดยเฉพาะทางด้านการเมือง จากเดิมที่ยังไม่นิ่งนัก ตอนนี้ทำให้ภาคธุรกิจเริ่มมีความมันใจมากยิ่งขึ้น พร้อมที่จะใช้เม็ดเงินในการโฆษณามากขึ้น รวมถึงมีการดำเนินธุรกิจ เปิดตัวสินค้าและกิจกรรมใหม่ๆอย่างต่อเนื่อง
ถึงแม้ว่าปัญหาทางด้านเศรษฐกิจยังมีอยู่ก็ตาม แต่ก็ไม่สามารถอั้นการใช้เงินได้อีกต่อไป ซึ่งส่วนใหญ่กลุ่มอินเตอร์แบรนด์ จะมองเป็นโอกาสในการออกสินค้าหรือกิจกรรมใหม่ ขณะนี้แบรนด์ไทยยังไม่ค่อยกล้าทำ อีกทั้งมองว่าปีนี้ยังมีเหตุการณ์ต่างๆช่วยเอื้อให้ตลาดโฆษณาเติบโตได้อีกส่วนหนึ่งด้วย ไม่ว่าจะเป็นการแข่งขันกีฬาฟุตบอลยูโร หรือโอลิมปิคก็ตาม
ทั้งนี้ในช่วงไตรมาสแรกที่ผ่านมา ธุรกิจโฆษณาจะมีการเติบโตที่ลดลงไปบ้าง 3% เนื่องจากไม่มีช่องทีไอทีวี แต่มูลค่าเม็ดเงินโฆษณาจากช่องทีไอทีวีทั้งปีมูลค่า 8,000 ล้านบาทที่หายไปนี้ กว่า60% จะกระจายสู่ฟรีทีวีช่องอื่นๆ โดยเฉพาะช่อง 3 และ ช่อง 7 ส่วนช่อง9 ยังน้อยมาก เหตุยังมีการเปลี่ยนแปลงเกี่ยวกับรายการอยู่ และอีก 40% จะกระจายไปยังสื่ออื่นๆ เช่น เอาท์ ออฟ โฮม, หนังสือพิมพ์ และวิทยุ
โดยในส่วนของคาราทนั้น ปีนี้จะมุ่งเน้นในส่วนของแผนกทางด้านสื่อเอาท์ ออฟ โฮม ให้มีความแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น ซึ่งในครึ่งปีหลังนี้จะมีการบุกตลาดนี้อย่างจริงจัง ไม่ว่าจะเป็น บิลบอร์ด สื่อรถไฟฟ้าใต้ดิน สื่อบีทีเอส บัส หรือ สตรีท โดยจะเอาความรู้ความสามารถทางด้านสื่อเอาท์ ออฟ โฮม ในระดับโกลบอลมาช่วยอีกส่วนหนึ่ง คาดว่าน่าจะประสบความสำเร็จตามที่คาดหวังไว้ โดยเฉพาะกลุ่มเป้าหมายในกรุงเทพฯ เนื่องจาก มองว่า เป็นสื่อที่เข้าถึงไลฟ์สไตล์คนเมือง จากปกติที่ส่วนใหญ่จะใช้ชีวิตนอกบ้านมากกว่าในบ้าน
ส่วนการขยายนิวโมเดลบิซิเนสใหม่นั้น ระหว่างนี้กำลังมีแผนที่จะเข้าไปเทคโอเวอร์บริษัทฯที่ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับสปอร์ตมาร์เก็ตติ้ง เพราะพบว่ากระแสเกี่ยวกับเรื่องของการออกกำลังกายค่อนข้างมาแรง คาดว่าช่วงต้นปีหน้าจะจัดการเรียบร้อย
ล่าสุดบริษัทฯได้ดำเนินกิจกรรมในระดับโกลบอล กับกิจกรรมโกลบอลวอร์มมิ่ง ในชื่อโครงการ “กรีนบีน” เมล็ดพันธุ์สีเขียว ภายใต้นโยบายการลดโลกร้อนและก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ใน 5 แนวคิด คือ 1.วิธีการประหยัดไฟฟ้า 2.วิธีการใช้น้ำอย่างรู้คุณค่า 3.การปฏิรูปการใช้การะดาษอย่างคุ้มค่า 4.การลดมลภาวะทุกรูปแบบ 5.เน้นให้พนักงานร่วมทำกิจกรรมเพื่อสังคม ส่งผลให้บริษัทฯลดค่าใช้จ่ายภายในได้กว่า 25% ส่วนทั้งปีนี้คาดว่าจะมีรายได้เติบโตขึ้น 14% คิดเป็นมูลค่า 7,400 ล้านบาท จาก 6,500 ล้านบาทในปีก่อน