นายกฯ ลั่น 24 เม.ย.นี้ งบเอสเอ็มแอลถึงมือประชาชน 1 หมื่นลบ. ไม่กังวลคนวิจารณ์ อ้างเป็นโครงการที่มีประโยชน์ คงไม่ใช้จ่านสุรุ่ยสุร่ายเหมือนที่ผ่านมา "เลี้ยบ" มั่นใจรอบแรกอิ่มหมีพีมันทั่วหน้า หว่านตอบแทนรากหญ้าได้ครบ 5 พันหมู่บ้าน
วันนี้(9 เม.ย.) นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เปิดเผยในการเป็นประธานในพิธีลงนามบันทึกความเข้าใจเดินหน้าโครงการเอสเอ็มแอล ผลักดันฐานรากเศรษฐกิจไทยของ 6 ภาคี อันประกอบด้วย นายแพทย์สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ในฐานะประธานโครงการ นายธีรพล นพรัมภา เลขาธิการนายกรัฐมนตรี , นายวิชัย ศรีขวัญ อธิบดีกรมการปกครอง , นายปรีชา บุตรศรี อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน , นายสุเมธ แย้มนุ่น เลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา นายวิศิษฐ์ วงศ์รวมลาภ รักษาการผู้อำนวยการธนาคารออมสิน และธีรพงษ์ ตั้งธีระสุนันท์ ผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร โดยระบุว่า รัฐบาลพร้อมที่จะเดินหน้าโครงการเอสเอ็มแอล เพื่อผลักดันรากฐานทางเศรษฐกิจของประชาชนระดับรากหญ้าให้เดินหน้าไปได้ โดยการนำเม็ดเงินที่รัฐบาลได้จัดสรรให้ประชาชนไปใช้ให้เกิดประโยชน์
"ผมมั่นใจว่าโครงการที่รัฐบาลริเริ่มขึ้นต่อเนื่องจากอดีตรัฐบาลที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าเป็นประชานิยมนั้นเป็นโครงการที่มีประโยชน์ต่อประชาชนส่วนใหญ่ ดังนั้นรัฐบาลจึงไม่กังวลและไม่สนใจคนที่วิพากษ์วิจารณ์ โดยคาดว่าเม็ดเงินระยะแรกจำนวน 1 หมื่นล้านบาท จะสามารถถึงมือประชาชนได้ตั้งแต่วันที่ 24 เม.ย.51 เป็นต้นไป"
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี ยังแสดงความมั่นอกมั่นใจว่าเม็ดเงินที่จัดสรรลงไปให้ประชาชนผ่านโครงการเอสเอ็มแอลจะเป็นการสร้างชุมชนให้ประชาชนรากหญ้าได้อย่างมีประโยชน์ โดยไม่นำเงินทุนไปใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่าย และพร้อมที่จะเดินหน้าให้ประชาชนเข้าถึงแหล่งทุนให้มากที่สุด
นายแพทย์สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถึงโครงการเอสเอ็มแอล โดยเสริมว่า ในวันที่ 24 เม.ย.นี้ มั่นใจว่ารัฐบาลจะสามารถจัดสรรเงินงบประมาณเอสเอ็มแอล รอบแรกได้ เพื่อมอบให้ประชาชนจำนวนกว่า 5,000 หมู่บ้าน หลังจากนั้นจะทยอยนำเม็ดเงินลงสู่หมู่บ้าน และคาดว่าจะครบทั้งหมด 7.7 หมื่นหมู่บ้านทั่วประเทศได้ในเดือน พ.ค.นี้ และยังคงตัวเลขวงเงินงบประมาณรวมที่ 1.8 หมื่นล้านบาท จากงบโครงการอยู่ดีมีสุข ปี 2551 ที่ได้มีการจัดสรรไปแล้วและยังไม่ได้มีการเบิกจ่าย
ทั้งนี้ มั่นใจว่าประชาชนจะสามารถนำเงินที่ได้รับจากการจัดสรรในโครงการเอสเอ็มแอล ไปสร้างความยั่งยืนให้ชุมชน สร้างรายได้ อาชีพ ที่มั่นคงให้ชุมชนได้ เพื่อเป็นภูมิคุ้มกันทางเศรษฐกิจและพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากให้สามารถรองรับค่าครองชีพที่สูงขึ้นได้