เชสเตอร์กริลล์เตรียมปรับเงื่อนไขแฟรนไชส์ใหม่ อั้นต้นทุนได้ไม่เกิน 15% เกินกว่านี้เลิกแบก เล็งขยายต่างประเทศเห็นชัดปีหน้า โหมขายแฟรนไชส์ ปีนี้อัดงบตลาดเพิ่ม รับการปรับภาพลักษณ์แบรนด์ใหม่
นายสุวัฒน์ ทรงพัฒนะโยธิน รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เชสเตอร์ ฟู้ด จำกัด ผู้บริหารร้านเชสเตอร์กริลล์ ในเครือซีพี กล่าวว่า ในช่วงกลางปีนี้บริษัทฯมีแผนที่จะรีวิวเงื่อนไขการขายแฟรนไชส์ร้านเชสเตอร์กริลล์ใหม่ เนื่องจากว่าขณะนี้ต้นทุนการดำเนินงานได้เพิ่มขึ้นและสถานการณ์การตลาดเปลี่ยนไป แต่ยังคงเน้นในเรื่องการจูงใจผู้ซื้อแฟรนไชส์ อีกทั้งในส่วนของวัตถุดิบนั้นก็มีราคาที่สูงขึ้นเช่นกัน อย่างต่ำ 5% แล้วในเวลานี้
อย่างไรก็ตามแม้ว่าจะอยู่ในเครือของซีพี ซึ่งเชสเตอร์กริลล์ใช้วัตถุดิบในเครือมากกว่า 60% แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะได้ราคาพิเศษเพราะต้องต่อรองราคาเหมือนกับบริษัทอื่นเช่นเดียวกัน เพราะเราบริหารงานแบบบิสซิเนสเซ็นเตอร์ทุกบริษัทต้องมีต้นทุน อีกทั้งราคาซื้อขายตอนนี้ระยะสั้นมากแค่ 3 เดือนเท่านั้น จากเดิมที่สัญญาปีต่อปี ซึ่งตอนนี้เรายังไม่ปรับราคาอาหารในร้าน แต่ถ้าต้นทุนพุ่งขึ้นสูงถึง 10-15% แล้วคงต้องมาพิจารณากันใหม่อีกครั้งว่าจะทำอย่างไร
ปัจจุบันเชสเตอร์กริลล์เปิดบริการ 150 สาขา ตั้งเป้าหมายครบ 200 สาขาในอีก 2 ปี คงสัดส่วนของบริษัทฯ 30% ของแฟรนไชส์ 70% มี 2 รูปแบบคือ 1.ขนาดใหญ่ พื้นที่ 120 ตารางเมตร อยู่ตามศูนย์การค้า 2.พื้นที่เล็กเป็นคีออสอยู่ตามชุมชน โดยมีหลายช่องทางทั้งในศูนย์การค้า ปั๊มน้ำมันปตท. เจ๊ท เป็นต้น โดยแฟรนไชส์ลงทุนประมาณ 3-6 ล้านบาทแล้วแต่กรณี โดยปีที่แล้วเปิดสาขาใหม่รวม 30 สาขา แบ่งเป็นแฟรนไชส์มากที่สุดในรอบ 20 ปีคือ 27 สาขา และบริษัทฯ 3 สาขา
สำหรับแผนธุรกิจปีนี้ ตั้งเป้าหมายเปิดอีก 25 สาขา เป็นแฟรนไชส์ 95% หรือ 23 สาขา ของบริษัทฯ 5% หรือ 2 สาขา งบลงทุนรวมเกือบ 10 ล้านบาท และงบ 30 ล้านบาท เพื่อรีโนเวตอีก 6 สาขา เช่น ซีคอนสแควร์ สยามสแควร์ เพื่อให้เป็นรูปแบบใหม่ที่เทรนดี้และทันสมัยมากขึ้น เพื่อขยายกลุ่มเป้าหมายไปยังวัยรุ่นและคนรุ่นใหม่มากขึ้นจากเดิมที่ภาพลักษณ์จะเน้นไปที่กลุ่มผู้ใหญ่ รวมทั้งปรับภาพลักษณ์ร้าน ยูนิฟอร์ม ให้สดใสมากขึ้น
รวมทั้งเพิ่มงบตลาดเป็น 70 ล้านบาท จากปีที่แล้วที่ใช้ 50 ล้านบาท เพื่อเน้นหนักการทำโฆษณา ประชาสัมพันธ์ การตลาดหนักขึ้น ล่าสุดเปิดตัวหนังโฆษณาชุดใหม่ “ เคล็ดลับ” โดยตั้งเป้าหมายผลประกอบการปีนี้ไว้ที่ 1,200 ล้านบาท เติบโต 20% จากปีที่แล้วที่ทำได้ 1,000 ล้านบาท ซึ่งไตรมาสแรกปีนี้ยอดขายเติบโตถึง 7%
สำหรับแผนการขยายตลาดต่างประเทศนั้น คาดว่าในปีหน้าจะเริ่มเห็นเป็นรูปร่างชัดเจนซึ่งที่ผ่านมามีผู้สนใจติดต่อเข้ามาจำนวนมาก โดยบริษัทฯอยู่ระหว่างการเตรียมพร้อมด้านระบบ บุคลากร และเงื่อนไข คาดว่าจะเริ่มขายแฟรนไชส์ก่อนในเอเซียเช่น ที่มาเลเซีย เวียดนาม เป็นต้น
นายสุวัฒน์กล่าวด้วยว่า ตลาดฟาสต์ฟู้ดในปีนี้โดยรวมน่าจะดีขึ้น หรือโต 15% จากตลาดรวม 12,000 ล้านบาท เนื่องจากภาวะการเมืองเริ่มชัดเจนขึ้นแล้ว เศรษฐกิจก็มีแนวโน้มที่น่าจะดีขึ้น
นายสุวัฒน์ ทรงพัฒนะโยธิน รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เชสเตอร์ ฟู้ด จำกัด ผู้บริหารร้านเชสเตอร์กริลล์ ในเครือซีพี กล่าวว่า ในช่วงกลางปีนี้บริษัทฯมีแผนที่จะรีวิวเงื่อนไขการขายแฟรนไชส์ร้านเชสเตอร์กริลล์ใหม่ เนื่องจากว่าขณะนี้ต้นทุนการดำเนินงานได้เพิ่มขึ้นและสถานการณ์การตลาดเปลี่ยนไป แต่ยังคงเน้นในเรื่องการจูงใจผู้ซื้อแฟรนไชส์ อีกทั้งในส่วนของวัตถุดิบนั้นก็มีราคาที่สูงขึ้นเช่นกัน อย่างต่ำ 5% แล้วในเวลานี้
อย่างไรก็ตามแม้ว่าจะอยู่ในเครือของซีพี ซึ่งเชสเตอร์กริลล์ใช้วัตถุดิบในเครือมากกว่า 60% แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะได้ราคาพิเศษเพราะต้องต่อรองราคาเหมือนกับบริษัทอื่นเช่นเดียวกัน เพราะเราบริหารงานแบบบิสซิเนสเซ็นเตอร์ทุกบริษัทต้องมีต้นทุน อีกทั้งราคาซื้อขายตอนนี้ระยะสั้นมากแค่ 3 เดือนเท่านั้น จากเดิมที่สัญญาปีต่อปี ซึ่งตอนนี้เรายังไม่ปรับราคาอาหารในร้าน แต่ถ้าต้นทุนพุ่งขึ้นสูงถึง 10-15% แล้วคงต้องมาพิจารณากันใหม่อีกครั้งว่าจะทำอย่างไร
ปัจจุบันเชสเตอร์กริลล์เปิดบริการ 150 สาขา ตั้งเป้าหมายครบ 200 สาขาในอีก 2 ปี คงสัดส่วนของบริษัทฯ 30% ของแฟรนไชส์ 70% มี 2 รูปแบบคือ 1.ขนาดใหญ่ พื้นที่ 120 ตารางเมตร อยู่ตามศูนย์การค้า 2.พื้นที่เล็กเป็นคีออสอยู่ตามชุมชน โดยมีหลายช่องทางทั้งในศูนย์การค้า ปั๊มน้ำมันปตท. เจ๊ท เป็นต้น โดยแฟรนไชส์ลงทุนประมาณ 3-6 ล้านบาทแล้วแต่กรณี โดยปีที่แล้วเปิดสาขาใหม่รวม 30 สาขา แบ่งเป็นแฟรนไชส์มากที่สุดในรอบ 20 ปีคือ 27 สาขา และบริษัทฯ 3 สาขา
สำหรับแผนธุรกิจปีนี้ ตั้งเป้าหมายเปิดอีก 25 สาขา เป็นแฟรนไชส์ 95% หรือ 23 สาขา ของบริษัทฯ 5% หรือ 2 สาขา งบลงทุนรวมเกือบ 10 ล้านบาท และงบ 30 ล้านบาท เพื่อรีโนเวตอีก 6 สาขา เช่น ซีคอนสแควร์ สยามสแควร์ เพื่อให้เป็นรูปแบบใหม่ที่เทรนดี้และทันสมัยมากขึ้น เพื่อขยายกลุ่มเป้าหมายไปยังวัยรุ่นและคนรุ่นใหม่มากขึ้นจากเดิมที่ภาพลักษณ์จะเน้นไปที่กลุ่มผู้ใหญ่ รวมทั้งปรับภาพลักษณ์ร้าน ยูนิฟอร์ม ให้สดใสมากขึ้น
รวมทั้งเพิ่มงบตลาดเป็น 70 ล้านบาท จากปีที่แล้วที่ใช้ 50 ล้านบาท เพื่อเน้นหนักการทำโฆษณา ประชาสัมพันธ์ การตลาดหนักขึ้น ล่าสุดเปิดตัวหนังโฆษณาชุดใหม่ “ เคล็ดลับ” โดยตั้งเป้าหมายผลประกอบการปีนี้ไว้ที่ 1,200 ล้านบาท เติบโต 20% จากปีที่แล้วที่ทำได้ 1,000 ล้านบาท ซึ่งไตรมาสแรกปีนี้ยอดขายเติบโตถึง 7%
สำหรับแผนการขยายตลาดต่างประเทศนั้น คาดว่าในปีหน้าจะเริ่มเห็นเป็นรูปร่างชัดเจนซึ่งที่ผ่านมามีผู้สนใจติดต่อเข้ามาจำนวนมาก โดยบริษัทฯอยู่ระหว่างการเตรียมพร้อมด้านระบบ บุคลากร และเงื่อนไข คาดว่าจะเริ่มขายแฟรนไชส์ก่อนในเอเซียเช่น ที่มาเลเซีย เวียดนาม เป็นต้น
นายสุวัฒน์กล่าวด้วยว่า ตลาดฟาสต์ฟู้ดในปีนี้โดยรวมน่าจะดีขึ้น หรือโต 15% จากตลาดรวม 12,000 ล้านบาท เนื่องจากภาวะการเมืองเริ่มชัดเจนขึ้นแล้ว เศรษฐกิจก็มีแนวโน้มที่น่าจะดีขึ้น
