xs
xsm
sm
md
lg

วุ้นเส้นต้นสนหน้ามืดต้นทุนพุ่ง ชาวไร่ปันใจปลูกพืชแทนพลังงาน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ตลาดวุ้นเส้นส่อเค้าวิกฤติ เกษตรกรหันหน้าปลูกพืชพลังงานทดแทนเพิ่มขึ้น แทนปลูกถั่วเขียว หลังพบปลูกง่ายรายได้ดีกว่า ส่งผลราคาถั่วเขียวเพิ่มสูงขึ้น “สิทธินันท์” นั่งไม่ติดเก้าอี้ งัดหลากวิธีพยุงธุรกิจ ล่าสุดทุ่มเม็ดเงิน 20 ล้านบาท สูงเป็นเท่าตัวจากปีก่อน กระตุ้นการทำตลาดสินค้า เน้นการสื่อสารแบบ อีโมชันนอล หวังระตุ้นตลาดโตขึ้น 5% และดันรายได้สู่ 800 ล้าน เพิ่มขึ้นอีก 10%จากปีก่อน

นายเตียบ ศรีวราเกียรติ กรรมการผู้จัดการ บริษัท สิทธินันท์ จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายวุ้นเส้น ตรา ต้นสน เปิดเผยว่า ในช่วง4-5 ปีที่ผ่านมา ผลผลิตถั่วเขียวของประเทศลดลงอย่างมาก จาก 75,000 ตันในปี 2545 ปีนี้คาดว่าจะมีไม่ถึง 54,000 ตัน ทั้งนี้เนื่องจาก เกษตรกรเริ่มหันไปปลูกพืชที่สามารถนำมาเป็นพลังงานทดแทนได้ ทั้งข้าวโพด หรือถั่วเหลือง ที่ปลูกง่าย และรายได้ดีกว่าการปลูกถั่วเขียว หลังจากที่ไทยเริ่มมีการรณรงค์ให้มีการใช้พลังงานทดแทนเรื่อยมา

ส่งผลให้ตลาดวุ้นเส้น มีแนวโน้มที่อาจจะถึงขั้นวิกฤติ ในการที่มีวัตถุดิบหลักอย่างถั่วเขียวมีราคาที่สูงขึ้น โดยปีนี้อยู่ที่ 22 บาท/ก.ก. จากในช่วง 3 ปีที่ผ่านมาอยู่ที่ประมาณ 14-15 บาท/ก.ก. รวมถึงปัจจัยทางด้านน้ำมัน ส่งผลให้ต้นทุนรวมเฉลี่ยเพิ่มสูงขึ้น 10-15% ทำให้ผู้จำหน่ายวุ้นเส้นได้มีการปรับราคาสินค้า ทั้งนี้ทางบริษัทฯได้มีการปรับขึ้นมา 5% เช่นกันในไตรมาส4ของปีก่อน ส่วนปีนี้ยังไม่มีแผนปรับราคา แต่หากราคาถั่วเขียวขยับเพิ่มเป็น 30 บาท/ก.ก. ก็คงต้องการปรับราคาสินค้าขึ้นอีก

นายนิทัศน์ ตั้งแสงประทีป ผู้จัดการฝ่ายการตลาดและวางแผน บริษัท สิทธินันท์ จำกัด กล่าวว่า ล่าสุดบริษัทฯได้วางงบประมาณทางการตลาดถึง 20 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนเท่าตัว เพื่อที่จะต้องการกระตุ้นตลาดวุ้นเส้นมูลค่า 1,600 ล้านบาท ให้มีการเติบโตขึ้น อย่างน้อย 5% หลังจากทรงตัวมานาน

ขณะเดียวกันเพื่อเป็นการตอกย้ำความเป็นผู้นำของแบรนด์ ต้นสน จากการนำเอากลยุทธ์พรีเซนเตอร์ มาร์เก็ตติ้ง เข้ามาใช้ โดยการดึง วีเจ วุ้นเส้น ร่วมเป็นพรีเซนเตอร์ เพื่อทำให้ภาพการทำตลาดวุ้นต่างออกไปจากเดิม ที่เน้นสินค้าเพื่ใช้ประกอบอาหาร มาเป็นด้าน อีโมชั่นนัล ที่เน้นให้เกิดความต้องการที่จะบริโภคสินค้าแทน มั่นใจว่าจะทำให้บริษัทฯมียอดขายเติบโตขึ้น 10% หรือประมาณ 640 ล้านบาท พร้อมทั้งขยับแชร์ในตลาดจากเดิม 37% เป็น 40% อีกด้วย

สำหรับภาพรวมรายได้ของบริษัทฯ ปีนี้คาดว่าจะโตขึ้นอีก 10% หรือกว่า 800 ล้านบาท มาจาก วุ้นเส้น มากว่า75% ที่เหลืออีก 25% มาจาก สินค้าประเภท แป้งถั่วเขียว และโปรตีนสำหรับสัตว์
กำลังโหลดความคิดเห็น