รมว.พาณิชย์ เปิดแถลงข่าวการลดราคาสินค้า 60 รายการ ปรับลงทันที 3-10 บาท โดยให้มีผลทันที วันนี้ โดยสินค้าที่ลดราคาทั้งหมด เป็นการปรับลดราคา 5-10% ซึ่งจะเป็นราคาเดียวกันทั่วประเทศ ทั้งร้านค้าโชห่วย และห้างปลีกขนาดใหญ่ ส่วนปัญหาราคาหมูแพง เจอทางตัน เตรียมเปิดทางให้นำเข้าแบบเสรี ยันตั้งราคาหมู กก.ละ 98 บาท ไม่ได้บิดเบือนตลาด พร้อมจวกกลับเกษตรกรบิดเบือนต้นทุนจริง
วันนี้(10 มี.ค.) นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดแถลงข่าวการประกาศลดราคาสินค้าอุปโภคบริโภคจำนวน 60 รายการ โดยระบุว่า สินค้าทั้งหมดจะมีราคาเฉลี่ยลดลงจากปกติ 3-10 บาท ทั้งนี้ รายการสินค้าที่จะลดราคาลงครั้งนี้เป็นนมผง 15 รายการ และสินค้าที่ใช้ในชีวิตประจำวันอีก 45 รายการ
รมว.พาณิชย์ กล่าวว่า สินค้าที่ลดราคาทั้งหมด เป็นการปรับลดราคา 5-10% โดยมีผลตั้งแต่วันนี้ และจะมีผลในช่วง 2-6 เดือน ซึ่งราคาใหม่จะเป็นราคาเดียวกันทั่วประเทศ ไม่ว่าจะเป็นร้านโชห่วย หรือร้านค้าปลีกขนาดใหญ่
ทั้งนี้ รายการสินค้าที่ปรับลดราคาลง ได้แก่ นมผงสำหรับเด็ก 15 รายการ ลดราคาลง 10-56 บาท ผงซักฟอก 14 รายการ ลดราคาลง 2-16 บาท สบู่ 6 รายการ ลดราคาลง 2-20 บาท รวมทั้งผลิตภัณฑ์แชมพูอีก 5 รายการ ครีมนวดผม 1 รายการ ยาสีฟัน 7 รายการ แปรงสีฟัน แป้งโรยตัว 4 รายการ ผลิตภัณฑ์ล้างจาน รวมทั้งสินค้าอื่นอีก 5 รายการ โดยสินค้าทั้งหมดจะปรับลดราคาลงตั้งแต่ 5-30 เปอร์เซ็นต์ ระยะเวลา 2-6 เดือน เริ่มตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป
นอกจากนี้ กระทรวงพาณิชย์ได้ขอความร่วมมือตลาดสด 8 แห่ง และศูนย์อาหารในห้างสรรพสินค้า ให้ปรับลดราคาอาหารปรุงสำเร็จลงด้วย โดยจะส่งเจ้าหน้าที่ไปดูแลอย่างใกล้ชิดไม่ให้ผู้ค้าฉวยโอกาสปรับขึ้นราคาสินค้าหรือผูกตลาด หากพบจะเปิดเผยข้อมูลให้ประชาชนทราบทันที
นายประพจน์ นันทวัฒน์ศิริ นายกสมาคมสบู่ ผงซักฟอก และผลิตภัณฑ์ชำระล้างไทย ยืนยันว่า การปรับลดราคาสินค้าจำเป็นในครั้งนี้ เพื่อให้ความร่วมมือกับรัฐบาล ผู้ผลิตสินค้าไม่ได้ถูกบีบบังคับ ในส่วนของสมาคมได้ปรับลดราคาสินค้าจำเป็นลง 5-15% ในสินค้า 40 รายการ เพื่อช่วยภาระค่าครองชีพให้ประชาชน แต่อยากให้รัฐบาลพิจารณาแนวทางลดต้นทุนวัตถุดิบนำเข้าให้ผู้ผลิตด้วย
** "เจ๊มิ่ง" แก้ปัญหาหมูแพงไม่ตก เตรียมนำเข้าเสรี
สำหรับปัญหาราคาหมูแพงต่อเนื่องนั้น นายมิ่งขวัญ กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า หากราคาหมูหรือสินค้าตัวอื่นภายในประเทศ ยังคงแพงอย่างต่อเนื่องในขณะที่ราคาขายสินค้าดังกล่าวในต่างประเทศ มีราคาถูกกว่า ทางกระทรวงฯ อาจจะเปิดให้มีการนำเข้าจากต่างประเทศอย่างเสรี เพื่อเป็นการช่วยลดภาระค่าครองชีพที่ปรับสูงขึ้น
โดยก่อนหน้านี้ กระทรวงพาณิชย์ได้ขอความร่วมมือจากผู้ประกอบการให้ตรึงราคาเนื้อหมูไว้ที่กิโลกรัมละ 98 บาท เป็นเวลาอย่างน้อย 2 เดือน แต่ไม่ค่อยประสบความสำเร็จเท่าที่ควร เพราะราคาขายทั่วไปยังอยู่ที่กิโลกรัมละ 120 บาท โดยผู้ขายอ้างว่า ราคาที่รับซื้อมาก็เกิน 98 บาทแล้ว จึงไม่สามารถขายในราคานี้ได้ ขณะที่กลุ่มผู้เลี้ยงสุกร ระบุว่า ต้นทุนการเลี้ยงสูงมาก เนื่องจากราคาอาหารสัตว์ที่แพงขึ้น
กรณีดังกล่าว นายมิ่งขวัญ ได้ออกมาตอบโต้ว่า การปรับลดราคาขายหมูหน้าเขียงลงมาอยู่ที่ 98 บาทต่อกิโลกรัมนั้น ไม่ได้เป็นการบิดเบือนตลาด เพราะต้นทุนราคาหมูเป็นของผู้เลี้ยงยังอยู่ที่ 58 บาทต่อกิโลกรัม แต่จากการสำรวจของกระทรวงพาณิชย์ ณ วันที่ 7 มี.ค. 51 พบว่าต้นทุนอยู่ที่ 51.37 บาทต่อกิโลกรัม และต้นทุนของกระทรวงเกษตรในเดือน ก.พ.อยู่ที่ 48.9 บาทต่อกิโลกรัม
นายมิ่งขวัญ ระบุอีกว่า ราคาจำหน่ายที่ 98 บาทต่อกิโลกรัมนั้น เป็นราคาจำหน่ายเฉพาะหมูเนื้อแดง ซึ่งคุณภาพดีและจะมีวางจำหน่ายเฉพาะ 5 ตลาดสด ได้แก่ 1.ตลาดใหม่เจริญกรุง 2.ตลาดเก่าเยาวราช 3.ตลาดศาลาน้ำเย็น 4.ตลาดพรานนก 5. ตลาดอินเตอร์มาร์ทปทุมธานี และห้างโมเดิร์นเทรด 4 ห้างใหญ่ ได้แก่ บิ๊กซี โลตัส คาร์ฟูร์ และแม็คโคร จำนวน 233 สาขา และมีจำหน่ายที่สำนักงานพาณิชย์จำกัด การค้าภายในจังหวัดทุกจังหวัด โดยราคาขายดังกล่าวจะมีระยะเวลาในการขายเป็นเวลา 2 เดือน ซึ่งทางท็อปส์ ซูเปอร์มาร์เก็ตได้แสดงความจำนงที่จะเข้าร่วมจำหน่วยหมูเนื้อแดงในราคา 98 บาทต่อกิโลกรัมด้วย
นอกจากนี้ นายมิ่งขวัญ ยังยืนยันว่าในช่วงระยะเวลา 2 เดือนจะมีปริมาณหมูสำหรับจำหน่ายในราคาดังกล่าวอย่างเพียงพอ