ธปท.ร่อนหนังสือเวียน ห้ามธนาคารพาณิชย์เข้าไปเก็งกำไรค่าเงินบาท เพื่อป้องกันตลาดผันผวน ขณะที่ประธาน ตลท.กังวลส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยไทย-สหรัฐฯ 0.25% อาจเกิดภาวะเงินนอกทะลักเก็งกำไร ส่งผลกระทบค่าเงินบาทแข็งขึ้นอีก
วันนี้ (3 มี.ค.) มีรายงานว่าว่า ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ส่งหนังสือถึงธนาคารพาณิชย์ เพื่อขอความร่วมมือให้ละเว้นการทำธุรกรรมเงินตราต่างประเทศในลักษณะเก็งกำไรค่าเงินบาท หลังการประกาศยกเลิกมาตรการสำรอง 30% ของเงินทุนนำเข้าระยะสั้น เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา โดยมีผลในวันนี้
โดยหนังสือเวียนฉบับดังกล่าว ระบุว่า ธปท.ใคร่ขอความร่วมมือมายังสถาบันการเงิน ให้ละเว้นการทำธุรกรรมเงินตราต่างประเทศ เพื่อการบริหารฐานะเงินตราต่างประเทศในลักษณะเก็งกำไรค่าเงินบาท เพื่อไม่ให้ค่าเงินบาทผันผวนมากเกินไป จนส่งผลกระทบต่อภาคธุรกิจและภาครัฐที่ต้องปรับตัวให้สอคล้องกับมาตรการดังกล่าว
นายปกรณ์ มาลากุล ณ อยุธยา ประธานกรรมการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) กล่าวถึงการยกเลิกมาตรการกันสำรอง 30% ของแบงก์ชาติ ไม่ส่งผลดีต่อตลาดหุ้น เนื่องจากมาตรการดังกล่าวไม่ได้ครอบคลุมถึงตลาดหุ้น ประกอบกับตลาดรับรู้ข่าวไปแล้ว
อย่างไรก็ตาม เชื่อว่า การยกเลิกมาตรการดังกล่าวจะส่งผลดีในเชิงจิตวิทยาการลงทุนทำให้นักลงทุนต่างชาติมีความเชื่อมั่นมากขึ้น อีกทั้งมองว่าจะส่งผลดีต่อตลาดตราสารหนี้ ทำให้นักลงทุนต่างชาติเข้ามาลงทุนมากขึ้น
นายปกรณ์ ยอมรับว่า สิ่งที่น่ากังวล คือ อัตราดอกเบี้ยของประเทศไทย เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยของไทยมีส่วนต่างกับสหรัฐฯอยู่ที่ 0.25% โดยอัตราดอกเบี้ยของไทยอยู่ที่ 3.25% ขณะที่อัตราดอกเบี้ยของสหรัฐฯอยู่ที่ 3% ซึ่งจะส่งผลให้ภาวะของเม็ดเงินจากต่างชาติไหลเข้าประเทศไทยเป็นอย่างมาก ซึ่งส่งผลกระทบอาจทำให้ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นได้
อย่างไรก็ตาม เชื่อว่า คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ทราบถึงปัญหาดีอยู่แล้ว ซึ่ง กนง.คงนำปัญหาดังกล่าวไปประกอบการพิจารณาซึ่งจะมีการประชุมในทุกๆ 6 สัปดาห์ต่อไป