แซมโซไนท์ไทย ปรับแผนรุก รับเป้า 1,000 ล้านบาท ขณะนี้ทำได้เกือบครึ่งแล้ว ภายใน 5 ปี ยกไลเซนส์กระเป๋าลาคอสต์ ให้ไอซีซี เปิดทางช่องจำหน่ายใหม่สู่ร้านไอที ปรับรูปแบบร้านทั้งชอปอินชอป และฟรีสแตนดิ้ง ส่งสินค้าใหม่ทิมเบอร์แลนด์ลุย
นายชัยโรจน์ ศรีเดชะรินทร์กุล ผู้จัดการทั่วไป บริษัท แซมโซไนท์ (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งเป็นการร่วมทุนระหว่างกลุ่มซีเอ็มจี กับ แซมโซไนท์ อเมริกา ดูแลผลิตภัณฑ์กระเป๋าแบรนด์แซมโซไนท์ ทิมเบอร์แลนด์ และ อเมริกันทัวร์ริสเตอร์ ในไทย เปิดเผยว่า จากการที่บริษัทแม่ของแซมโซไนท์ตั้งเป้าหมายว่า บริษัทร่วมทุนดังกล่าวนี้ ภายใน 5 ปี นับจากปี 2549 จะต้องมีรายได้รวมกว่า 1,000 ล้านบาท ทำให้บริษัทมีแผนการทำงานเชิงรุกมากขึ้นในปีนี้ โดยปีที่แล้วยอดขายเติบโตจากปี 2549 มากกว่า40% มากกว่าเดิมที่ตั้งไว้ที่ 30%
โดยปีนี้ปรับกลยุทธ์หลายอย่างตั้งแต่การมอบไลเซนส์การผลิตและจำหน่ายกระเป๋าลาคอสต์ให้กับทางบริษัท ไอซีซี เมื่อเดือนมกราคมนี้เป็นผู้ทำตลาดแทน เพื่อที่จะมาโฟกัสธุรกิจผลิตภัณฑ์กระเป๋าเต็มที่ทั้ง 3 แบรนด์ ซึ่งขณะนี้บริษัทฯเป็นผู้นำตลาดกระเป๋าเดินทางในช่องทางห้างสรรพสินค้ามากกว่า 75%
ทั้งนี้ จะมีการขยายช่องทางจำหน่ายใหม่ๆ เพิ่มขึ้นเพื่อเป็นการขยายตลาด เช่น ล่าสุดได้ตั้งผู้จัดจำหน่ายในช่องทางร้านไอที เพื่อนำกระเป๋าไปวางขายตามร้านไอทีที่จะเป็นกลุ่มเป้าหมายใหญ่ของกระเป๋าเดินทางและกระเป๋าใส่แลปท็อป การปรับและขยายช่องทางจำหน่ายของทิมเบอร์แลนด์ให้เป็นแบบชอปอินชอป ขณะนี้มีแล้ว 2 จุด คือ ซูเปอร์สปอร์ต ที่เซ็นทรัลเวิลด์ และ เซ็นทรัล ลาดพร้าว
คาดว่า ปีนี้จะปรับได้ 6 จุด และเปิดจุดขายเพิ่มในแผนกกระเป๋าอีก 8 จุด และร้านฟรีสแตนดิ้งด้วยของแซมโซไนท์ซึ่งเดิมมี 5 แห่ง ที่ เซ็นทรัลเวิลด์ เซ็นทรัล ลาดพร้าว เซ็นทรัลเฟสติวัล ภูเก็ต และ จังซีลอนภูเก็ต ล่าสุด เปิดที่แฟชั่นไอส์แลนด์เป็นแฟคตอรี่เอาต์เลต พื้นที่ 90 ตารางเมตร และเตรียมเปิดที่เซ็นทรัลบางนา คาดว่า ใช้งบประมาณตั้งแต่ 3-10 ล้านบาทต่อแห่งขึ้นอยู่กับพื้นที่และรูปแบบ
นอกจากนั้น จะมีการทำตลาดในช่องทางบีทูบีเพิ่มขึ้น ซึ่งปีที่แล้วได้ลูกค้าองค์กรรายใหญ่ คือการบินไทย ที่ใช้กระเป๋าเดินทางของบริษัท คาดว่า ช่องทางบีทูบีนี้มีสัดส่วนรายได้กว่า 12% ของบริษัท ขณะที่โครงสร้างราคาจำหน่ายนั้นมีการปรับลดมาตลอด โดยขณะนี้ราคาของทั้งทิมเบอร์แลนด์ และแซมโซไนท์ จะถูกกว่าที่ยุโรป 10% แต่ยังแพงกว่าที่ฮ่องกง 5% ซึ่งลดลงจากเดิมที่มากกว่านี้ เช่น กระเป๋าบางรุ่นเดิมราคา 17,000 บาท ราคาใหม่เหลือ 9,000 บาท
สำหรับแผนรุกตลาดสินค้านั้นในส่วนของแบรนด์ทิมเบอร์แลนด์ ตั้งเป้าหมายมีสัดส่วนรายได้ 15% รายได้รวมของบริษัทปีนี้ โดยจะเปิดตัวสินค้าใหม่ 4 กลุ่ม คือ กระเป๋าเดินทางกลุ่มธุรกิจ, กลุ่มไลฟ์สไตล์, กลุ่มเอาต์ดอร์ และกลุ่มเครื่องหนังเครื่องหนังขนาดเล็ก-กระเป๋าสตางค์ สำหรับราคาทิมเบอร์แลนด์มีตั้งแต่ 5,000-10,000 บาท อยู่กึ่งกลางระหว่างแบรนด์ แซมโซไนท์ที่มีระดับราคาสูง ขณะที่แบรนด์อเมริกันทัวริสเตอร์อยู่ระดับล่าง
“จากการรุกตลาดอย่างหนักทั้ง การออกสินค้าใหม่ การขยายช่องทาง การเพิ่มช่องทางใหม่ จะทำให้ปีนี้บริษัทฯมีการเติบโตมากกว่าปีที่แล้ว 30% โดยในส่วนของแบรนด์ทิมเบอร์แลนด์จะเติบโตกว่า 100%” นายชัยโรจน์ กล่าว
นายชัยโรจน์ ศรีเดชะรินทร์กุล ผู้จัดการทั่วไป บริษัท แซมโซไนท์ (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งเป็นการร่วมทุนระหว่างกลุ่มซีเอ็มจี กับ แซมโซไนท์ อเมริกา ดูแลผลิตภัณฑ์กระเป๋าแบรนด์แซมโซไนท์ ทิมเบอร์แลนด์ และ อเมริกันทัวร์ริสเตอร์ ในไทย เปิดเผยว่า จากการที่บริษัทแม่ของแซมโซไนท์ตั้งเป้าหมายว่า บริษัทร่วมทุนดังกล่าวนี้ ภายใน 5 ปี นับจากปี 2549 จะต้องมีรายได้รวมกว่า 1,000 ล้านบาท ทำให้บริษัทมีแผนการทำงานเชิงรุกมากขึ้นในปีนี้ โดยปีที่แล้วยอดขายเติบโตจากปี 2549 มากกว่า40% มากกว่าเดิมที่ตั้งไว้ที่ 30%
โดยปีนี้ปรับกลยุทธ์หลายอย่างตั้งแต่การมอบไลเซนส์การผลิตและจำหน่ายกระเป๋าลาคอสต์ให้กับทางบริษัท ไอซีซี เมื่อเดือนมกราคมนี้เป็นผู้ทำตลาดแทน เพื่อที่จะมาโฟกัสธุรกิจผลิตภัณฑ์กระเป๋าเต็มที่ทั้ง 3 แบรนด์ ซึ่งขณะนี้บริษัทฯเป็นผู้นำตลาดกระเป๋าเดินทางในช่องทางห้างสรรพสินค้ามากกว่า 75%
ทั้งนี้ จะมีการขยายช่องทางจำหน่ายใหม่ๆ เพิ่มขึ้นเพื่อเป็นการขยายตลาด เช่น ล่าสุดได้ตั้งผู้จัดจำหน่ายในช่องทางร้านไอที เพื่อนำกระเป๋าไปวางขายตามร้านไอทีที่จะเป็นกลุ่มเป้าหมายใหญ่ของกระเป๋าเดินทางและกระเป๋าใส่แลปท็อป การปรับและขยายช่องทางจำหน่ายของทิมเบอร์แลนด์ให้เป็นแบบชอปอินชอป ขณะนี้มีแล้ว 2 จุด คือ ซูเปอร์สปอร์ต ที่เซ็นทรัลเวิลด์ และ เซ็นทรัล ลาดพร้าว
คาดว่า ปีนี้จะปรับได้ 6 จุด และเปิดจุดขายเพิ่มในแผนกกระเป๋าอีก 8 จุด และร้านฟรีสแตนดิ้งด้วยของแซมโซไนท์ซึ่งเดิมมี 5 แห่ง ที่ เซ็นทรัลเวิลด์ เซ็นทรัล ลาดพร้าว เซ็นทรัลเฟสติวัล ภูเก็ต และ จังซีลอนภูเก็ต ล่าสุด เปิดที่แฟชั่นไอส์แลนด์เป็นแฟคตอรี่เอาต์เลต พื้นที่ 90 ตารางเมตร และเตรียมเปิดที่เซ็นทรัลบางนา คาดว่า ใช้งบประมาณตั้งแต่ 3-10 ล้านบาทต่อแห่งขึ้นอยู่กับพื้นที่และรูปแบบ
นอกจากนั้น จะมีการทำตลาดในช่องทางบีทูบีเพิ่มขึ้น ซึ่งปีที่แล้วได้ลูกค้าองค์กรรายใหญ่ คือการบินไทย ที่ใช้กระเป๋าเดินทางของบริษัท คาดว่า ช่องทางบีทูบีนี้มีสัดส่วนรายได้กว่า 12% ของบริษัท ขณะที่โครงสร้างราคาจำหน่ายนั้นมีการปรับลดมาตลอด โดยขณะนี้ราคาของทั้งทิมเบอร์แลนด์ และแซมโซไนท์ จะถูกกว่าที่ยุโรป 10% แต่ยังแพงกว่าที่ฮ่องกง 5% ซึ่งลดลงจากเดิมที่มากกว่านี้ เช่น กระเป๋าบางรุ่นเดิมราคา 17,000 บาท ราคาใหม่เหลือ 9,000 บาท
สำหรับแผนรุกตลาดสินค้านั้นในส่วนของแบรนด์ทิมเบอร์แลนด์ ตั้งเป้าหมายมีสัดส่วนรายได้ 15% รายได้รวมของบริษัทปีนี้ โดยจะเปิดตัวสินค้าใหม่ 4 กลุ่ม คือ กระเป๋าเดินทางกลุ่มธุรกิจ, กลุ่มไลฟ์สไตล์, กลุ่มเอาต์ดอร์ และกลุ่มเครื่องหนังเครื่องหนังขนาดเล็ก-กระเป๋าสตางค์ สำหรับราคาทิมเบอร์แลนด์มีตั้งแต่ 5,000-10,000 บาท อยู่กึ่งกลางระหว่างแบรนด์ แซมโซไนท์ที่มีระดับราคาสูง ขณะที่แบรนด์อเมริกันทัวริสเตอร์อยู่ระดับล่าง
“จากการรุกตลาดอย่างหนักทั้ง การออกสินค้าใหม่ การขยายช่องทาง การเพิ่มช่องทางใหม่ จะทำให้ปีนี้บริษัทฯมีการเติบโตมากกว่าปีที่แล้ว 30% โดยในส่วนของแบรนด์ทิมเบอร์แลนด์จะเติบโตกว่า 100%” นายชัยโรจน์ กล่าว