ททท. เล็งปรับแผนการตลาดรับเป้ารายได้ตลาดต่างประเทศเป็น 8 แสนล้านบาท ปีนี้ “พรศิริ” แบ่งรับแบ่งสู้ขอดูนโยบาย 14 ก.พ.51 และรายได้ปี 2550 ก่อนหารือร่วมกับผู้บริหารถึงแผนการทำงาน ขณะที่รองผู้ว่าการด้านโยบายและแผน ระบุ ต้องเรียกเอกชนมาจับเข่าคุย ก่อนกำหนดเป็นแผนงาน คาดตลาดระยะใกล้และกลางเป็นไปได้สูง เน้นกลุ่มไฮสเปนดิ้ง จัดแคมเปญกระตุ้นให้มาบ่อยมากกว่าหนึ่งครั้งต่อปี
นางพรศิริ มโนหาญ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า เร็วๆ นี้ ททท.จะหารือกับผู้บริหารเพื่อปรับแผนการตลาดให้สอดรับกับนโยบายของรัฐมนตรีว่าการ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา นายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ ซึ่งจะเดินทางมามอบนโยบายให้แก่ ททท. อย่างเป็นทางการ ในวันที่ 14 ก.พ.ศกนี้ เพราะรัฐมนตรีว่าการต้องการให้ ททท.สร้างรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติเพิ่มจาก 6 แสนล้านบาท เป็น 8 แสนล้านบาทในปีนี้ ตามที่กล่าวไว้ในวันเข้ารับตำแหน่งที่กระทรวงการท่องเที่ยวฯ
เบื้องต้น ททท.จะต้องบุกตลาดนิชมาร์เก็ตกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูงเข้ามาเที่ยวประเทศไทยเพิ่มขึ้น เช่น กลุ่มนักลงทุน เพราะกลุ่มนี้จะไม่ใช่แค่เข้ามาประชุมเหมือนกลุ่มนักธุรกิจ แต่จะเข้ามามองลู่ทางการลงทุน และเมื่อเขาลงทุนก็จะต้องเดินทางมาดูกิจการ พร้อมขนเงินเข้ามาจับจ่ายเพื่อลงทุนอีกจำนวนมาก
“เรื่องรายได้ปีนี้ เราจะคำนวณจากฐานของปีที่ผ่านมา ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการรวบรวมรายได้ทั้งหมดในปี 2550 ที่ผ่านมา ททท.ได้เพียงตัวเลขจากสนามบินสุวรรณภูมิ แต่มั่นใจว่า รายได้ 5.47 แสนล้านบาท มีความเป็นไปได้สูง ดังนั้น ตัวเลข 6 แสนล้านบาท หรือ ตัวเลขใหม่ 8 แสนล้านบาท ก็น่าจะมีความเป็นไปได้”
อย่างไรก็ตาม ไม่รู้สึกหนักใจกับการทำงาน เพราะนโยบายใกล้เคียงกับที่ ททท.ดำเนินการอยู่แล้ว คือ เน้นรายได้มากกว่าจำนวน และเจาะตลาดไฮเอนด์ ส่วนงบประมาณที่จะใช้ทำตลาดจะมางบที่ ททท.จะต้องปรับลดกิจกรรมที่ไม่จำเป็นออกอีกส่วนหนึ่งและนำมาออกงานโรดโชว์ เทรดโชว์ ที่ตรงกับกลุ่มเป้าหมายให้มากขึ้น
ด้าน นายอักกพล พฤกษะวัน รองผู้ว่าการด้านนโยบายและแผน การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย กล่าวว่า หากเป็นนโยบายของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวฯที่ต้องการให้ ททท.ทำรายได้จากตลาดต่างประเทศให้ได้ 8 แสนล้านบาท ในปีนี้ ททท.ก็ต้องรับไปปฎิบัติให้ได้ แต่ทั้งนี้ คงต้องหารือกับภาคเอกชนและสายการบินถึงวิธีการทำงาน เบื้องต้นมองว่าต้องมีการแก้ไขใน 2 แนวทางหลัก คือ แนวทางด้านการตลาดและแนวทางการแก้ไขปัญหาสายการบินไม่เพียงพอ ในช่วงฤดูท่องเที่ยว ขณะที่ตลาดที่จะโฟกัส มี 2 ระยะ ตลาดระยะใกล้และตลาดระยะกลาง
โดยระยะใกล้ คือ ตลาดเอเชียที่เดินทางไม่เกิน 6 ชั่วโมงบิน เจาะกลุ่มไฮสเปนดิ้งที่ใช้เงินเพื่อท่องเที่ยวพักผ่อนมาก และสามารถเดินทางต่อปีได้บ่อยครั้งหรือทุกวีกเอนด์ เช่น ตลาดกอล์ฟ เป็นต้น แผนงานคือ จะต้องทำแคมเปญกระตุ้นตลาดให้หนักขึ้น ส่วนตลาดระยะกลาง คือ แถบยุโรป ซึ่งที่ผ่านมาตัวเลขการเติบโตเป็นที่น่าพอใจ เจาะเซกเมนต์ที่ทำรายได้เข้าประเทศ เช่น สปา และเมดิคัล เป็นต้น
“จะใช้เวลา 2-3 เดือนเพื่อเตรียมแผนงานใหม่ ซึ่งขณะนี้ ททท.ก็กำลังจัดทำแผนงานในปี 2552 อยู่แล้ว ดังนั้น เป็นไปได้ว่า จะต้องปรับการทำงานให้เร็วขึ้น โดยจะดึงบางแผนมาเริ่มทำในปีนี้เลย แต่ทั้งนี้ต้องหารือเอกชน อย่าง แอตต้า สมาคมโรงแรมไทย เพื่อดูความเป็นไปได้ เพราะถือเป็นกลไกขับเคลื่อนที่สำคัญ โดยดูเรื่องความพร้อม ส่วนสายการบิน ปัญหาที่มีอยู่ขณะนี้ คือ การเข้าถึงในพื้นที่ที่ ททท.ต้องการจะเจาะและปัญหาเที่ยวบินไม่พอช่วงไฮซีซั่น จึงต้องมานั่งหารือและวิเคราะห์ร่วมกัน”
อย่างไรก็ตาม ในเรื่องการโรดโชว์ และ เทรดโชว์ จะเลือกไปงานที่สำคัญและจำเป็น ตรงกลุ่มเป้าหมาย ซึ่งอาจมีปรับลดและปรับเพิ่มในบ้างตลาดที่เหมาะสม
นางพรศิริ มโนหาญ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า เร็วๆ นี้ ททท.จะหารือกับผู้บริหารเพื่อปรับแผนการตลาดให้สอดรับกับนโยบายของรัฐมนตรีว่าการ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา นายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ ซึ่งจะเดินทางมามอบนโยบายให้แก่ ททท. อย่างเป็นทางการ ในวันที่ 14 ก.พ.ศกนี้ เพราะรัฐมนตรีว่าการต้องการให้ ททท.สร้างรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติเพิ่มจาก 6 แสนล้านบาท เป็น 8 แสนล้านบาทในปีนี้ ตามที่กล่าวไว้ในวันเข้ารับตำแหน่งที่กระทรวงการท่องเที่ยวฯ
เบื้องต้น ททท.จะต้องบุกตลาดนิชมาร์เก็ตกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูงเข้ามาเที่ยวประเทศไทยเพิ่มขึ้น เช่น กลุ่มนักลงทุน เพราะกลุ่มนี้จะไม่ใช่แค่เข้ามาประชุมเหมือนกลุ่มนักธุรกิจ แต่จะเข้ามามองลู่ทางการลงทุน และเมื่อเขาลงทุนก็จะต้องเดินทางมาดูกิจการ พร้อมขนเงินเข้ามาจับจ่ายเพื่อลงทุนอีกจำนวนมาก
“เรื่องรายได้ปีนี้ เราจะคำนวณจากฐานของปีที่ผ่านมา ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการรวบรวมรายได้ทั้งหมดในปี 2550 ที่ผ่านมา ททท.ได้เพียงตัวเลขจากสนามบินสุวรรณภูมิ แต่มั่นใจว่า รายได้ 5.47 แสนล้านบาท มีความเป็นไปได้สูง ดังนั้น ตัวเลข 6 แสนล้านบาท หรือ ตัวเลขใหม่ 8 แสนล้านบาท ก็น่าจะมีความเป็นไปได้”
อย่างไรก็ตาม ไม่รู้สึกหนักใจกับการทำงาน เพราะนโยบายใกล้เคียงกับที่ ททท.ดำเนินการอยู่แล้ว คือ เน้นรายได้มากกว่าจำนวน และเจาะตลาดไฮเอนด์ ส่วนงบประมาณที่จะใช้ทำตลาดจะมางบที่ ททท.จะต้องปรับลดกิจกรรมที่ไม่จำเป็นออกอีกส่วนหนึ่งและนำมาออกงานโรดโชว์ เทรดโชว์ ที่ตรงกับกลุ่มเป้าหมายให้มากขึ้น
ด้าน นายอักกพล พฤกษะวัน รองผู้ว่าการด้านนโยบายและแผน การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย กล่าวว่า หากเป็นนโยบายของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวฯที่ต้องการให้ ททท.ทำรายได้จากตลาดต่างประเทศให้ได้ 8 แสนล้านบาท ในปีนี้ ททท.ก็ต้องรับไปปฎิบัติให้ได้ แต่ทั้งนี้ คงต้องหารือกับภาคเอกชนและสายการบินถึงวิธีการทำงาน เบื้องต้นมองว่าต้องมีการแก้ไขใน 2 แนวทางหลัก คือ แนวทางด้านการตลาดและแนวทางการแก้ไขปัญหาสายการบินไม่เพียงพอ ในช่วงฤดูท่องเที่ยว ขณะที่ตลาดที่จะโฟกัส มี 2 ระยะ ตลาดระยะใกล้และตลาดระยะกลาง
โดยระยะใกล้ คือ ตลาดเอเชียที่เดินทางไม่เกิน 6 ชั่วโมงบิน เจาะกลุ่มไฮสเปนดิ้งที่ใช้เงินเพื่อท่องเที่ยวพักผ่อนมาก และสามารถเดินทางต่อปีได้บ่อยครั้งหรือทุกวีกเอนด์ เช่น ตลาดกอล์ฟ เป็นต้น แผนงานคือ จะต้องทำแคมเปญกระตุ้นตลาดให้หนักขึ้น ส่วนตลาดระยะกลาง คือ แถบยุโรป ซึ่งที่ผ่านมาตัวเลขการเติบโตเป็นที่น่าพอใจ เจาะเซกเมนต์ที่ทำรายได้เข้าประเทศ เช่น สปา และเมดิคัล เป็นต้น
“จะใช้เวลา 2-3 เดือนเพื่อเตรียมแผนงานใหม่ ซึ่งขณะนี้ ททท.ก็กำลังจัดทำแผนงานในปี 2552 อยู่แล้ว ดังนั้น เป็นไปได้ว่า จะต้องปรับการทำงานให้เร็วขึ้น โดยจะดึงบางแผนมาเริ่มทำในปีนี้เลย แต่ทั้งนี้ต้องหารือเอกชน อย่าง แอตต้า สมาคมโรงแรมไทย เพื่อดูความเป็นไปได้ เพราะถือเป็นกลไกขับเคลื่อนที่สำคัญ โดยดูเรื่องความพร้อม ส่วนสายการบิน ปัญหาที่มีอยู่ขณะนี้ คือ การเข้าถึงในพื้นที่ที่ ททท.ต้องการจะเจาะและปัญหาเที่ยวบินไม่พอช่วงไฮซีซั่น จึงต้องมานั่งหารือและวิเคราะห์ร่วมกัน”
อย่างไรก็ตาม ในเรื่องการโรดโชว์ และ เทรดโชว์ จะเลือกไปงานที่สำคัญและจำเป็น ตรงกลุ่มเป้าหมาย ซึ่งอาจมีปรับลดและปรับเพิ่มในบ้างตลาดที่เหมาะสม