รมว.คลัง ฝากรัฐบาลชุดใหม่ ต้องวางโครงสร้างพื้นฐานด้านการเงินการคลังในระยะยาว อย่าทำงานเพียงเอาหน้าเอาตา เพียงเน้นคะแนนนิยมเพียงช่วงสั้น พร้อมแนะ ขรก.คลัง ให้คำปรึกษาอย่างตรงไปตรงมา ไม่ใช่แค่เอาใจนักการเมือง ขณะที่ภาคเอกชน เปิดฉากไล่บี้ทันที จี้แก้ปัญหาปากท้อง ให้เวลา 6 เดือนโชว์ฝีมือ
วันนี้ (30 ม.ค.) นายฉลองภพ สุสังกร์กาญจน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวกับข้าราชการประจำกระทรวงการคลัง ก่อนการอำลาตำแหน่ง และส่งมอบงานให้กับรัฐมนตรีใหม่ โดยแนะให้ข้าราชการของกระทรวง ควรจะเน้นดำเนินนโยบายและให้คำปรึกษากับรัฐบาลอย่างตรงไปตรงมา โดยเฉพาะโครงสร้างพื้นฐานในระยะยาว ซึ่งอาจไม่ได้เป็นตัวสร้างคะแนนนิยมในระยะสั้น พร้อมระบุไม่ได้รู้สึกเสียดายที่เข้ามารับตำแหน่ง รมว.คลัง แต่อาจไม่สามารถผลักดันงานบางอย่างได้ เพราะมองว่าเป็นธรรมชาติของการบริหาร
อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่า ภายหลังพ้นจากตำแหน่ง รมว.คลัง ไปแล้ว ตนเองอาจจะกลับไปทำงานด้านวิชาการที่สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) ตามเดิม
นอกจากนี้ รมว.คลัง ยังกล่าวว่า รัฐบาลปัจจุบันได้ผ่านร่างกฎหมายการเงินที่สำคัญหลายฉบับ ซึ่งจะช่วยดูแลให้สถาบันการเงินต่างๆ มีความเข็มแข็ง และไม่มีปัญหา แม้ว่าขณะนี้สถานการณ์ การเงินโลกจะมีความผันผวนก็ตาม
นายประมนต์ สุธีวงศ์ ประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวถึงรัฐบาลใหม่ด้วยความผิดหวัง โดยระบุว่า หากพิจารณาตัวนายกฯ แล้วจะเห็นว่า นายสมัคร สุนทรเวช ให้ความสนใจในเรื่องการเมืองมากกว่าเศรษฐกิจ และข้อกังขาในการเป็นนอมินี ดังนั้น สิ่งที่สำคัญขณะนี้ คือภาคเอกชนกำลังรอดูบุคคลที่นายกฯ จะมอบหมายให้ดูแลเรื่องเศรษฐกิจ หากมีพื้นฐานความรู้ด้านเศรษฐกิจก็จะช่วยให้การแก้ปัญหาเศรษฐกิจเป็นไปได้ง่าย ไม่ต้องมานั่งเรียนรู้ หรือสอนงานกันใหม่
ซึ่งภาคเอกชนทราบว่า ขณะนี้ พรรคพลังประชาชน มีข้อจำกัดเรื่องของตัวบุคคลที่มีความเชี่ยวชาญเรื่องเศรษฐกิจ แม้สุดท้ายจะได้รัฐมนตรีที่ไม่มีความรู้ด้านเศรษฐกิจ แต่ควรจัดหาทีมงานที่มีความรู้ เพื่อให้การบริหารบ้านเมืองมีประสิทธิภาพมากขึ้น
นายสันติ วิลาสศักดานนท์ ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า เมื่อแต่งตั้งนายกฯ คนใหม่แล้ว อยากให้เร่งรัดแต่งตั้ง ครม.ให้เสร็จโดยเร็ว เพื่อเข้ามาบริหารประเทศ งานแรกที่รัฐบาลชุดใหม่ควรเข้าไปดูแล คือ เรื่องค่าครองชีพของประชาชนที่ขณะนี้หลายๆ สินค้าปรับสูงขึ้น ซึ่งหลังจากตั้ง ครม.เสร็จแล้ว กระทรวงด้านเศรษฐกิจคงต้องหารือถึงความจำเป็นเร่งด่วนที่จะแก้ปัญหาเศรษฐกิจระดับประเทศ
นายเกียรติพงศ์ น้อยใจบุญ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอกรัฐวิศวกรรม จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ให้เวลารัฐบาลพิสูจน์ฝีมือ 6 เดือน หลังจากนั้น 1 ปี คงทราบว่ารัฐบาลชุดนี้จะไปต่อรอดหรือไม่ และมีความเป็นห่วงการใช้นโยบายประชานิยมหากใช้อย่างไม่มีเหตุผลคงสร้างปัญหาเหมือนที่ผ่านมา
นายชูเกียรติ โอภาสวงศ์ นายกสมาคมผู้ส่งข้าวออกต่างประเทศ กล่าวว่า อยากฝากให้นายกฯ ช่วยกรุณาบริหารประเทศด้วยความประนีประนอม เพราะความปรองดองของชาติเป็นเรื่องที่สำคัญ ต้องปรับบุคลิกให้เป็นผู้นำมากขึ้น เรื่องแรกที่นายกฯ ต้องเร่งทำก่อนคือการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ โดยจะต้องให้ความสำคัญต่อการคัดเลือกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ จะต้องเป็นคนที่มีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะ รมว.คลัง ต้องเป็นบุคคลที่รู้เรื่องการคลังอย่างแท้จริง เพื่อเข้ามาดูแลค่าเงินบาทไม่ให้แข็งค่ามากไป เพราะจะส่งผลกระทบต่อความสามารถในการแข่งขันของสินค้าส่งออกไทย
นายจิตติ ตั้งสิทธิ์ภักดี นายกสมาคมค้าทองคำ กล่าวว่า ตนมองว่า ตัวนายกฯ คงไม่สำคัญเท่าไร ที่สำคัญมากกว่า คือ นโยบายด้านเศรษฐกิจซึ่งทุกฝ่ายกำลังรอดูอยู่ว่าจะเป็นอย่างไร จะมีคุณภาพและช่วยแก้ปัญหาเศรษฐกิจในปัจจุบันได้หรือไม่ โดยจะต้องเร่งสร้างความเชื่อมั่นด้านเศรษฐกิจโดยเร็ว ส่วนตัวรัฐมนตรีเศรษฐกิจนั้น ไม่จำเป็นต้องเป็นคนที่รู้เรื่องเศรษฐกิจเท่านั้น อาจเป็นใครก็ได้ที่บริหารได้ดี แต่จะต้องมีทีมที่ปรึกษาที่มีความเชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจโดยเฉพาะ
นายบุญชัย โชควัฒนา ประธานกรรมการบริหาร บริษัท สหพัฒนพิบูล จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า อยากให้นายกฯ เร่งทำงานแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจแก้ไขให้ถูกจุด ที่สำคัญ การบริหารประเทศต้องเปิดรับฟังความเห็นจากทุกฝ่ายด้วย ไม่ใช่ใช้ดุลพินิจตนเองเพียงอย่างเดียว ส่วนตัวของ ครม.เศรษฐกิจนั้นไม่จำเป็นต้องเป็นคนที่อยู่ในวงการเศรษฐกิจก็ได้ แต่ต้องทำงานร่วมกับนักธุรกิจ และบุคลากรด้านเศรษฐกิจได้และต้องยึดแนวทางสมานฉันท์ไม่ขัดแย้ง
นายก่อศักดิ์ ไชยรัศมีศักดิ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า นายสมัคร ถือเป็นคนเก่งคนหนึ่ง ดังนั้น คงต้องลองใช้บริการ นายสมัคร ดูว่าดีไม่ดี ในฐานะเอกชน ก็อยากให้บริหารเศรษฐกิจให้คืบหน้า และกลับไปสู่ภาวะปกติ