ลอรีอัล คาด เศรษฐกิจปีนี้ยังซบ ส่งผลต่อเครื่องสำอางทรงตัว วางแผนบุกแบรนด์ “ลังโคม” เต็มที่ ตั้งเป้าขึ้นเป็นที่ 2 ตลาดเคาน์เตอร์แบรนด์ในสิ้นปีนี้ ลุยทั้งซีอาร์เอ็มแบบลงลึก ออกสินค้าใหม่อีก 3 กลุ่ม
นางสาวสุปราณี จันทไพบูลย์ขจร ผู้จัดการ ผลิตภัณฑ์ลังโคม บริษัท ลอรีอัล (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ภาวะเศรษฐกิจในปีนี้ คาดว่า คงยังไม่สดใสมากเท่าใดนัก ยังคงมีปัจจัยลบต่างๆ อีก ซึ่งจะส่งผลให้ตลาดเครื่องสำอางโดยรวมปีนี้คาดว่าจะมีอัตราการเติบโตที่ทรงตัว
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าภาวะเศรษฐกิจจะเป็นอย่างไร แต่ในปีนี้บริษัทมีแผนที่จะทำตลาดผลิตภัณฑ์ลังโคมอย่างเต็มที่ พร้อมกับตั้งเป้าหมายไว้ ว่า ภายในปีนี้ ลังโคมจะต้องก้าวขึ้นเป็นผู้นำอันดับสองในตลาดช่องทางเคาน์เตอร์แบรนด์ให้ได้ ซึ่งจะขยับจากเดิมที่ปัจจุบันนี้ยังอยู่ในอันดับที่สี่ โดยผู้นำตลาดช่องทางเคาน์เตอร์แบรนด์ปัจจุบันนี้ คือ ชิเซโด
สำหรับแนวทางการทำตลาดลังโคมปีนี้ บริษัทมีทิศทางชัดเจนที่จะเน้นกลยุทธ์การทำซีอาร์เอ็ม (Customer Relationship Management) มากขึ้น โดยจะเน้นไปในเชิงลึกมากขึ้นในทุกกลุ่ม ไม่ว่าจะเป็นลูกค้า ผู้บริโภค พนักงานขายประจำเคาน์เตอร์ หรือฝ่ายการตลาด รวมทั้งการจัดกิจกรรมโรดโชว์ในรูปแบบใหม่ๆ การออกผลิตภัณฑ์ใหม่อย่างต่อเนื่อง
โดยปีนี้มีแผนที่จะแนะนำสินค้าใหม่เพิ่มขึ้นอีกใน 3 กลุ่มสินค้า คือ สกินแคร์ เมกอัพ และน้ำหอม โดยล่าสุดนี้ได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ในกลุ่มลดริ้วรอยชื่อว่า “Renergie Morpholift R.A.R.E” ซึ่งจะมีทั้งซีรัมที่ใช้ตอนกลางวันและตอนกลางคืน และมีครีมทารอบดวงตาด้วย โดยเจาะกลุ่มเป้าหมายหลักที่เป็นผู้หญิงอายุ 35 ปีขึ้นไป
“เวลานี้ ลูกค้ามีความคาดหวังอย่างสูงกับตัวผลิตภัณฑ์มากกว่าแต่ก่อน ซึ่งวิธีที่เราจะรักษาฐานลูกค้าเดิม แล้วขยายฐานกลุ่มลูกค้าใหม่ไปพร้อมกันนั้น จะต้องชูเทคโนโลยีของผลิตภัณฑ์ เพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้กับผลิตภัณฑ์กลุ่มนี้มากขึ้น เนื่องจากกลุ่มผลิตภัณฑ์กลุ่มนี้เป็นกลุ่มที่ลูกค้ามีการเปลี่ยนแบรนด์กันบ่อยและง่าย ดังนั้น หากมีเรื่องของนวัตกรรม เทคโนโลยี หรือการดีไซน์แพกเกจจิ้งที่สวยงามก็เป็นสิ่งที่ดึงดูดลูกค้าเอาไว้ได้” นางสาวสุปราณี กล่าว
ส่วนกลยุทธ์ซีอาร์เอ็มนั้น ที่ผ่านมา บริษัทก็ทำอยู่แล้วเพียงแต่ยังไม่ได้ลงรากลึก แต่ปีนี้มีแนวทางที่จะทำแบบเข้มข้นมากขึ้น เพื่อสร้างความเข้าใจและการรับรู้ต่อตัวลูกค้าทั้งในเรื่องของพฤติกรรม การจ่าย ความต้องการ การบริการ และสินค้า และจะมีการตอบสนองให้ตรงตามความต้องการของลูกค้าแต่ละรายด้วย
อีกทั้งในแต่ละช่องทางการจำหน่ายก็จะมีการสื่อสารกับลูกค้าในหลายรูปแบบที่แตกต่างกันไปแต่ละช่องทาง ไม่ว่าจะเป็นจุดขายในห้างสรรพสินค้า ลานจัดกิจกรรม หรือที่ศูนย์ดูแลผิว
“คาดว่า การทำซีอาร์เอ็มแบบลงรากลึกในปีนี้จะช่วยทำให้ลูกค้าจดจำแบรนด์ของเราได้ว่า มีความแตกต่างจากแบรนด์อื่นอย่างไร โดยเราจะมีการวัดผลความพึงพอใจของลูกค้า โดยดูจากยอดขายที่เพิ่มขึ้นหรือไม่ ซึ่งจะมีการวัดผลทั้งรายสัปดาห์ รายเดือน รายปี เพื่อนำข้อมูลเหล่านั้นมาวางกลยุทธ์ให้เหมาะสมกับลูกค้า และจะได้บรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ได้” นางสาวสุปราณี กล่าว
นางสาวสุปราณี จันทไพบูลย์ขจร ผู้จัดการ ผลิตภัณฑ์ลังโคม บริษัท ลอรีอัล (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ภาวะเศรษฐกิจในปีนี้ คาดว่า คงยังไม่สดใสมากเท่าใดนัก ยังคงมีปัจจัยลบต่างๆ อีก ซึ่งจะส่งผลให้ตลาดเครื่องสำอางโดยรวมปีนี้คาดว่าจะมีอัตราการเติบโตที่ทรงตัว
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าภาวะเศรษฐกิจจะเป็นอย่างไร แต่ในปีนี้บริษัทมีแผนที่จะทำตลาดผลิตภัณฑ์ลังโคมอย่างเต็มที่ พร้อมกับตั้งเป้าหมายไว้ ว่า ภายในปีนี้ ลังโคมจะต้องก้าวขึ้นเป็นผู้นำอันดับสองในตลาดช่องทางเคาน์เตอร์แบรนด์ให้ได้ ซึ่งจะขยับจากเดิมที่ปัจจุบันนี้ยังอยู่ในอันดับที่สี่ โดยผู้นำตลาดช่องทางเคาน์เตอร์แบรนด์ปัจจุบันนี้ คือ ชิเซโด
สำหรับแนวทางการทำตลาดลังโคมปีนี้ บริษัทมีทิศทางชัดเจนที่จะเน้นกลยุทธ์การทำซีอาร์เอ็ม (Customer Relationship Management) มากขึ้น โดยจะเน้นไปในเชิงลึกมากขึ้นในทุกกลุ่ม ไม่ว่าจะเป็นลูกค้า ผู้บริโภค พนักงานขายประจำเคาน์เตอร์ หรือฝ่ายการตลาด รวมทั้งการจัดกิจกรรมโรดโชว์ในรูปแบบใหม่ๆ การออกผลิตภัณฑ์ใหม่อย่างต่อเนื่อง
โดยปีนี้มีแผนที่จะแนะนำสินค้าใหม่เพิ่มขึ้นอีกใน 3 กลุ่มสินค้า คือ สกินแคร์ เมกอัพ และน้ำหอม โดยล่าสุดนี้ได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ในกลุ่มลดริ้วรอยชื่อว่า “Renergie Morpholift R.A.R.E” ซึ่งจะมีทั้งซีรัมที่ใช้ตอนกลางวันและตอนกลางคืน และมีครีมทารอบดวงตาด้วย โดยเจาะกลุ่มเป้าหมายหลักที่เป็นผู้หญิงอายุ 35 ปีขึ้นไป
“เวลานี้ ลูกค้ามีความคาดหวังอย่างสูงกับตัวผลิตภัณฑ์มากกว่าแต่ก่อน ซึ่งวิธีที่เราจะรักษาฐานลูกค้าเดิม แล้วขยายฐานกลุ่มลูกค้าใหม่ไปพร้อมกันนั้น จะต้องชูเทคโนโลยีของผลิตภัณฑ์ เพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้กับผลิตภัณฑ์กลุ่มนี้มากขึ้น เนื่องจากกลุ่มผลิตภัณฑ์กลุ่มนี้เป็นกลุ่มที่ลูกค้ามีการเปลี่ยนแบรนด์กันบ่อยและง่าย ดังนั้น หากมีเรื่องของนวัตกรรม เทคโนโลยี หรือการดีไซน์แพกเกจจิ้งที่สวยงามก็เป็นสิ่งที่ดึงดูดลูกค้าเอาไว้ได้” นางสาวสุปราณี กล่าว
ส่วนกลยุทธ์ซีอาร์เอ็มนั้น ที่ผ่านมา บริษัทก็ทำอยู่แล้วเพียงแต่ยังไม่ได้ลงรากลึก แต่ปีนี้มีแนวทางที่จะทำแบบเข้มข้นมากขึ้น เพื่อสร้างความเข้าใจและการรับรู้ต่อตัวลูกค้าทั้งในเรื่องของพฤติกรรม การจ่าย ความต้องการ การบริการ และสินค้า และจะมีการตอบสนองให้ตรงตามความต้องการของลูกค้าแต่ละรายด้วย
อีกทั้งในแต่ละช่องทางการจำหน่ายก็จะมีการสื่อสารกับลูกค้าในหลายรูปแบบที่แตกต่างกันไปแต่ละช่องทาง ไม่ว่าจะเป็นจุดขายในห้างสรรพสินค้า ลานจัดกิจกรรม หรือที่ศูนย์ดูแลผิว
“คาดว่า การทำซีอาร์เอ็มแบบลงรากลึกในปีนี้จะช่วยทำให้ลูกค้าจดจำแบรนด์ของเราได้ว่า มีความแตกต่างจากแบรนด์อื่นอย่างไร โดยเราจะมีการวัดผลความพึงพอใจของลูกค้า โดยดูจากยอดขายที่เพิ่มขึ้นหรือไม่ ซึ่งจะมีการวัดผลทั้งรายสัปดาห์ รายเดือน รายปี เพื่อนำข้อมูลเหล่านั้นมาวางกลยุทธ์ให้เหมาะสมกับลูกค้า และจะได้บรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ได้” นางสาวสุปราณี กล่าว