โฮมเวิร์ค เทงบ 1,500 ล้านบาท ขยายสาขาเพิ่ม 2 สาขาปีนี้ ลุยโมเดลชอปปิ้งมอลล์ คาดว่า รายได้ตามเป้า ฟาก เพาเวอร์บาย ปีนี้วางแผนป้องรายได้สู่การเติบโตอีก 15% จากยอด 12,000 ล้านบาทของปีก่อน
นายพงศ์ ศกุนตนาค ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส บริษัท ซีอาร์ซี เพาเวอร์ รีเทล จำกัด ในฐานะผู้บริหารโฮมเวิร์ค เปิดเผยว่า สถานการณ์เศรษฐกิจปีนี้ มองว่า ไม่น่าจะเลวร้ายจากปีที่แล้ว ดังนั้น ตามแผนการดำเนินธุรกิจของปีนี้ ทางบริษัทยังคงดำเนินตามปกติ เตรียมงบการลงทุนกว่า 1,500 ล้านบาท สำหรับการขยายเพิ่ม 2 สาขา จากเดิมที่เปิดให้บริการ 10 สาขา ซึ่งขณะนี้สรุปแผนชัดเจนแล้ว 1 สาขา ส่วนอีกสาขายังไม่สามารถเปิดเผยได้
สำหรับสาขาที่สามารถเปิดเผยได้นั้นจะเป็นสาขาที่ 11 โดยเป็นโฮมเวิร์คที่มีสาขาขนาดใหญ่ที่สุด บนพื้นที่กว่า 26,000 ตารางเมตร ภายใต้งบลงทุนกว่า 1,000 ล้านบาท ในลักษณะสแตนอโลน ที่จังหวัดภูเก็ต ติดกับแฟชั่น เฟสติวัล ภูเก็ต ซึ่งจะสามารถเปิดให้บริการได้ในช่วงไตรมาส 3 ของปีนี้
ทั้งนี้ สาขาดังกล่าวจะมีโมเดลที่แตกต่างจากเดิม โดยเป็นโมเดลที่ประกอบด้วย ส่วนของโฮมเวิร์ค และเพาเวอร์บาย 13,000 ตารางเมตร และอีกส่วน คือ ชอปปิ้งมอลล์ อีก 13,000 ตารางเมตร เท่าๆ กัน เกี่ยวกับการจำหน่ายสินค้าตกแต่งบ้าน ที่มีลักษณะสินค้าแตกต่างจากที่จำหน่ายในโฮมเวิร์ค ทั้งรูปแบบมีความเป็นพรีเมียม หรือมีราคาที่ถูกจนไม่สามารถจำหน่ายในโฮมเวิร์คได้
นายพงศ์ กล่าวต่อว่า สำหรับแผนการการตลาดของปีนี้ จะมุ่งเน้นจำหน่ายสินค้าในลักษณะมีความเป็นพรีเมียมราคาสูง และสินค้าที่ต้องมีการซื้อในลักษณะจำนวนมากๆ เช่น อุปกรณ์ในห้องครัว เตียงนอน กระเบื้อง พร้อมทั้งจะมีการนำสินค้าที่ตรงกับความต้องการของบ้านหรือคอนโดมิเนียมที่มีขนาดเล็กลงมากขึ้น หลังจากเห็นเทรนด์ด้านอสังหาริมทรัพย์ไปในทิศทางดังกล่าวมากขึ้น อีกทั้งทางภาครัฐเองที่พร้อมผลักดันด้านอสังหาริมทรัพย์ในปีนี้ด้วย
สำหรับเป้ารายได้ปีนี้ คาดว่า จะเติบโตใกล้เคียงกับปีที่แล้ว เห็นได้จากยอดการใช้จ่ายต่อ 1 ใบเสร็จ เฉลี่ยเพิ่มสูงขึ้น 10-15% ทุกปี ขณะที่ยอดรายได้ของปีที่ผ่านมายังไม่สามารถเปิดเผยได้ แต่มั่นใจว่ามีอัตราการเติบโตให้เคียงตามเป้าที่วางไว้
**เพาเวอร์บายวางแผนป้องรายได้**
นายสุทธิสาร จิราวัฒน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เพาเวอร์บาย จำกัด กล่าวว่า สำหรับภาพรวมเศรษฐกิจปีนี้ น่าจะเริ่มดีขึ้นในช่วง 6 เดือนหลัง ซึ่งต้องรอให้ทางรัฐบาลชุดใหม่เข้ามาทำงานให้เรียบร้อยเสียก่อน แต่สำหรับ เพาเวอร์บาย จะเริ่มทำการตลาดตั้งแต่ต้นปีเป็นต้นไป เพราะหากรอถึงช่วงดังกล่าวก็คงช้าเกินไป เริ่มจากงาน “โฮมเวิร์ค เอ็กซ์โป ครั้งที่ 4” มหกรรมสินค้าเพื่อบ้านและเครื่องใช้ไฟฟ้า ระหว่างวันที่ 25 ม.ค.-3 ก.พ.2551
อีกทั้งปีนี้ได้วางงบประมาณตลาดเพิ่มสูงขึ้นจากปีที่ผ่านมา 20% คิดเป็นมูลค่ากว่า 120 ล้านบาท มุ่งเน้นการโฆษณาประชาสัมพันธ์ในสื่อต่างมากยิ่งขึ้น รวมทั้งยังให้ความสำคัญด้านเซอร์วิสมากขึ้นด้วย
สำหรับการขยายสาขาปีนี้ คาดว่า จะมีไม่เกิน 10 สาขา หรือเท่ากับปีที่ผ่านมาที่มีการขยายสาขาเพียง 5-7 สาขา โดยเบื้องต้นคาดว่าจะใช้งบลงทุนสาขาละ 20 ล้านบาท พื้นที่ประมาณ 800-1,500 ตารางเมตร ซึ่งสิ้นปี 2550 ที่ผ่านมา เพาเวอร์บายมีจำนวนสาขาทั้งหมด 80 สาขาทั่วประเทศ
นายสุทธิสาร กล่าวต่อว่า บริษัทคาดว่า รายได้ปีนี้จะเติบโต 15% จากปีก่อนที่มี 12,000 ล้านบาท เติบโต 10% ซึ่งสินค้าหลักที่คาดว่าจะมียอดขายมากที่สุด คือ สินค้าไอที และจอภาพ โดยเฉพาะแอลซีดีทีวี
นายพงศ์ ศกุนตนาค ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส บริษัท ซีอาร์ซี เพาเวอร์ รีเทล จำกัด ในฐานะผู้บริหารโฮมเวิร์ค เปิดเผยว่า สถานการณ์เศรษฐกิจปีนี้ มองว่า ไม่น่าจะเลวร้ายจากปีที่แล้ว ดังนั้น ตามแผนการดำเนินธุรกิจของปีนี้ ทางบริษัทยังคงดำเนินตามปกติ เตรียมงบการลงทุนกว่า 1,500 ล้านบาท สำหรับการขยายเพิ่ม 2 สาขา จากเดิมที่เปิดให้บริการ 10 สาขา ซึ่งขณะนี้สรุปแผนชัดเจนแล้ว 1 สาขา ส่วนอีกสาขายังไม่สามารถเปิดเผยได้
สำหรับสาขาที่สามารถเปิดเผยได้นั้นจะเป็นสาขาที่ 11 โดยเป็นโฮมเวิร์คที่มีสาขาขนาดใหญ่ที่สุด บนพื้นที่กว่า 26,000 ตารางเมตร ภายใต้งบลงทุนกว่า 1,000 ล้านบาท ในลักษณะสแตนอโลน ที่จังหวัดภูเก็ต ติดกับแฟชั่น เฟสติวัล ภูเก็ต ซึ่งจะสามารถเปิดให้บริการได้ในช่วงไตรมาส 3 ของปีนี้
ทั้งนี้ สาขาดังกล่าวจะมีโมเดลที่แตกต่างจากเดิม โดยเป็นโมเดลที่ประกอบด้วย ส่วนของโฮมเวิร์ค และเพาเวอร์บาย 13,000 ตารางเมตร และอีกส่วน คือ ชอปปิ้งมอลล์ อีก 13,000 ตารางเมตร เท่าๆ กัน เกี่ยวกับการจำหน่ายสินค้าตกแต่งบ้าน ที่มีลักษณะสินค้าแตกต่างจากที่จำหน่ายในโฮมเวิร์ค ทั้งรูปแบบมีความเป็นพรีเมียม หรือมีราคาที่ถูกจนไม่สามารถจำหน่ายในโฮมเวิร์คได้
นายพงศ์ กล่าวต่อว่า สำหรับแผนการการตลาดของปีนี้ จะมุ่งเน้นจำหน่ายสินค้าในลักษณะมีความเป็นพรีเมียมราคาสูง และสินค้าที่ต้องมีการซื้อในลักษณะจำนวนมากๆ เช่น อุปกรณ์ในห้องครัว เตียงนอน กระเบื้อง พร้อมทั้งจะมีการนำสินค้าที่ตรงกับความต้องการของบ้านหรือคอนโดมิเนียมที่มีขนาดเล็กลงมากขึ้น หลังจากเห็นเทรนด์ด้านอสังหาริมทรัพย์ไปในทิศทางดังกล่าวมากขึ้น อีกทั้งทางภาครัฐเองที่พร้อมผลักดันด้านอสังหาริมทรัพย์ในปีนี้ด้วย
สำหรับเป้ารายได้ปีนี้ คาดว่า จะเติบโตใกล้เคียงกับปีที่แล้ว เห็นได้จากยอดการใช้จ่ายต่อ 1 ใบเสร็จ เฉลี่ยเพิ่มสูงขึ้น 10-15% ทุกปี ขณะที่ยอดรายได้ของปีที่ผ่านมายังไม่สามารถเปิดเผยได้ แต่มั่นใจว่ามีอัตราการเติบโตให้เคียงตามเป้าที่วางไว้
**เพาเวอร์บายวางแผนป้องรายได้**
นายสุทธิสาร จิราวัฒน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เพาเวอร์บาย จำกัด กล่าวว่า สำหรับภาพรวมเศรษฐกิจปีนี้ น่าจะเริ่มดีขึ้นในช่วง 6 เดือนหลัง ซึ่งต้องรอให้ทางรัฐบาลชุดใหม่เข้ามาทำงานให้เรียบร้อยเสียก่อน แต่สำหรับ เพาเวอร์บาย จะเริ่มทำการตลาดตั้งแต่ต้นปีเป็นต้นไป เพราะหากรอถึงช่วงดังกล่าวก็คงช้าเกินไป เริ่มจากงาน “โฮมเวิร์ค เอ็กซ์โป ครั้งที่ 4” มหกรรมสินค้าเพื่อบ้านและเครื่องใช้ไฟฟ้า ระหว่างวันที่ 25 ม.ค.-3 ก.พ.2551
อีกทั้งปีนี้ได้วางงบประมาณตลาดเพิ่มสูงขึ้นจากปีที่ผ่านมา 20% คิดเป็นมูลค่ากว่า 120 ล้านบาท มุ่งเน้นการโฆษณาประชาสัมพันธ์ในสื่อต่างมากยิ่งขึ้น รวมทั้งยังให้ความสำคัญด้านเซอร์วิสมากขึ้นด้วย
สำหรับการขยายสาขาปีนี้ คาดว่า จะมีไม่เกิน 10 สาขา หรือเท่ากับปีที่ผ่านมาที่มีการขยายสาขาเพียง 5-7 สาขา โดยเบื้องต้นคาดว่าจะใช้งบลงทุนสาขาละ 20 ล้านบาท พื้นที่ประมาณ 800-1,500 ตารางเมตร ซึ่งสิ้นปี 2550 ที่ผ่านมา เพาเวอร์บายมีจำนวนสาขาทั้งหมด 80 สาขาทั่วประเทศ
นายสุทธิสาร กล่าวต่อว่า บริษัทคาดว่า รายได้ปีนี้จะเติบโต 15% จากปีก่อนที่มี 12,000 ล้านบาท เติบโต 10% ซึ่งสินค้าหลักที่คาดว่าจะมียอดขายมากที่สุด คือ สินค้าไอที และจอภาพ โดยเฉพาะแอลซีดีทีวี