มิสทิน อัดฉีด 570 ล้านบาท รุกหนักรอบ 20 ปี ชูแผนขยายสาวไทยกลุ่มเอ-บี ลุยปั้นเครื่องสำอางนาริส จากแดนปลาดิบ เท 50 ล้านบาท ส่งแคมเปญโฆษณามาสคารา ดึงปู-ไปรยา ลุนด์เบิร์ก ขึ้นแท่นพรีเซ็นเตอร์สินค้า สร้างอิมเมจสินค้าระดับบี แตกไลน์แคตตาล็อกฟรายเดย์ แกรนด์ ขายเสื้อผ้าแบรนด์เนมเครือสหพัฒน์ แก้เกี้ยวปีหนูกำลังซื้อไม่ดี ผุดแผนเพิ่มสมาชิกเป็น 7 แสนคน สิ้นปีตั้งเป้ารายได้โต 10% กวาด 7,300 ล้านบาท
นายดนัย ดีโรจนวงศ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เบทเตอร์เวย์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจขายตรงมิสทิน เปิดเผยว่า ภาพรวมเศรษฐกิจในปีนี้ไม่ค่อยดีมากนัก ดังนั้น นโยบายการดำเนินธุรกิจในปีนี้ บริษัทจะมุ่งเน้นขยายฐานกลุ่มเป้าหมายระดับเอและบีเป็นหลัก ซึ่งนับว่าเป็นครั้งแรกในรอบ 20 ปี สำหรับมิสทินในการขยายกลุ่มเป้าหมายดังกล่าว จากเดิมฐานลูกค้าหลักเป็นกลุ่มเป้าหมายระดับซี ทั้งนี้ การรุกขยายฐานกลุ่มระดับเอ และบี เนื่องจากกำลังการซื้อของผู้บริโภคไม่ดี ทำให้เริ่มมองหาสินค้าที่ประหยัด โดยพบว่าในปีที่ผ่านมามีผู้สวิตช์จากเครื่องสำอางระดับแมสมาใช้มิสทินเพิ่มขึ้น 20%
สำหรับแผนขยายฐานลูกค้าระดับเอ บริษัทจะเป็นตัวแทนจำหน่ายเครื่องสำอางนาริส (Naris) แบรนด์เครื่องสำอางขายตรงอันดับ 3 จากประเทศญี่ปุ่น โดยจะเปิดตัวลงสู่ตลาดในไตรมาสแรก มีด้วยกัน 9 รายการ และ 3 คอลเลกชันใหญ่ วางระดับราคา 300-1,400 บาท ทั้งนี้ คาดว่า ในปีแรกจะมีรายได้ 240 ล้านบาท
ส่วนแผนการขยายฐานลูกค้ากลุ่มบี บริษัทจะใช้แบรนด์มิสทินต่อยอดจากฐานลูกค้ากลุ่มซี ซึ่งบริษัทกำลังศึกษาและวิจัยถึงความต้องการของลูกค้าระดับบี ล่าสุด ทุ่มงบ 50 ล้านบาท เปิดตัวมาสคารา มิสทิน โปรลอง แบล็ค ชายน์ สินค้าเจาะกลุ่มเป้าหมายบีนำร่อง พร้อมกับเปิดตัวภาพยนตร์โฆษณา โดยมี “ปู-ไปรยา ลุนด์เบิร์ก” เป็นพรีเซ็นเตอร์สะท้อนบุคลิกสาวรุ่นใหม่ โดยมาสคารา มีด้วยกัน 3 เฉดสี ได้แก่ นิวยอร์กแบล็คก์, ลอนดอนบราวน์ และ ปารีสบลู
ขณะที่การเปิดตัวสินค้ากลุ่มเครื่องสำอาง สกินแคร์ เพอร์ซันนัลแคร์ ทั้งปีบริษัทวางไว้ 26 รายการ เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมา 18 รายการ ส่วนงบการตลาดวางไว้ 570 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 40% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา 410 ล้านบาท พร้อมกันนี้ บริษัทยังแตกไลน์แคตตาล็อกใหม่ฟรายเดย์ แกรนด์ ( Friday Grand) จำหน่ายสินค้าระดับหรูหรา นำร่องนำจำหน่ายสินค้าเครือสหพัฒน์ ได้แก่ เสื้อผ้าบีเอสซี แอร์โรว์ มอร์แกน และชุดชั้นใน เป็นต้น และในอนาคตวางแผนจำหน่ายเฟอร์นิเจอร์ขนาดเล็ก โดยจะเริ่มเปิดตัวแคตตาล็อกในไตรมาสแรกนี้
สำหรับในปีนี้บริษัทยังวางแผนเพิ่มทีมขาย หรือสมาชิกจำหน่ายเครื่องสำอางมิสทินเป็นหลัก เนื่องจากการเพิ่มทีมขายส่งผลให้ในปีที่ผ่านมาผลประกอบการของบริษัทมีอัตราการเติบโตเกินเป้าหมายที่ตั้งไว้จาก 7% หรือเติบโตได้ถึง 10% หรือมีรายได้ 6,700 ล้านบาท ในสภาพกำลังการซื้อที่ทรงตัว จากในปีที่ผ่านมามีรายได้ 6,500 ล้านบาท สำหรับปีนี้ตั้งเป้าเพิ่มทีมขาย 7 แสนคน จากในปีที่ผ่านมามีสมาชิก 6.7 แสนคน เติบโต 12% ด้วยการรับสมัครสมาชิกผ่านทางโทรศัพท์และแคตตาล็อกฟรายเดย์ และเปิดตัวแคมเปญสำหรับสมาชิกกลุ่มวัยทำงาน แม่บ้าน มีรายได้ 15,000-30,000 บาท
นายดนัย กล่าวว่า ในปีนี้บริษัทยังพยายามลดปริมาณการเข้าและออกของสมาชิกธุรกิจขายตรงลงอีก จากในปีที่ผ่านมาบริษัทสามารถลดจำนวนสมาชิกต่ำกว่า 100% จากในปีที่ 2549 มีสมาชิกเข้าและออกหมุนเวียน 140% อีกทั้งบริษัทยังมุ่งเน้นขยายตลาดต่างประเทศ อาทิ ปากีสถาน อินโดนีเซีย ไต้หวัน อินเดีย เป็นต้น จากในปีที่ผ่านมาบริษัทมีรายได้จากการส่งออก 240 ล้านบาท อีกทั้งในปีนี้บริษัทยังได้ทุ่มงบ 120 ล้านบาท สร้างคลังสินค้าเฟส 3 คาดว่า จะแล้วเสร็จในปีนี้ ซึ่งจะทำให้สามารถรองรับสินค้าได้ 5 ปี สำหรับในปีนี้ตั้งเป้ามีอัตราการเติบโต 50% ทั้งนี้ จากการดำเนินการตลาดในเชิงรุกปีนี้ บริษัทตั้งเป้ามีอัตราการเติบโต 10% หรือมีรายได้ 7,300 ล้านบาท โดยคาดว่ารายได้จากแคตตาล็อกฟรายเดย์เพิ่มจาก 19% เป็นกว่า 20%