ส.ค.ส คือ การส่งความสุข เช่นเดียวกับการ์ดอวยพร มีความหมายเช่นเดียวกัน คือ การส่งข้อความที่มีแต่ความปรารถนาดีให้แก่กัน ซึ่งกลายเป็นธรรมเนียมที่คนไทยและทั่วโลก พึงกระทำกัน โดยเฉพาะช่วงปีใหม่แบบนี้ เสน่ห์ของการ์ดอวยพร นอกจากคำอวยพรดีๆแล้ว มันมีตรงไหนอีกหนอ.....
จำได้ว่าครั้งที่ยังเป็นเด็กเล็กอยู่ ผู้เขียนชอบเก็บสะสมการ์ดอยู่บ่อยครั้ง และก็ซื้อการ์ดมาเขียนคำอวยพรให้กับเพื่อนๆ ก็หลายหน เวลาเจอการ์ดแปลกๆ จะชอบเก็บไว้เสมอๆ แต่เดี๋ยวนี้หายไปไหนหมดก็ไม่รู้ ก็นั่นมันครั้งยังเด็กนี่นะ ส่วนตอนนี้ก็มีการมีงานทำแล้ว การ์ดอวยพรก็ยังได้รับอยู่เสมอ แต่อาจจะไม่ตื่นเต้น เท่ากับตอนเด็กๆ นักก็ตาม
พอได้รับการ์ดมากเข้า ก็ฉุกคิดให้มานั่งอ่านการ์ดทีละใบอีกครั้ง อืม...ปีนี้ไม่ค่อยมีการ์ดสวยๆเท่าไหร่นัก หรืออาจเป็นเพราะหลายบริษัทอาจจะได้รับผลกระทบจากพิษเศรษฐกิจเล่นงาน ก็เป็นไปได้ จึงทำให้รู้สึกว่าการ์ดปีนี้ ไม่ค่อยสร้างสีสันให้ช่วงปีใหม่สักเท่าไร
เทียบกับช่วงปีใหม่ของปี 2549 จำได้ว่า การ์ดอวยพร สร้างสีสันบนโต๊ะทำงานค่อนข้างมากทีเดียว เพราะนอกจากจะมีส่งมาถึงโต๊ะค่อนข้างมากแล้ว ส่วนใหญ่จะเป็นภาพพระบรมฉายาลักษณ์ขององค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มากที่สุด เนื่องจากเป็นปีมหามงคลปีหนึ่ง การ์ดอวยพรส่วนใหญ่จึงยังคงเป็นรูปพระบรมฉายาลักษณ์ของพระองค์ท่าน เป็นหลัก รองลงมาก็เป็นพวกสัตว์ประจำปีนักษัตร อย่าง หมู เป็นต้น
ส่วนในปีนี้ เมื่อนำการ์ดอวยพรทั้งหลายมาคัดแยกเป็นกลุ่มๆแล้ว ส่วนใหญ่ยังคงพบว่า ภาพพระบรมฉายาลักษณ์ขององค์ในหลวงยังเป็นภาพที่ถูกนำมาทำเป็นการ์ดอวยพรมากที่สุด ที่ผู้คนเลือกส่งถึงกัน รองลงมา ก็จะเป็นภาพการ์ดอวยพรที่ทำหน้าประชาสัมพันธ์ภาพลักษณ์ขององค์กรและสรรสาระที่องค์กรนั้นจะสื่อถึงผู้บริโภค รวมถึงผู้รับการ์ดดังกล่าว ไม่ต่างจากปีที่ผ่านมา แต่แปลกนะ ทำไมปีนี้ “หนู” ถึงเป็นภาพที่อยู่บนการ์ดอวยพรในปีนี้น้อยมาก
เข้าเรื่องกันดีกว่า จริงๆอยากให้ลองดูว่า สิ่งที่แฝงมากับการ์ดอวยพร รวมถึงปฏิทิน ที่หลายคนที่นิยมแจกให้แก่กันนั้น ส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องอะไร ซึ่งเมื่อลองจำแนกแยกแยะแล้ว เราสามารถแบ่งได้เป็น
อันดับหนึ่ง ภาพพระบรมฉายาลักษณ์ขององค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งมีอยู่หลากหลายรูปแบบที่แตกต่างกันไป ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นภาพที่ตรึงตราตรึงใจประชาชนชาวไทยทั้งผอง และยิ่งเป็นภาพที่มาปรากฏอยู่บนการ์ด ส.ค.ส.แล้ว ยิ่งทำให้การ์ดนั้นดูมีค่าขึ้นมาอย่างมาก
อันดับสอง คือ เรื่องของโกลบอล วอร์มมิง ที่ในปีที่ผ่านมากระแสภาวะโลกร้อน เป็นอีกหนึ่งสถานการณ์ที่สร้างให้คนเริ่มตระหนักถึงโลกใบนี้มากยิ่งขึ้น หลายองค์กรทั้งภาครัฐและเอกชน ต่างตื่นตัวที่จะช่วยกันรณรงค์รักษ์โลกใบนี้ให้อยู่ได้อีกยาวนาน ซึ่งเมื่อถึงเทศกาลขึ้นปีใหม่ โกลบอล วอร์มมิ่ง ก็เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่ส่งมาพร้อมกับการ์ดอวยพร และปฏิทินให้ดูต่างหน้า ไม่ลืมว่าเราควรช่วยกันรักษ์โลกใบนี้มากเพียงใด
ส่วนอันดับสาม เป็นการ์ดและปฏิทิน ที่บ่งบอกถึงภาพลักษณ์ขององค์กรเป็นหลัก ซึ่งในส่วนนี้ จะเริ่มเห็นความคิดสร้างสรรค์ที่องค์กรเหล่านี้ พยายามสื่อรูปแบบการ์ดอวยพรและปฏิทินให้มีความแตกต่างจากทั่วไป โดยเฉพาะบริษัทที่เกี่ยวข้องกับสื่อเอ็นเตอร์เทนเมนต์ต่างๆ หรือแม้แต่บริษัทที่ดำเนินธุรกิจด้านประชาสัมพันธ์ต่างๆ เช่นกัน
และอันดับรั้งท้ายปีนี้ คือ การ์ดทั่วๆ ไป ที่หาซื้อได้ตามห้างสรรพสินค้าต่างๆ ซึ่งหากมองย้อนไป ไม่ได้แปลว่า ผู้ที่ให้หรือบริษัทที่ให้ ไม่ได้ให้ความสำคัญกับการ์ดอวยพร แต่อาจเป็นเพราะเศรษฐกิจที่ต้องมีการเซฟงบประมาณไว้ หรืออาจเป็นเพราะไม่คุ้มกับการทำการ์ดอวยพรขึ้นมาเป็นพิเศษก็ได้ แต่อย่างไรก็ตาม เพียงความปรารถนาดีที่ต้องการส่งถึงกัน ก็ถือเป็นการให้ที่ผู้รับรู้สึกดีมาก ไม่แตกต่างกับการพิถีพิถันการ์ดอวยพรขึ้นมาเป็นพิเศษเลย
**การ์ดอวยพร ปฏิทิน อีกหนึ่งวิธีของการทำตลาด**
เมื่อพูดถึงการ์ดปีใหม่ และปฏิทิน ก็อดนึกถึงเรื่องของการทำตลาดไม่ได้ เพราะเมื่อลองคิดดูดีๆแล้ว ทั้งการ์ดและปฏิทิน ถือเป็นเครื่องมือที่บริษัท ห้างร้านต่างๆ จะนำมาใช้เพื่อการประชาสัมพันธ์องค์กรได้อย่างดีเยี่ยม ยกตัวอย่าง เช่น
บริษัทเครื่องใช้ไฟฟ้า จากประเทศญี่ปุ่น อย่าง พานาโซนิค กับการ์ดอวยพรและปฏิทินตั้งโต๊ะ ที่มาพร้อมกับคอนเซ็บเดียว คือ เรื่องของ โกลบอล วอร์มมิ่ง ซึ่งสร้างสรรค์ภาพของภาวะโลกร้อนได้อย่างสวยงาม แต่แฝงความรู้สึกที่เราต้องรักษ์โลกนี้ให้มากๆ อย่างตอนหนึ่งที่อยู่บนปฏิทินว่า
“สักวันหนึ่งเราจะ...ได้เห็นสัตว์ป่าอาศัยกันแบบนี้หรือ? การสูญพันธ์ของสัตว์ป่า และพรรณพืชทั่วโลกมีอัตราความเสี่ยงเพิ่มขึ้น เหตุจากการที่สัตว์ และพืชหลายชนิด ไม่สามารถปรับตัวให้สอดรับต่อการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของสภาพภูมิอากาศ สภาวการณ์เช่นนี้จะเป็นอันตราย และรุนแรงอย่างยิ่งต่อสัตว์ป่า ป่าไม้ ทุ่งหญ้าสะวันนา เขตภูเขา และเขตขั้วโลก นักวิทยาศาสตร์ของหลายชาติมีความกังวลว่า 1 ใน 3 ของสัตว์ และพรรณพืชที่มีอยู่ในโลกใบนี้ อาจสูญพันธุ์ไปภายในปี พ.ศ.2593”
กลุ่มธนาคารทิสโก้ เป็นอีกหนึ่งองค์กรที่ตระหนักถึงภาวะโลกร้อน เช่นกัน ซึ่งได้ถ่ายทอดผ่านปฏิทินออกมาได้ตรงกับคอนเซปต์ลดภาวะโลกร้อน ด้วยกระดาษรีไซเคิล และภาพประกอบที่ชี้ให้เราปฏิบัติตามกันเพื่อลดปัญหาโลกร้อนได้อีกทางหนึ่ง ดังที่เฉลยไว้ในปฏิทินว่า “Take Action by Making Simple Changes Today! เราทุกคนช่วยบรรเทาปัญหาภาวะโลกร้อนได้ทุกวัน เริ่มต้นง่ายๆ ตั้งแต่วันนี้” ซึ่งภายในปฏิทินเป็นภาพกิจวัตรประจำวันของคนเราในแบบ ภาพการ์ตูนน่ารักๆ ที่สื่อว่าเราสามารถช่วยกันรักษาโลกใบนี้ไว้ได้ แม้จะเป็นเพียงกิจวัตรประจำวันที่ทำกันอยู่ทุกวันก็ตาม
นอกจากนี้ ยังมี ฟิลิปส์ ที่สื่อถึงผลิตภัณฑ์ของตน ที่ช่วยลดภาวะโลกร้อนได้ รวมถึงการ์ดอวยพรของ SAMART mobile services
ส่วนที่ยังมุ่งเน้นการนำเสนอด้านภาพลักษณ์องค์กรก็มีให้เห็นหลายองค์กร เช่น น้ำมัน CALTEX และสถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสี ช่อง 3 ที่นำเสนอการ์ดอวยพร และปฏิทิน ผ่านดาราในสังกัด รวมถึงทีมครอบครัวข่าวมากหน้าหลายตา สู่กลุ่มผู้ชม ซึ่งทำการตลาดแตกต่างจากองค์กรอื่นด้วย ตรงที่มีการวางจำหน่ายปฏิทินขององค์กรด้วย ตามร้านเซเว่นอีเลฟเว่น ถือเป็นการทำตลาดที่ส่งตรงถึงกลุ่มเป้าหมายอย่างแท้จริง และยังไม่ค่อยมีใครทำ
รวมถึง อาร์เอส ยักษ์ใหญ่แห่งธุรกิจเพลง ก็นำเสนอปฏิทิน เป็นรูปนักร้องและศิลปิน ที่ถือว่าปีก่อนมาแรงมาก ไม่ว่าจะเป็น ฟิล์ม-รัฐภูมิ, โฟร์-มด, โปงลางสะออน และแดนบีม
ตบท้ายด้วยการ์ดอวยพรน่ารักๆ และปฏิทินแนวเก๋ ที่ส่งมาให้ได้ยลโฉมน้อยลงกว่าปีที่แล้ว กับ INITIATIVE บริษัทด้านประชาสัมพันธ์ เว็บไซต์ Sanook.com และสถาบันการเงิน อย่าง KTC และ Live tv ซึ่งเป็นเคเบิลทีวีอินเทรนด์ขณะนี้ เห็นแล้วช่วยลดความตึงเครียดได้บ้าง แม้ว่าเรายังต้องเผชิญกับการเมืองและเศรษฐกิจที่ท่าทางยังไม่ดีขึ้นก็ตาม
จำได้ว่าครั้งที่ยังเป็นเด็กเล็กอยู่ ผู้เขียนชอบเก็บสะสมการ์ดอยู่บ่อยครั้ง และก็ซื้อการ์ดมาเขียนคำอวยพรให้กับเพื่อนๆ ก็หลายหน เวลาเจอการ์ดแปลกๆ จะชอบเก็บไว้เสมอๆ แต่เดี๋ยวนี้หายไปไหนหมดก็ไม่รู้ ก็นั่นมันครั้งยังเด็กนี่นะ ส่วนตอนนี้ก็มีการมีงานทำแล้ว การ์ดอวยพรก็ยังได้รับอยู่เสมอ แต่อาจจะไม่ตื่นเต้น เท่ากับตอนเด็กๆ นักก็ตาม
พอได้รับการ์ดมากเข้า ก็ฉุกคิดให้มานั่งอ่านการ์ดทีละใบอีกครั้ง อืม...ปีนี้ไม่ค่อยมีการ์ดสวยๆเท่าไหร่นัก หรืออาจเป็นเพราะหลายบริษัทอาจจะได้รับผลกระทบจากพิษเศรษฐกิจเล่นงาน ก็เป็นไปได้ จึงทำให้รู้สึกว่าการ์ดปีนี้ ไม่ค่อยสร้างสีสันให้ช่วงปีใหม่สักเท่าไร
เทียบกับช่วงปีใหม่ของปี 2549 จำได้ว่า การ์ดอวยพร สร้างสีสันบนโต๊ะทำงานค่อนข้างมากทีเดียว เพราะนอกจากจะมีส่งมาถึงโต๊ะค่อนข้างมากแล้ว ส่วนใหญ่จะเป็นภาพพระบรมฉายาลักษณ์ขององค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มากที่สุด เนื่องจากเป็นปีมหามงคลปีหนึ่ง การ์ดอวยพรส่วนใหญ่จึงยังคงเป็นรูปพระบรมฉายาลักษณ์ของพระองค์ท่าน เป็นหลัก รองลงมาก็เป็นพวกสัตว์ประจำปีนักษัตร อย่าง หมู เป็นต้น
ส่วนในปีนี้ เมื่อนำการ์ดอวยพรทั้งหลายมาคัดแยกเป็นกลุ่มๆแล้ว ส่วนใหญ่ยังคงพบว่า ภาพพระบรมฉายาลักษณ์ขององค์ในหลวงยังเป็นภาพที่ถูกนำมาทำเป็นการ์ดอวยพรมากที่สุด ที่ผู้คนเลือกส่งถึงกัน รองลงมา ก็จะเป็นภาพการ์ดอวยพรที่ทำหน้าประชาสัมพันธ์ภาพลักษณ์ขององค์กรและสรรสาระที่องค์กรนั้นจะสื่อถึงผู้บริโภค รวมถึงผู้รับการ์ดดังกล่าว ไม่ต่างจากปีที่ผ่านมา แต่แปลกนะ ทำไมปีนี้ “หนู” ถึงเป็นภาพที่อยู่บนการ์ดอวยพรในปีนี้น้อยมาก
เข้าเรื่องกันดีกว่า จริงๆอยากให้ลองดูว่า สิ่งที่แฝงมากับการ์ดอวยพร รวมถึงปฏิทิน ที่หลายคนที่นิยมแจกให้แก่กันนั้น ส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องอะไร ซึ่งเมื่อลองจำแนกแยกแยะแล้ว เราสามารถแบ่งได้เป็น
อันดับหนึ่ง ภาพพระบรมฉายาลักษณ์ขององค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งมีอยู่หลากหลายรูปแบบที่แตกต่างกันไป ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นภาพที่ตรึงตราตรึงใจประชาชนชาวไทยทั้งผอง และยิ่งเป็นภาพที่มาปรากฏอยู่บนการ์ด ส.ค.ส.แล้ว ยิ่งทำให้การ์ดนั้นดูมีค่าขึ้นมาอย่างมาก
อันดับสอง คือ เรื่องของโกลบอล วอร์มมิง ที่ในปีที่ผ่านมากระแสภาวะโลกร้อน เป็นอีกหนึ่งสถานการณ์ที่สร้างให้คนเริ่มตระหนักถึงโลกใบนี้มากยิ่งขึ้น หลายองค์กรทั้งภาครัฐและเอกชน ต่างตื่นตัวที่จะช่วยกันรณรงค์รักษ์โลกใบนี้ให้อยู่ได้อีกยาวนาน ซึ่งเมื่อถึงเทศกาลขึ้นปีใหม่ โกลบอล วอร์มมิ่ง ก็เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่ส่งมาพร้อมกับการ์ดอวยพร และปฏิทินให้ดูต่างหน้า ไม่ลืมว่าเราควรช่วยกันรักษ์โลกใบนี้มากเพียงใด
ส่วนอันดับสาม เป็นการ์ดและปฏิทิน ที่บ่งบอกถึงภาพลักษณ์ขององค์กรเป็นหลัก ซึ่งในส่วนนี้ จะเริ่มเห็นความคิดสร้างสรรค์ที่องค์กรเหล่านี้ พยายามสื่อรูปแบบการ์ดอวยพรและปฏิทินให้มีความแตกต่างจากทั่วไป โดยเฉพาะบริษัทที่เกี่ยวข้องกับสื่อเอ็นเตอร์เทนเมนต์ต่างๆ หรือแม้แต่บริษัทที่ดำเนินธุรกิจด้านประชาสัมพันธ์ต่างๆ เช่นกัน
และอันดับรั้งท้ายปีนี้ คือ การ์ดทั่วๆ ไป ที่หาซื้อได้ตามห้างสรรพสินค้าต่างๆ ซึ่งหากมองย้อนไป ไม่ได้แปลว่า ผู้ที่ให้หรือบริษัทที่ให้ ไม่ได้ให้ความสำคัญกับการ์ดอวยพร แต่อาจเป็นเพราะเศรษฐกิจที่ต้องมีการเซฟงบประมาณไว้ หรืออาจเป็นเพราะไม่คุ้มกับการทำการ์ดอวยพรขึ้นมาเป็นพิเศษก็ได้ แต่อย่างไรก็ตาม เพียงความปรารถนาดีที่ต้องการส่งถึงกัน ก็ถือเป็นการให้ที่ผู้รับรู้สึกดีมาก ไม่แตกต่างกับการพิถีพิถันการ์ดอวยพรขึ้นมาเป็นพิเศษเลย
**การ์ดอวยพร ปฏิทิน อีกหนึ่งวิธีของการทำตลาด**
เมื่อพูดถึงการ์ดปีใหม่ และปฏิทิน ก็อดนึกถึงเรื่องของการทำตลาดไม่ได้ เพราะเมื่อลองคิดดูดีๆแล้ว ทั้งการ์ดและปฏิทิน ถือเป็นเครื่องมือที่บริษัท ห้างร้านต่างๆ จะนำมาใช้เพื่อการประชาสัมพันธ์องค์กรได้อย่างดีเยี่ยม ยกตัวอย่าง เช่น
บริษัทเครื่องใช้ไฟฟ้า จากประเทศญี่ปุ่น อย่าง พานาโซนิค กับการ์ดอวยพรและปฏิทินตั้งโต๊ะ ที่มาพร้อมกับคอนเซ็บเดียว คือ เรื่องของ โกลบอล วอร์มมิ่ง ซึ่งสร้างสรรค์ภาพของภาวะโลกร้อนได้อย่างสวยงาม แต่แฝงความรู้สึกที่เราต้องรักษ์โลกนี้ให้มากๆ อย่างตอนหนึ่งที่อยู่บนปฏิทินว่า
“สักวันหนึ่งเราจะ...ได้เห็นสัตว์ป่าอาศัยกันแบบนี้หรือ? การสูญพันธ์ของสัตว์ป่า และพรรณพืชทั่วโลกมีอัตราความเสี่ยงเพิ่มขึ้น เหตุจากการที่สัตว์ และพืชหลายชนิด ไม่สามารถปรับตัวให้สอดรับต่อการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของสภาพภูมิอากาศ สภาวการณ์เช่นนี้จะเป็นอันตราย และรุนแรงอย่างยิ่งต่อสัตว์ป่า ป่าไม้ ทุ่งหญ้าสะวันนา เขตภูเขา และเขตขั้วโลก นักวิทยาศาสตร์ของหลายชาติมีความกังวลว่า 1 ใน 3 ของสัตว์ และพรรณพืชที่มีอยู่ในโลกใบนี้ อาจสูญพันธุ์ไปภายในปี พ.ศ.2593”
กลุ่มธนาคารทิสโก้ เป็นอีกหนึ่งองค์กรที่ตระหนักถึงภาวะโลกร้อน เช่นกัน ซึ่งได้ถ่ายทอดผ่านปฏิทินออกมาได้ตรงกับคอนเซปต์ลดภาวะโลกร้อน ด้วยกระดาษรีไซเคิล และภาพประกอบที่ชี้ให้เราปฏิบัติตามกันเพื่อลดปัญหาโลกร้อนได้อีกทางหนึ่ง ดังที่เฉลยไว้ในปฏิทินว่า “Take Action by Making Simple Changes Today! เราทุกคนช่วยบรรเทาปัญหาภาวะโลกร้อนได้ทุกวัน เริ่มต้นง่ายๆ ตั้งแต่วันนี้” ซึ่งภายในปฏิทินเป็นภาพกิจวัตรประจำวันของคนเราในแบบ ภาพการ์ตูนน่ารักๆ ที่สื่อว่าเราสามารถช่วยกันรักษาโลกใบนี้ไว้ได้ แม้จะเป็นเพียงกิจวัตรประจำวันที่ทำกันอยู่ทุกวันก็ตาม
นอกจากนี้ ยังมี ฟิลิปส์ ที่สื่อถึงผลิตภัณฑ์ของตน ที่ช่วยลดภาวะโลกร้อนได้ รวมถึงการ์ดอวยพรของ SAMART mobile services
ส่วนที่ยังมุ่งเน้นการนำเสนอด้านภาพลักษณ์องค์กรก็มีให้เห็นหลายองค์กร เช่น น้ำมัน CALTEX และสถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสี ช่อง 3 ที่นำเสนอการ์ดอวยพร และปฏิทิน ผ่านดาราในสังกัด รวมถึงทีมครอบครัวข่าวมากหน้าหลายตา สู่กลุ่มผู้ชม ซึ่งทำการตลาดแตกต่างจากองค์กรอื่นด้วย ตรงที่มีการวางจำหน่ายปฏิทินขององค์กรด้วย ตามร้านเซเว่นอีเลฟเว่น ถือเป็นการทำตลาดที่ส่งตรงถึงกลุ่มเป้าหมายอย่างแท้จริง และยังไม่ค่อยมีใครทำ
รวมถึง อาร์เอส ยักษ์ใหญ่แห่งธุรกิจเพลง ก็นำเสนอปฏิทิน เป็นรูปนักร้องและศิลปิน ที่ถือว่าปีก่อนมาแรงมาก ไม่ว่าจะเป็น ฟิล์ม-รัฐภูมิ, โฟร์-มด, โปงลางสะออน และแดนบีม
ตบท้ายด้วยการ์ดอวยพรน่ารักๆ และปฏิทินแนวเก๋ ที่ส่งมาให้ได้ยลโฉมน้อยลงกว่าปีที่แล้ว กับ INITIATIVE บริษัทด้านประชาสัมพันธ์ เว็บไซต์ Sanook.com และสถาบันการเงิน อย่าง KTC และ Live tv ซึ่งเป็นเคเบิลทีวีอินเทรนด์ขณะนี้ เห็นแล้วช่วยลดความตึงเครียดได้บ้าง แม้ว่าเรายังต้องเผชิญกับการเมืองและเศรษฐกิจที่ท่าทางยังไม่ดีขึ้นก็ตาม