เอเจนซีส์ – ภูเขาไฟเฮย์ลี กูบี (Hayli Gubbi) ของเอธิโอเปียระเบิดเช้าวันอาทิตย์(23 พ.ย)พ่นเถ้าถ่านสูง 14 ก.ม พัดไกลไปจนถึงตะวันออกกลาง เป็นการระเบิดครั้งแรกในรอบ 10,000 ปีของดินแดนกาฬทวีป ล่าสุดยังไม่มีรายงานผลกระทบต่อการเดินทางอากาศ
เดลีเอ็กซเพรสของอังกฤษรายงานวันจันทร์(24 พ.ย)ว่า ภูเขาไฟระเบิดครั้งมโหฬารเกิดขึ้นทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของเอธิโอเปีย พ่นเถ้าถ่านภูเขาไฟออกมาจากปากปล่องสูง 14 ก.ท และพัดไกลมุ่งหน้าเข้าสู่ตะวันออกกลางรวม เยเมน และ โอมาน อ้างอิงจากเจ้าหน้าที่และผู้เชี่ยวชาญไม่พบว่ามีการระเบิดของภูเขาไฟเฮย์ลี กูบี ในรอบ 10,000 ปี ส่งผลทำให้ภูเขาไฟระเบิดครั้งนี้เป็นสิ่งมหัศจรรย์สุดเท่าที่เคยมีมา
การระเบิดเกิดขึ้นเมื่อเวลาราว 11.30 น.ตามเวลาท้องถิ่นเอธิโอเปียในวันอาทิตย์(23) อ้างอิงจากคำแนะนำของศูนย์คำแนะนำเถ้าถ่านภูเขาไฟตูลูซ VAAC (Toulouse Volcanic Ash Advisory Center) การระเบิดยังคงเกิดขึ้นต่อเนื่องไปจนถึงตอนบ่าย พร้อมกับการพ่นเถ้าถ่านไปไกลราว 45,000 ฟุต และหลังจากนั้นภูเขาไฟเฮย์ลี กูบี กลับมาสงบอีกครั้ง แต่เถ้าถ่านถูกพัดไปไกลเคลื่อนตัวมุ่งหน้าสู่ตะวันออกกลาง
แผนที่ VAAC ที่เผยแพร่ในวันอาทิตย์(23) แสดงให้เห็นถึงเถ้าถ่านภูเขาไฟระดับต่ำมุ่งหน้าสู่จิบูตี(Djibout)และเยเมน อ้างอิงจากสื่อ BNO News ขณะที่เถ้าถ่านภูเขาไฟระดับสูงมีการพยากรณ์ว่าจะมุ่งหน้าไปทางทิศตะวันออกข้ามโอมานและมุ่งหน้าสู่ทะเลอาระเบีย ขณะที่บางส่วนของเถ้าถ่านภูเขาไฟระดับบนได้คาดจะมุ่งไปไกลกว่าในทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือไปเพื่อเข้าสู่บางส่วนของอิหร่าน ปากีสถาน และอินเดียในท้ายที่สุด
สื่ออังกฤษรายงานว่า เฮย์ลี กูบี ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของเทือกภูเขาไฟเออร์ตา อาเล (Erta Ale volcanic range) ในรอยแยกอาฟาร์ (Afar Rift) หนึ่งในพื้นที่ภูเขาไฟคุกกรุ่นมากที่สุดในแอฟริกาตะวันออกและยังเป็นบ้านของทะเลสาบลาวาถาวร(persistent lava lake)
ถึงแม้ว่าในภูมิภาคจะพบกับการเคลื่อนไหวของภูเขาไฟบ่อยครั้ง แต่ทว่านักภูเขาไฟวิทยา ไซมอน คาร์น (Simon Carn) ชี้ว่า ไม่เคยมีหลักฐานว่าภูเขาไฟลูกนี้ได้เคยเกิดระเบิดในยุคโฮโลซีน( Holocene period) ซึ่งเป็นระยะเวลา 11,700 ปีนับตั้งแต่สมัยยุคน้ำแข็งครั้งใหญ่ก่อนหน้า
ภาพถ่ายดาวเทียมแสดงให้เห็นลำเถ้าถ่านภูเขาไฟทั้งสองและการพ่นซัลเฟอร์ไดออกไซด์(SO)ครั้งใหญ่ออกมาที่เป็นเครื่องบ่งชี้ถึงการเคลื่อนไหวครั้งใหญ่ของภูเขาไฟ
เดลีเอ็กซเพรสรายงานว่า ในรายงานเบื้องต้นชี้ว่ามาจนถึงเวลานี้ยังไม่มีผลกระทบต่อเที่ยวบินหรือต่อชุมชนที่อยู่ใกล้เคียง อย่างไรก็ตามเว็บไซต์ติดตามเที่ยวบิน Flightradar24 ยังคงจับตาสถานการณ์ที่อาจมีต่อไฟลท์เที่ยวบิน


