วุฒิสภาสหรัฐฯ เดินหน้าก้าวใหญ่ในวันอาทิตย์ (9 พ.ย.) ซึ่งอาจนำไปสู่การยุติการชัตดาวน์ที่ยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์อเมริกา ขณะที่รัฐมนตรีคมนาคมเตือนว่า หากการปิดทำการหน่วยงานรัฐบาลกลางคราวนี้ยังยืดเยื้อต่อไป ก็จะต้องระงับเที่ยวบินเพิ่ม ซึ่งจะส่งผลกระทบรุนแรงเนื่องจากคนอเมริกันกำลังเข้าสู่ช่วงออกเดินทางกันอย่างคึกคักในเทศกาลวันขอบคุณพระเจ้าปลายเดือนนี้
พัฒนาการที่เกิดขึ้นครั้งนี้ ถือเป็นความคืบหน้าอย่างสำคัญบนเส้นทางมุ่งสู่การยุติการปิดทำการหน่วยงานรัฐบาลกลางสืบเนื่องจากไม่มีงบประมาณ หรือที่เรียกกันว่า “ชัตดาวน์” ซึ่งลากยาวมาเป็นเวลา 40 วันแล้ว โดยที่งบใช้จ่ายของโครงการต่างๆ ของรัฐบาลกลางสหรัฐฯต้องติดขัดหรือหยุดชะงัก รวมทั้งยังทำให้การเดินทางทางอากาศตลอดจนอุตสาหกรรมจำเป็นอื่นๆ อยู่ในอาการสะดุด
การผ่าทางตันคราวนี้เกิดขึ้นในตอนดึกวันอาทิตย์ หลังจาก ส.ว.เดโมแครตจำนวนหนึ่งสามารถทำข้อตกลงกับพวก ส.ว.รีพับลิกันที่ครองเสียงข้างมากในสภาสูง ในเรื่องการผ่านร่างกฎหมายงบประมาณฉบับฉุกเฉินชั่วคราว ซึ่งจะอนุมัติเงินใช้จ่ายแก่รัฐบาลกลางไปจนถึงเดือนมกราคมปีหน้า ตลอดจนร่างกฎหมายงบประมาณอื่นๆ ที่ได้รับความเห็นชอบจากทั้ง 2 พรรคอยู่แล้วอีก 3 ฉบับ โดยแลกเปลี่ยนกับคำมั่นสัญญาที่รีพับลิกันจะให้มีการโหวตในเวลาต่อไปเพื่อขยายอายุมาตรการคืนภาษีตามรัฐบัญญัติประกันสุขภาพที่กำลังจะหมดอายุลงในวันที่ 1 มกราคม
นอกจากนั้น ร่างงบประมาณชั่วคราวนี้ยังจะมีข้อห้ามหน่วยงานรัฐบาลกลางทั้งหลายปลดพนักงานลูกจ้าง จนกระทั่งถึงวันที่ 30 มกราคม ซึ่งถือเป็นชัยชนะสำหรับพวกสหภาพแรงงานพนักงานลูกจ้างรัฐบาลกลางทั้งหลาย และก็เป็นการยับยั้งทรัมป์ที่ประกาศจะถือโอกาสชัตดาวน์ครั้งนี้ในการลดจำนวนพนักงานลูกจ้างรัฐบาลกลางลงไปอีก
มี ส.ว.เดโมแครต 7 คน และ ส.ว.อิสระที่มักลงคะแนนแบบเดียวกับชาวเดโมแครตอีก 1 คน โหวตสนับสนุนญัตติของฝ่ายรีพับลิกันที่ให้ใช้กระบวนการอันรวบรัดในการพิจารณาผ่านร่างงบประมาณรายจ่ายฉบับฉุกเฉินชั่วคราว แต่ก็เพียงพอให้ญัตตินี้ผ่านไปได้ด้วยคะแนน 60 ต่อ 40 และดังนั้นจึงหมายความว่า ในการลงมติเพื่อผ่านร่างงบประมาณนี้ในวุฒิสภา จะต้องการคะแนนเสียงข้างมากตามปกติเท่านั้น ไม่ใช่ต้องได้ถึง 60 เสียงอีกต่อไป โดยที่ในปัจจุบัน ฝ่ายรีพับลิกันก็ครองเสียงเหนือกว่าฝ่ายเดโมแครตอยู่แล้ว 53 ต่อ 47 เสียง
อย่างไรก็ดี คาดกันว่าการผลักดันให้ร่างงบประมาณฉบับฉุกเฉินชั่วคราวผ่านสภาสูง ยังอาจต้องใช้เวลาอีกหลายวัน รวมทั้งต่อจากนั้นยังจะต้องได้รับการอนุมัติจากสภาผู้แทนราษฎร ถึงแม้ไม่น่าจะเป็นปัญหาอะไรมาก เพราะรีพับลิกันครองเสียงเกินกึ่งหนึ่งอยู่เช่นกัน แล้วจึงส่งไปให้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ลงนามประกาศใช้เป็นกฎหมาย
ขณะที่ข่าวการประนีประนอมกันได้นี้ปรากฏออกมา ทรัมป์ซึ่งเพิ่งกลับมาถึงทำเนียบขาวภายหลังใช้เวลาช่วงสุดสัปดาห์ที่คฤหาสน์มาร์-อา-ลาโก ของเขาในรัฐฟลอริดา ได้กล่าวกับพวกผู้สื่อข่าวว่า “ดูเหมือนเรากำลังใกล้เอามากๆ ที่จะยุติการชัตดาวน์ได้แล้ว”
ทางด้าน ทิม เคน วุฒิสมาชิกพรรรคเดโมแครตจากรัฐเวอร์จิเนีย ซึ่งเป็น 1 ใน 8 ส.ว.ที่สนับสนุนมาตรการนี้ เผยว่า เขาต้องการให้ระงับการลงโทษพนักงานลูกจ้างรัฐบาลกลาง และสำทับว่า ร่างกฎหมายนี้จะกำหนดให้รัฐบาลกลางต้องให้เงินสนับสนุนโครงการต่างๆ ระดับเดียวกับช่วงก่อนชัตดาวน์ รวมทั้งปกป้องพนักงานลูกจ้างรัฐบาลจากการถูกปลดออกโดยไม่มีเหตุผล และรับประกันว่า พนักงานลูกจ้างรัฐบาลจะได้รับค่าตอบแทนที่ค้างอยู่จากช่วงชัตดาวน์ตามที่กฎหมายกำหนด
อย่างไรก็ตาม ทางพวกผู้นำเดโมแครตในวุฒิสภา ไม่ได้เห็นดีเห็นงามกับการประนีประนมอคราวนี้ ชัค ชูเมอร์ ส.ว.เดโมแครต ที่เป็นผู้นำเสียงข้างน้อยในวุฒิสภา ได้ออกเสียงค้านญัตติของฝ่ายรีพับลิกัน โดยเห็นว่าทางเดโมแครตควรต้องยืนหยัดต่อไป เพื่อให้รีพับลิกันยอมอ่อนข้อในเรื่องการต่ออายุกฎหมายประกันสุขภาพอย่างชัดเจน เขาบอกว่า รีพับลิกันใช้เวลาตลอด 10 เดือนที่ผ่านมาเพื่อทำลายระบบประกันสุขภาพ ทำให้ต้นทุนการประกันสุขภาพพุ่งโด่ง และสร้างความยากลำบากให้ครอบครัวคนอเมริกัน
ในทางกลับกัน จอห์น ธูน ส.ว.รีพับลิกัน ที่เป็นผู้นำเสียงข้างมากในสภาสูง มองว่า ความคืบหน้านี้จะทำให้ความไม่แน่นอนที่ยืดเยื้อมา 40 วันสิ้นสุดลง โครงการความช่วยเหลือด้านอาหารและอื่นๆ จะได้รับการสนับสนุนทางการเงินอย่างเต็มที่อีกครั้ง
ในอีกด้านหนึ่ง เมื่อวันอาทิตย์เช่นกัน ฌอน ดัฟฟี รัฐมนตรีคมนาคม เตือนว่า หากการชัตดาวน์ยืดเยื้อต่อไป อาจต้องระงับเที่ยวบินเพิ่มขึ้น ขณะที่คนอเมริกันเตรียมออกเดินทางในช่วงเทศกาลวันขอบคุณพระเจ้าในช่วงปลายเดือนนี้
ทั้งนี้ จากข้อมูลของแพลตฟอร์มติดตามการบิน ไฟลต์อะเวย์ เที่ยวบินภายในประเทศและระหว่างประเทศของอเมริกาที่ถูกยกเลิกจนถึงช่วงค่ำวันอาทิตย์มีจำนวนเกิน 3,000 เที่ยวบิน และล่าช้ามากกว่า 10,000 เที่ยวบิน
(ที่มา: เอเอฟพี/เอพี/รอยเตอร์ )


