สหรัฐฯรับปากเกี่ยวกับความร่วมมือด้านความมั่นคงในภูมิภาค ธำรงไว้ซึ่งความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจทั้งด้านการค้าและการลงทุนกับกัมพูชา พร้อมเน้นย้ำว่าประเทศแห่งนี้เป็นพันธมิตรสำคัญในภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก ความเคลื่อนไหวซึ่งไม่ขึ้นไม่กี่วันก่อนมีข่าวว่า รัฐบาลอเมริกาจะมอบเงินช่วยเหลือพนมเปญในโครงการกู้ทุ่นระเบิด ท่ามกลางความตึงเครียดกับไทย พันธมิตรที่ยาวนานของวอชิงตัน
สำนักข่าวแคมโบเดียเนสส์ รายงานว่า อดัม สมิธ สมาชิกสภาคองเกรสสหรัฐฯ ซึ่งเป็นสมาชิกในคณะกรรมาธิการการทหารของสภาผู้แทนราษฏร พูดถึงประเด็นต่างๆนานาข้างต้น ขณะเดินทางเยือนกัมพูชา ระหว่างวันที่ 26 กันยายน ถึง 27 กันยายน ที่ผ่านมา โดยระหว่างนั้นเขาได้พบปะกับนายกรัฐมนตรีฮุน มาเน็ต และเจ้าหน้าที่ระดับสูงของกระทรวงกลาโหม, กระทรวงพาณิชย์ รวมถึงกระทรวงการต่างประเทศและความร่วมมือระหว่างประเทศ ของกัมพูชา
แคมโบเดียเนสส์ รายงานระบุว่า ฮุน มาเน็ต เปิดเผยผ่านเฟซบุ๊กในวันที่ 26 กันยายน ว่าสหรัฐฯยกย่องเป็นอย่างสูงในความสัมพันธ์ระหว่าง 2 ประเทศ และการเติบโตทางเศรษฐกิจของกัมพูชา และการเดินทางเยือนของ สมิธ มีเจตนาเพื่อกระชับความสัมพันธ์ต่างๆเพิ่มเติม
"ความสัมพันธ์ระหว่างกัมพูชาและสหรัฐฯเน้นแฟ้นมากในหลายภาคส่วน ในนั้นรวมถึงความเชื่อมโยงระหว่างภาคเอกชนของทั้ง 2 ชาติ" ฮุน มาเน็ต โพสต์ข้อความบนบัญชีเฟซบุ๊กอย่างเป็นทางการ
นายกรัฐมนตรีรายนี้เน้นย้ำเสียงชื่นชมของกัมพูชา ที่มีต่อประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เกี่ยวกับบทบาทของผู้นำสหรัฐฯที่ช่วยกัมพูชาและไทยบรรลุข้อตกลงหยุดยิง ซึ่งช่วยปกป้องชีวิตทั้งพลเรือนและทหารหลายพันชีวิต ระหว่างความขัดแย้งติดอาวุธเมื่อเร็วๆนี้ ตามแนวชายแดนของทั้ง 2 ประเทศ
ฮุน มาเน็ต ได้เน้นย้ำว่ากัมพูชาภายใต้การนำของเขา มีพันธสัญญาต่อการหาทางออกจากความขัดแย้งอย่างสันติ และผ่านช่องทางนานาชาติ
รายงานของแคมโบเดียเนสส์ ระบุต่อว่า ในการพบปะกันระหว่าง ฮุน มาเน็ต กับ สมิธ ทั้ง 2 ฝ่ายได้มองหาโอกาสใหม่ๆในการหล่อหลอมความร่วมมือในภาคหลักๆ อย่างเช่นเศรษฐกิจ, การลงทุน, กลาโหม, ความมั่นคงและการศึกษา รวมถึงรับมือกับความท้าทายต่างๆนานาของโลก ส่งเสริมเสถียรภาพในภูมิภาคและความร่วมมือด้านความมั่นคง
อ้างอิงรายงานที่เผยแพร่โดยสถานทูตสหรัฐฯเมื่อวันที่ 26 กันยายน การเดินทางเยือนของสมาชิกสภาคองเกรส สมิธ มีเป้าหมายเพื่อเสริมความเข้มแข็งของความเป็นหุ้นส่วนและสานต่อเป้าหมายร่วมต่างๆนานา เพื่อภูมิภาคอินโด-แปซิฟิกที่แข็งแกร่งกว่าเดิมและปลอดภัยมากขึ้น นอกจากนี้แล้วยังมีการแตะต้องประเด็นสถานการณ์ตามแนวชายแดนกัมพูชาและไทย ในขณะที่อเมริกาหวังเห็นข้อตกลงหยุดยิงระหว่างกัมพูชาและไทย จะก่อสันติภาพที่ทนทานและยั่งยืน
"กัมพูชาคือพันธมิตรหลักในอินโด-แปซิฟิก และการพูดคุยหารือของเขาจะมุ่งเส้นในการสานต่อเป้าหมายร่วมกันต่างๆนานา ในนั้นรวมถึงความมั่นคงในภูมิภาค การเติบโตทางเศรษฐกิจและส่งเสริมค่านิยมร่วม" บริดเจ็ตต์ วอลคเกอร์ อุปทูตสถานทูตสหรัฐฯ ประจำกัมพูชากล่าว
ระหว่างพบปะกับ พล.อ.เตีย เซ็ยฮา รัฐมนตรีกลาโหมกัมพูชา ทาง สมิธ ได้พูดคุยเกี่ยวกับความมั่นคงทางทะเล ต่อต้านอาชญากรรมข้ามชาติ และรับประกันอินโด-แปซิฟิกที่เสรีและเปิดกว้าง ขณะที่สถานทูตสหรัฐฯระบุในเอกสารที่เผยแพร่ออกมา เน้นย้ำว่าอเมริกามุ่งมั่นทำงานร่วมกับกัมพูชา เพื่อสร้างภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก ที่มีความปลอดภัยกว่าเดิมและรุ่งเรืองยิ่งขึ้น
ในการเยือนครั้งนี้ สมิธ ยังได้พบว่ากับรัฐมนตรีพาณิชย์ของกัมพูชา รวมถึงสมาชิกประชาคมนักธุรกิจสหรัฐฯและสภาหอการค้าอเมริกาในกัมพูชา หารือเกี่ยวกับโอกาสด้านการค้าและการลงทุน
นอกจากนี้แล้ว สมิธ ยังได้เดินทางเยือนสถาบันเทคนิคปฏิบัติการทุ่นระเบิดของกัมพูชา ในจังหวัดกำปงชนัง แสดงออกถึงจุดยืนของสหรัฐฯ สำหรับสนับสนุนกัมพูชา ในความพยายามเก็บกู้กับระเบิด เพื่อให้ผืนดินมีความปลอดภัยขึ้นสำหรับชาวกัมพูชาและผลักดันการพัฒนาทางเศรษฐกิจ
ทั้งนี้หลังจากการเดินทางเยือนดังกล่าวไม่กี่วัน สถานทูตอเมริกาประจำกัมพูชาแถลงเมื่อวันจันทร์(29ก.ย.) ว่าอเมริกาจะอนุมัติเงิน 675,000 ล้านดอลลาร์(ราว 22 ล้านบาท) สำหรับโครงการเก็บกู้ทุ่นระเบิดในกัมพูชา หลังเหตุระงับเงินช่วยเหลือต่างประเทศ เคยก่อข้อสงสัยเกี่ยวกับแรงสนับสนุนในอนาคต ต่อโครงการขจัดกับระเบิดในประเทศแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้แห่งนี้
กัมพูชาคาดมีทุ่นระเบิดและวัตถุระเบิดที่ยังไม่ทำงานระหว่าง 4 ล้านถึง 6 ล้านชิ้น กระจายอยู่ทั่วพื้นที่ชนบท จากความขัดแย้งที่เกิดขึ้นระหว่างปี 1970 - 1998 นับตั้งแต่สิ้นสุดสงครามกลางเมือง มีประชาชนเกือบ 20,000 คนเสียชีวิต และราว 45,000 คน ได้รับบาดเจ็บจากอาวุธสงครามที่ตกค้าง แม้โครงการกู้ทุ่นระเบิดของกัมพูชาจะมีชื่อเสียงในระดับโลกได้ด้านประสิทธิภาพ ตามคำกล่าวอ้างของแคมโบเดียเนสส์
นับตั้งแต่ปี 1993 ทางสหรัฐฯได้สนับสนุนเงินกว่า 220 ล้านดอลลาร์(ราว 7,100 ล้านบาท) สำหรับการกู้ทุ่นระเบิด และได้ร่วมมือกับองค์กร Norwegian People’s Aid หรือเอ็นพีเอ (NPA) และศูนย์ปฏิบัติการกู้ทุ่นระเบิดแห่งชาติกัมพูชา (CMAC) จากการเปิดเผยของสถานทูตอเมริกา
เฮง รัตนา ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการกู้ทุ่นระเบิดแห่งชาติกัมพูชา (CMAC) กล่าวว่า หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศระงับความช่วยเหลือในเดือนกุมภาพันธ์ สหรัฐฯ ได้ออกข้อยกเว้นพิเศษ อนุญาตให้ความช่วยเหลือที่กำหนดไว้แล้ว 6.36 ล้านดอลลาร์ สามารถดำเนินต่อไปได้จนถึงเดือนพฤศจิกายน
เขาบอกต่อว่าเงินทุนก้อนใหม่จะถูกนำไปใช้สำหรับปฏิบัติการกู้ทุ่นระเบิดระหว่างเดือนพฤศจิกายนจนถึงเดือนเมษายนปีหน้า พร้อมแสดงความหวังว่าการเยือนล่าสุดของสมาชิกสภาคองเกรสสหรัฐฯ และการลงนามในข้อตกลงเงินทุนสะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของสหรัฐฯ ในการเดินหน้าความช่วยเหลือด้านเก็บกู้กับระเบิด
(ที่มา:แคมโบเดียเนสส์/เอพี)