คนต่างชาติในญี่ปุ่นอาจอยู่ยากขึ้น หลังกระแสต่อต้านผู้อพยพแพร่สะพัดในประเทศนี้มากขึ้นนับจากพรรคซันเซโตะที่มีแนวทางขวาจัดชูนโยบาย “ญี่ปุ่นต้องมาก่อน” และเก็บชัยชนะงดงามในการเลือกตั้งเมื่อเร็วๆ นี้ และล่าสุดตัวเก็งผู้นำแอลดีพีคนใหม่ที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไปทั้งสองคน ต่างแสดงจุดยืนแข็งกร้าวต่อคนต่างชาติ
กูร์ ซีนัน พนักงานวัย 30 ปีของร้านเคบับตุรกีในเมืองวาราบิ บอกว่า ชอบและดีใจที่ได้ทำงานที่ญี่ปุ่นและอยากอยู่ประเทศนี้นานๆ
เขายังบอกว่า กำลังเรียนภาษาญี่ปุ่น พร้อมชมว่า คนญี่ปุ่นนิสัยดีมาก กระนั้น เขาเริ่มกังวลมากขึ้น ขณะที่พรรคเสรีประชาธิปไตย (แอลดีพี) ซึ่งเป็นพรรครัฐบาลมีกำหนดเลือกผู้นำคนใหม่วันเสาร์ (4 ต.ค.) ที่มีแนวโน้มสูงสุดว่า จะได้เป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไป หลังจากชิเงรุ อิชิบะ ตัดสินใจลาออก
ตัวเก็ง 2 คนคือ ซานาเอะ ทาคาอิจิ ที่มีแนวทางชาตินิยมสุดขั้ว และนักการเมืองรุ่นใหม่ ชินจิโร โคอิซูมิ ต่างแสดงจุดยืนแข็งกร้าวต่อคนต่างชาติ
ทาคาอิจิประกาศว่า ญี่ปุ่นควรทบทวนนโยบายที่ให้การต้อนรับคนต่างชาติที่มีความแตกต่างอย่างสิ้นเชิงด้านวัฒนธรรมและภูมิหลัง
ด้านโคอิซูมิระบุว่า การจ้างงานต่างชาติโดยผิดกฎหมายและความปลอดภัยสาธารณะที่ย่ำแย่ลงกำลังสร้างความกังวลให้คนญี่ปุ่น
การปลุกเร้าเพื่อสร้างสถานการณ์ของนักการเมืองกระแสหลักเป็นสิ่งที่ไม่ค่อยเกิดขึ้นมากนักในญี่ปุ่นที่ถือว่า ปลอดภัยเมื่อเทียบกับประเทศร่ำรวยอื่นๆ อีกทั้งยังมีคนต่างชาติเพียง 3% ของจำนวนประชากรทั้งหมด
ทว่า ชีวิตคนญี่ปุ่นเริ่มยากขึ้น ด้วยภาวะเงินเฟ้อที่บีบเค้นรายได้ และผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งกำลังปลีกตัวออกจากแอลดีพี ซึ่งจะบ่อนทำลายสถานะเสียงข้างมากของพรรคในทั้งสองสภา
ตัวการปลุกกระแสความกังวลเกี่ยวกับคนต่างชาติคือ แนวทาง “ญี่ปุ่นต้องมาก่อน” ของพรรคซันเซโตะที่ทำคะแนนได้ดีมากในการเลือกตั้งเมื่อไม่นานมานี้ และโจมตีว่า ผู้อพยพเป็น “การรุกรานอย่างเงียบกริบ”
ซันเซโตะโทษว่า ผู้อพยพ และนักท่องเที่ยวที่มีจำนวนเพิ่มขึ้นทำสถิติ นำมาซึ่งปัญหามากมาย เช่น ราคาอสังหาริมทรัพย์แพงขึ้นจนถึงนิสัยการขับรถแย่ๆ
ซาดาฟูมิ คาวาโตะ ศาสตราจารย์กิตติคุณของมหาวิทยาลัยโตเกียว ชี้ว่า ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งที่สนับสนุนแอลดีพีดั้งเดิมจำนวนมากหวั่นไหวกับข้อกล่าวอ้างดังกล่าว และเสริมว่า รายการทีวีช่วงเช้าและกลางวันมักเล่นข่าวพฤติกรรมเลวร้ายของคนต่างชาติ ซึ่งได้รับความสนใจจากประชาชนทั่วไป
ปัจจุบัน ญี่ปุ่นเข้าสู่ภาวะสังคมสูงวัย แถมประชากรยังลดลง การสำรวจความคิดเห็นของนิกเกอิพบว่า ซีอีโอ 97.9% ต้องการให้รัฐบาลเปิดรับแรงงานต่างชาติเพิ่มขึ้น
ที่วาราบิที่มีคนต่างชาติอาศัยอยู่ 12.4% ของประชากรทั้งหมด ซีนันบอกว่า เขาไม่ได้ถูกต่อต้านแต่อย่างใด
อัลโยรัค อิสมาอิล ยาซัล เพื่อนร่วมงานวัย 29 ปี เห็นด้วย และบอกว่า สิ่งที่ยากขึ้นคือ การหางานทำในญี่ปุ่น
วาราบิและเมืองคาวากูชิที่อยู่ใกล้กันเป็นที่ตั้งชุมชุมชาวเคิร์ดขนาดใหญ่ที่กลายเป็นเป้าหมายการโจมตีของกลุ่มที่ต่อต้านผู้อพยพ
สมาคมวัฒนธรรมเคิร์ดในญี่ปุ่นที่คาวากิเผยว่า ได้รับข้อความจากพวกขวาจัดและเกลียดต่างชาติกลุ่มเล็กๆ ที่เรียกชาวเคิร์ดว่า “ขยะ”
กลุ่มดังกล่าวระบุว่า ญี่ปุ่นมีปัญหาเชิงโครงสร้าง เช่น เศรษฐกิจชะลอตัว อัตราเกิดตกต่ำ และประชากรสูงวัย ที่ดำเนินมาเกือบ 30 ปี และยังไม่พบทางออกที่เป็นจริง แต่กลับมีการปลุกระดมธีมปัญหาจากต่างชาติปลอมเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของประชาชน
บรรยากาศนี้ยังลุกลามออกนอกบริบททางการเมือง โดยเมื่อเดือนที่แล้วหน่วยงานบรรเทาทุกข์ระหว่างประเทศของญี่ปุ่นยกเลิกโครงการแลกเปลี่ยนด้านสังคมและวัฒนธรรมกับ 4 ประเทศแอฟริกา ส่งผลให้มีอีเมลและโทรศัพท์ติดต่อเข้าไปเป็นจำนวนมากจากผู้ที่เชื่อผิดๆ ว่า เป็นนโยบายการเข้าเมืองใหม่
นอกจากนั้นยังมีรายงานว่า เมืองคิตะคิวชูได้รับการร้องเรียนจำนวนมาก หลังมีการกล่าวอ้างผิดๆ ว่า มีการจัดเตรียมอาหารเที่ยงที่เป็นมิตรกับชาวมุสลิมในโรงเรียน
ทั้งนี้ ประชาชนในวาราบิเข้ากันได้ดีกับผู้มาใหม่ แม้มีความขัดแย้งบ้าง เช่น เรื่องการแยกขยะ
โคเฮอิ โตโยดะ วัย 66 ปี ทิ้งท้ายว่า การปฏิเสธคนต่างชาติโดยสิ้นเชิงแบบประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของอเมริกา เป็นการกระทำที่แย่ แต่ญี่ปุ่นคงไม่สามารถอ้าแขนรับคนต่างชาติทั้งหมด
(ที่มา: เอเอฟพี)