xs
xsm
sm
md
lg

เขมรเริ่มสติแตก!โวยแหลกสื่อระดับโลกเข้าข้างไทย คนไทยหัวอ่อนเชื่อข่าวบิดเบือน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



แคมโบเดียเนสส์ รายงานในเหตุปะทะตามแนวชายแดนกัมพูชาและไทยเมื่อช่วงปลายเดือนกรกฏาคม ไม่ใช่แค่การต่อสู้กันด้วยปืนใหญ่และแสนยานุภาพทางอากาศเท่านั้น แต่มันยังเป็นการสู้รบกันในหนังสือพิมพ์ หน้าจอโทรทัศน์และทั่วสื่อสังคมออนไลน์ พร้อมส่งเสียงโวยสื่อระดับโลกทั้งหลาย ให้ความสำคัญกับเรื่องเล่าของไทยมากกว่า และประชาชนคนไทยก็เชื่อตามนิยายคำบอกเล่าเหล่านั้น

รายงานของแคมโบเดียเนสส์ โวยวายว่าสุ้มเสียงของกัมพูชาผลักไสไล่ส่ง ผิดกับเรื่องเล่าของไทยกลายเป็นเรื่องใหญ่ และที่เลวร้ายกว่านั้น สำนักข่าวตะวันตกบางแห่งเพียงแค่ถ่ายทอดเรื่องเล่าแบบเดียวกันเหล่านั้นเฉยๆ ตอกย้ำให้เห็นอย่างชัดเจนว่าพวกเขาคิดว่ามันเป็นความจริงที่ได้รับการพิสูจน์แล้ว

แคมโบเดียเนสส์ บอกว่าข้อเป็นจริงมันซับซ้อนมากกว่าข่าวพาดหัว ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ พิพากษา 2 ครั้ง ครั้งแรกในปี 1962 และอีกครั้งในปี 2013 ว่าประสาทพระวิหารและพื้นที่โดยรอบเป็นของกัมพูชา (ข้อเท็จจริงคือ ศาลโลก ไม่ได้พิพากษาชี้ขาดเรื่องเส้นแดนระหว่างประเทศ และไม่ได้ตัดสินว่าเขตแดนต้องเป็นไปตามแผนที่มาตราส่วน 1 : 200,000)

สืบเนื่องจากคำอธิบายในคำพิพากษา จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมพื้นที่โดยรอบจึงยังอ่อนไหวอย่างมาก ตามรายงานของแคมโบเดียเนสส์ พร้อมระบุเมื่อครั้งทหารไทยและทหารกัมพูชาเปิดฉากปะทะกันในช่วงปลายเดือนกรกฏาคม รายงานข่าวของฝั่งไทยทำราวกับว่าข้อสงสัยทางกฎหมายดังกล่าวไม่มีอยู่จริง

แคมโบเดียเนสส์ อ้างว่ารูปแบบการรายงานข่าวลักษณะนี้ของสื่อมวลชนเริ่มเห็นได้ชัดขึ้นเรื่อยๆ ในนั้นรวมถึงกรณีที่หนังสือพิมพ์บางกอกโพสต์พาดหัวข่าวว่า "ทหารกัมพูชายั่วยุให้ตอบโต้ อ้างอิงคำกล่าวของกองทัพไทย" และ "กัมพูชาใช้พลเรือนรุกรานดินแดนไทย"

นอกจากนี้แล้วแคมโบเดเนสส์ ยังโวยวายกรณีที่หนังสือพิมพ์เดอะเนชัน พาดหัวข่าวว่า "กองทัพไทยรายงานเหตุระเบิดและยิงปืนใกล้ชายแดนกัมพูชา" และ "จะไม่มีการกลับมาเปิดชายแดนจนกว่ากัมพูชาจะหยุดเป็นภัยคุกคาม" ซึ่งพาดหัวข่าวเหล่านี้ เป็นการส่งสารแบบเดียวกัน นั่นคือ "กัมพูชาเป็นผู้ก่อปัญหา ส่วน ไทย แค่ป้องกันตนเองเฉยๆ"

สำนักข่าวแคมโบเดียเนสส์ โวยวายต่อว่าภาษาที่ใช้นั้นบอกเรื่องราวได้เป็นอย่างดี ครั้งที่ทหารไทยเคลื่อนไหวหรือเป็นฝ่ายยิง มันจะถูกให้คำจำกัดความว่าเป็นการ "ตอบสนอง" หรือ "ตอบโต้" แต่ครั้งที่กัมพูชาถูกกล่าวหาว่าทำแบบเดียวกัน สื่อมวลชนเหล่านั้นมักใช้ถ้อยคำที่รุนแรงกว่าอย่างเช่น "ยั่วยุ, ล่วงละเมิด และรุกราน"

ทางแคมโบเดียเนสส์ คร่ำครวญว่าพบเห็นความเป็น 2 มาตรฐานในรายงานข่าวของสื่อมวลชนไทยเกือบทั้งหมด เมื่อพวกเขารายงานในสิ่งที่รัฐบาล 2 ชาติพูด พวกเขาจะหยิบยกถ้อยแถลงนั้นและให้คำจำกัดความว่ามันเป็นข้อเท็จจริงในทันที โดยปราศจากการชั่งน้ำหนักอย่างเท่าเทียมกับคำพูดของอีกฝ่าย

ในส่วนรายงานข่าวของสื่อมวลชนตะวันตก ทางแคมโบเดียเนสส์ชี้ว่าก็ไม่ต่างกันเท่าไหร่ โดยในวันแรกๆของเหตุปะทะสำนักข่าวนานาชาติบางแห่ง ในนั้นรวมถึงรอยเตอร์ ให้ความสำคัญเกี่ยวกับคำกล่าวอ้างของไทยที่ว่ากัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิงเป็นเรื่องนำ และเพียงเสริมคำปฏิเสธของฝ่ายกัมพูชาในตอนท้าย แถมบ่อยครั้งยังมีแค่บรรทัดเดียว

นอกจากนี้แล้วรายงานข่าวยังแทบไม่มีการพาดพิงถึงคำตัดสินทางกฎหมายของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ และสำหรับพวกผู้อ่านภาคภาษาอังกฤษแล้ว มันก่อความคิดฝังใจว่ามันเป็นความผิดของกัมพูชามาตั้งแต่ต้น ตามคำกล่าวอ้างของแคมโบเดียเนสส์

แคมโบเดียเนสส์ ระบุว่าความลำเอียงนี้อาจเกิดขึ้นโดยไม่ตั้งใจ แต่มันก่อผลแบบเดียวกันนั่นคือภาพแห่งความลำเอียงในความขัดแย้งนี้

ประเด็นนี้เป็นมากกว่าเรื่องชื่อเสียง คำจำกัดความของสื่อมวลชนเป็นการจัดกรอบความคิดของประชาชนและแนวทางดำเนินการของรัฐบาล ถ้าพลเมืองไทยได้รับการบอกเล่าอย่างต่อเนื่องว่ากัมพูชาเป็นผู้รุกราน เมื่อนั้นก็เป็นเรื่องง่ายสำหรับพวกผู้นำในกรุงเทพฯ ที่จะยกระดับความแข็งกร้าวขึ้น ปิดชายแดนหรือกระทั่งขู่ฉีกข้อตกลงต่างๆนานา

ถ้าข้อตกลงหยุดยิงถูกรายงานในแนวทางที่เน้นย้ำเพียงว่ามีการละเมิดโดยฝ่ายเดียว เมื่อนั้นการเสริมสร้างความไว้วางใจก็กลายเป็นเรื่องยากขึ้น และเมื่อประชาชนชาวกัมพูชาได้อ่านข่าวจากสำนักข่าวต่างประเทศที่เน้นย้ำคำกล่าวอ้างของไทยโดยปราศจากการให้ข้อมูลที่สมดุล ความไม่พอใจก็ขยายวงกว้างมากขึ้นเรื่อยๆ แคมโบเดียเนสส์กล่าวอ้าง

รายงานของแคมโบเดียเนสส์ ระบุว่ากัมพูชาไม่ได้ร้องขอความเห็นใจจากสื่อมวลชนไทยและสื่อมวลชนนานาชาติ แต่กำลังร้องขอการรายงานข่าวที่ยุติธรรม ประชาชนที่ใช้ชีวิตอยู่ตามแนวชายแดน เกษตรกร พ่อค้าแม่ค้า พระสงฆ์และเด็กนักเรียน ที่ถูกบีบให้หลบหนีเมื่อเดือนกรกฏาคม เป็นกลุ่มคนที่ต้องชดใช้ราคาแถงที่สุด เมื่อเรื่องราวต่างๆถูกบอกเล่าผ่านมุมมองที่ลำเอียง

พวกเขาควรสะท้อนความเป็นจริง ไม่ใช่บืดเบือนให้ตรงตามเรื่องเล่าของประเทศใดประเทศหนึ่ง ถ้าสื่อมวลชนไทยและสื่อมวลชนตะวันตกใส่ใจกับหลักจรรยาบรรณจริงๆ พวกเขาควรเริ่มต้นจากรายงานข่าวของตนเอง เพราะในความขัดแย้งนี้ การต่อสู้เพื่อดินแดนเป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งของเรื่องราว การต่อสู้เพื่อความจริงก็สำคัญเช่นกัน และตอนนี้ เรากำลังสูญเสียความเป็นจริงในการต่อสู้มากเกินไปแล้ว แคมโบเดียเนสส์เขียนปิดท้าย

(ที่มา:แคมโบเดียเนสส์)


กำลังโหลดความคิดเห็น