“ฮุนเซน” ปลุกเร้ากลางที่ประชุมวุฒิสภาและสมัชชาแห่งชาติ โอดครวญเขมรเสียดินแดนไปเยอะแล้ว ขอสิทธิปกป้องดินแดนที่เหลือ ฉุน “แม่ทัพภาค 2” แจ้งกัมพูชาถอย 200 เมตรจากจุดปะทะช่องบก ซ้ำรอย “อภิสิทธิ์” ขอให้ถอนจากประสาทพระวิหารปี 54 ยันไม่มีประเทศไหนถอนทหารจากดินแดนของตัวเอง ลั่นนี่ไม่ใช่ปลุกปั่น แต่จะดูว่าใครรักชาติอย่างแท้จริงบ้าง
สำนักข่าวขแมร์ไทมส์ (Khmer Times) รายงานวันนี้(2 มิ.ย.) ว่า สมเด็จฮุนเซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา และประธานวุฒิสภาและสมัชชาแห่งชาติกัมพูชา กล่าวในที่ประชุมวันนี้ว่า "กัมพูชาต้องการรักษาสิทธิในการปกป้องดินแดนของตนเท่านั้น และไม่สามารถยอมให้ใครยึดครองได้"
สมเด็จฮุนเซนกล่าวในเช้าวันที่ 2 มิถุนายน 2025 ในระหว่างการกล่าวสุนทรพจน์ต่อสมัชชาแห่งชาติและวุฒิสภาเกี่ยวกับปัญหาชายแดนระหว่างกัมพูชาและไทย
เขากล่าวว่า "กัมพูชาไม่ต้องการดินแดนของใคร กัมพูชาสูญเสียดินแดนไปมาก กัมพูชาไม่ได้เรียกร้องให้คืนดินแดนของตน อย่างไรก็ตาม กัมพูชาต้องการรักษาสิทธิในการปกป้องดินแดนของตนเท่านั้น และไม่สามารถยอมให้ใครยึดครองได้"
เขากล่าวว่ากัมพูชาได้เจรจากับเวียดนามเพื่อแบ่งเขตแดนเสร็จสิ้นไปแล้ว 84% โดย 16% ที่เหลือยังอยู่ระหว่างการเจรจา และทั้งสองฝ่ายต่างเคารพซึ่งกันและกัน
กัมพูชาและลาวได้เจรจาแบ่งเขตแดนเสร็จสิ้นไปแล้ว 86% โดยอีก 14% ที่เหลืออยู่ระหว่างการเจรจาด้วยความเคารพระหว่างกันทั้งสองฝ่าย
แต่ชายแดนกัมพูชา-ไทย ไม่สามารถทำอะไรสำเร็จเลยมา 25 ปีแล้ว นอกจากการเรียกร้องความสงบ และหากประเด็นละเอียดอ่อนเหล่านี้ไม่ได้รับการแก้ไข เรื่องนี้จะยังคงดำเนินต่อไป
สมเด็จฮุนเซนกล่าวอีกว่า ในการเจรจาที่ดำเนินการโดย พล.อ.เมาะ โสพัน รองผู้บัญชาการทหารสูงสุดและผู้บัญชาการทหารบกกัมพูชา มีข้อตกลงที่ชัดเจน แต่จู่ๆ แม่ทัพภาคที่ 2 ของไทยก็ส่งหนังสือถึงผู้บัญชาการทหารบกกัมพูชา ขอให้ พล.อ.เมาะ โสพัน ถอนทหารออกจากพื้นที่ 200 เมตร ซึ่งในเรื่องนี้ สมเด็จฮุนเซนเน้นย้ำว่ากัมพูชาไม่สามารถถอนทหารออกจากดินแดนของตนได้
สมเด็จฮุนเซนได้กล่าวถึงคำแถลงของ พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ของไทย ที่ขอให้กัมพูชาถอนทหารออกจากพื้นที่สามเหลี่ยมมรกต 200 เมตร ห่างจากจุดปะทะเมื่อเร็วๆ นี้ โดยสมเด็จฮุนเซนกล่าวว่า คำแถลงดังกล่าวซ้ำรอยกับที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรีของไทย เคยเสนอไว้เมื่อปี 2554 ที่ให้ทั้งกัมพูชาและไทยถอนกำลังออกจากพื้นที่โดยรอบปราสาทพระวิหาร
สมเด็จฮุนเซน ยืนยันอย่างหนักแน่นว่า “กัมพูชาไม่สามารถถอนกำลังออกจากดินแดนของตนเองได้ ตรงกันข้ามประเทศไทยต่างหากที่ต้องถอนทหารที่รุกรานออกจากกัมพูชา”
“ไม่มีประเทศใดในโลกที่ถูกขอให้ถอนทหารออกจากดินแดนของตนเอง สามเหลี่ยมมรกตรวมทั้งโรงเรียนที่นั่นเป็นของเรา ผมเคยไปเยี่ยมที่ตรงนั้นเป็นการส่วนตัว เขตแดนของเราไม่ได้อยู่แค่ตรงนั้น ผมเคยเข้าไปไกลกว่านั้นด้วย แล้วทำไมตอนนี้เราถึงถูกบอกให้ถอนทหาร นี่ไม่ใช่การปลุกปั่นให้โกรธกัน แต่เป็นการปกป้องอธิปไตยของชาติ และตอนนี้ เราจะได้เห็นชัดเจนว่าใครรักและปกป้องชาติอย่างแท้จริง”
อย่างไรก็ตาม สมเด็จฮุนเซนย้ำว่า ว่าไม่ควรใช้ประเด็นนี้เป็นเหตุผลในการยุติความร่วมมือระหว่างกัมพูชาและไทยในทุกๆ ด้านที่มีอยู่
ในตอนท้าย สมเด็จฮุนเซนได้กล่าวฝากไปถึงกลุ่มผู้ต่อต้านเขาว่า “นี่ไม่ใช่การปลุกปั่นความโกรธ แต่เป็นเรื่องของอำนาจอธิปไตยของชาติ และตอนนี้เราจะรู้ชัดเจนว่าใครเป็นผู้รักชาติและใครที่รักประเทศอย่างแท้จริง เมื่อเราไม่สู้กลับ พวกเขาก็บอกว่าเราเป็นคนขี้ขลาดและไม่กล้าสู้ เมื่อเราสู้ พวกเขาก็บอกว่าเราใช้ความรุนแรง เมื่อเราไม่บ่น พวกเขาก็บอกว่าเราไม่กล้า เมื่อเราบ่น พวกเขาก็บอกว่าเรากำลังก่อปัญหา นี่คือสิ่งที่พวกไส้ศึก(คนกัมพูชาหัวสุดโต่งที่อยู่ต่างประเทศ)กำลังทำ”