นักวิเคราะห์ด้านภูมิรัฐศาสตร์กัมพูชารายหนึ่ง แสดงความยินดีกับข่าวคราวการเกณฑ์ แต่ขณะเดียวกันก็แสดงความกังวลต่อการให้ความสำคัญกับปริมาณเหนือคุณภาพ ที่อาจเป็นตัวเหนี่ยวรั้งศักยภาพของกองทัพในช่วงเวลาที่ไม่แน่นอนเช่นนี้ พร้อมเรียกร้องกระทรวงกลาโหม สั่งการให้มุ่งเน้นปฏิรูปกองทัพ ยกระดับทักษะขีดความสามารถและยุทโธปกรณ์ให้มีความทันสมัย
เมื่อวันที่ 28 สิงหาคม ทางกระทรวงกลาโหมกัมพูชาแถลงรณรงค์เกณฑ์ทหาร เน้นย้ำว่าการเกณฑ์ทหารดังกล่าวจะดำเนินการบนพื้นฐานความสมัครใจ คำประกาศก่อประเด็นถกเถียงอย่างกว้างขวางเกี่ยวกับเจตนาที่แท้จริงของการเกณฑ์ทหารครั้งนี้ ซึ่งเกิดขึ้นในช่วงเวลาที่ความขัดแย้งความแนวชายแดนกับไทยยังไม่คลี่คลาย
พลโทหญิงมาลี โสเจียตา โฆษกกระทรวงกลาโหมกัมพูชา บอกว่าเป้าหมายของการรณรงค์เกณฑ์ทหาร คือเพื่อทดแทนทหารที่กำลังเกษียณอายุหรือที่เกษียณอายุไปแล้ว ด้วยบุคลากรใหม่ ซึ่งมีความสำคัญอย่างยิ่งในการคงไว้ซึ่งความเข้มแข็งของกองทัพของปรัเทศ
Seng Vanly นักวิเคราะห์ทางภูมิรัฐศาสตร์ในพนมเปญ แสดงความคิดเห็นกับแคมโบเดียเนสส์ ว่าการเกณฑ์ทหารของกองทัพเป็นความเคลื่อนไหวที่ถูกต้อง เปิดทางให้ประเทศวางเป้าหมายปรับปรุงกองทัพให้มีความทันสมัยและเสริมสร้างขีดความสามารถของกองทัพ ทดแทนพวกเกษียณอายุด้วยบุคลากรหนุ่มสาวที่มีคล่องแคล่ว
Vanly บอกว่านายกรัฐมนตรีฮุน มาเน็ต เคยแสดงออกถึงความทะเยอทะยานปรับปรุงกองทัพให้มีความทันสมัย ตั้งแต่ช่วงไม่กี่เดือนหลังศึกเลือกตั้งทั่วไปในปี 2023 และเวลานี้มันควรให้ความสำคัญในระดับสูง โดยที่จุดโฟกัสควรเล็งเป้าไปที่ความล้ำสมัยของอาวุธยุทโธปกรณ์ทางทหารและศักยภาพการสู้รบ ในสมรภูมิที่ยุ่งยากซับซ้อนและท้าทาย
เร็วๆนี้ เมื่อเดือนกรกฏาคม 2025 ฮุน มาเน็ต เรียกร้องให้ปรับโครงสร้างกองทัพเพื่อการเตรียมพร้อมที่ดีกว่าเดิม รับมือกับกัยคุกคามความมั่นคงที่จะโผล่ขึ้นมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการสงครามลูกผสม(hybrid warfare)
ทาง Vanly ชี้ว่า "การปรับปรุงภาคการทหารให้มีความทันสมัยถือเป็นสิ่งที่มีความสำคัญยิ่ง สืบเนื่องจากความตึงเครียดในระดับโลก ในขณะที่โลกหลายขั้วได้กลายเป็นโลกแห่งการผูกขาด ดังนั้นการเตรียมพร้อมเพื่อรับประกันด้านความมั่นคง จึงเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับประเทศต่างๆอย่างเช่นกัมพูชา ที่ล้อมรอบด้วยประเทศต่างๆที่มีกองทัพอันเข้มแข็ง"
อย่างไรก็ตาม Vanly เน้นว่าแม้การเพิ่มจำนวนกำลังพลเป็นสิ่งสำคัญ แต่อาวุธล้ำสมัยและการเสริมสร้างความได้เปรียบในการสู้รบก็ควรได้รับการพิจารณาเป็นอย่างยิ่งเช่นกัน เพื่อความเชื่อมั่นต่อการรับประกันอธิปไตยของประเทศชาติ
สำหรับ Vanly แล้ว การให้สิทธิ์ภาคการทหารปฏิบัติหน้าที่อย่างเป็นอิสระเพื่อปกป้องอธิปไตยของชาติและรับใช้ผลประโยชน์ของประเทศชาติ แทนผลประโยชน์ของนักการเมือง จะเป็นกุญแจสำคัญสำหรับรับประกันกองทัพที่มีประสิทธิภาพ โดยที่ทหารจะอยู่ในสถานะรับประกันความมั่นคงของชาติเท่านั้น
"เราจำเป็นต้องทำให้แน่ใจว่าทหารจะรับใช้ประชาชน และพรรครัฐบาลไม่ควรมีอำนาจในการตัดสินใจเหนือกองทัพ" เขากล่าว
กระนั้นสำนักข่าวแคมโบเดียเนสส์ ระบุว่าความสัมพันธ์ระหว่างกองทัพกับรัฐบาลเป็นเรื่องซับซ้อน เนื่องจากเจ้าหน้าที่ทหารระดับสูงส่วนใหญ่ในตำแหน่งผู้นำกองทัพ ล้วนแต่เป็นสมาชิกของพรรครัฐบาล
กระทรวงกลาโหมกัมพูชาได้รับการจัดสรรงบประมาณมากที่สุดในทุกกระทรวง สำหรับปี 2025 ในจำนวนเกือบ 739 ล้านดอลลาร์(ราว 23,800 ล้านบาท) จากงบประมาณของประเทศชาติทั้งหมดราวๆ 9,320 ล้านดอลลาร์(ราว 300,000 ล้านบาท)
ส่วนหนึ่งในการปรับปรุงกองทัพให้มีความทันสมัย นายกรัฐมนตรีฮุน มาเน็ต สั่งการให้แก้ไขกฎหมายเกณฑ์ทหารภาคบังคับของกัมพูชา ที่ฉบับดั้งเดิมผ่านความเห็นชอบในปี 2006 และให้มีผลบังคับใช้เริ่มตั้งแต่ปี 2026 เป็นต้นไป กฎหมายฉบับนี้กำหนดให้ทั้งผู้ชายและผู้หญิงอายุระหว่าง 18 ปี ถึง 30 ปี ต้องเข้ารับใช้กองทัพเป็นเวลา 18 เดือน แต่ผู้หญิงได้รับอนุญาตให้เป็นไปตามความสมัครใจ ไม่ใช่จากการเกณฑ์ทหาร
(ที่มา:แคมโบเดียเนสส์)