ทรัมป์ประกาศอเมริกาอาจเข้าครอบครองและบริหารโรงไฟฟ้านิวเคลียร์หลายๆ แห่งในยูเครน โดยจะเป็นส่วนหนึ่งของการผลักดันข้อตกลงหยุดยิงระหว่างมอสโกกับเคียฟ ขณะที่เซเลนสกียอมรับเพียงว่า อเมริกาจะเข้าเทกโอเวอร์โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ในซาโปริซเซีย ซึ่งรัสเซียยึดครองอยู่เพียงแห่งเดียว
ภายหลังหารือทางโทรศัพท์เป็นเวลาชั่วโมงเศษกับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของอเมริกาเมื่อวันพุธ (19 มี.ค.) ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกีของยูเครน ระบุว่า เคียฟพร้อมพักการโจมตีเครือข่ายพลังงานและโครงสร้างพื้นฐานของรัสเซีย หลังจากเมื่อวันอังคาร (18 ) ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูตินของรัสเซีย ได้ประกาศหลังพูดคุยทางโทรศศัพท์เป็นเวลาชั่วโมงกว่ากับทรัมป์เช่นกัน ตกลงระงับการโจมตีเป้าหมายแบบเดียวกันนี้ในยูเครน
เซเลนสกีบอกว่า ยูเครนจะร่างรายชื่อโรงไฟฟ้า รวมถึงโครงสร้างพื้นฐานด้านรถไฟและท่าเรือที่อยู่ภายใต้ข้อตกลงหยุดยิงที่วอชิงตันเป็นตัวกลางในการเจรจา
ผู้นำเคียฟเสริมว่า เจ้าหน้าที่ยูเครนและอเมริกาจะพบกันวันใดวันหนึ่งปลายสัปดาห์นี้ที่ซาอุดีอาระเบีย ขณะที่มีรายงานล่าสุดว่าทีมหารือรัสเซียและอเมริกานัดพบกันเช่นเดียวกันตอนต้นสัปดาห์หน้า
เซเลนสกียังระบุว่า ได้หารือกับทรัมป์ในเรื่องแผนการให้สหรัฐฯ เข้าควบคุมโรงไฟฟ้าในยูเครน แต่เป็นโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ในแคว้นซาโปริซเซียเพียงแห่งเดียว ซึ่งขณะนี้อยู่ในความควบคุมของฝ่ายรัสเซีย นอกจากนั้นเขาสำทับว่า ไม่รู้สึกว่า ถูกทรัมป์กดดันให้ยอมอ่อนข้อให้รัสเซีย
ทว่า คำแถลงจากคณะบริหารสหรัฐฯ กลับระบุว่า ทรัมป์เสนอกับเซเลนสกีว่า อเมริกาอาจช่วยบริหารจัดการ รวมทั้งอาจเข้าเป็นเจ้าของพวกโรงไฟฟ้านิวเคลียร์และโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานของยูเครน
นอกจากนั้น ไมค์ วอลซ์ ที่ปรึกษาฝ่ายความมั่นคงแห่งชาติ และมาร์โค รูบิโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ได้ออกคำแถลงร่วมกันระบุว่า ทรัมป์ได้หารือกับเซเลนสกีเกี่ยวกับซัปพลายกระแสไฟฟ้าและโรงไฟฟ้าของยูเครน ทั้งนี้ การที่อเมริกาจะเข้าเป็นเจ้าของโรงงานเหล่านั้น จะเป็นการคุ้มครองโครงสร้างพื้นฐานดังกล่าวที่ดีที่สุด
คำแถลงยังระบุว่า ทรัมป์รับปากจะช่วยให้ยูเครนได้รับระบบป้องกันภัยทางอากาศจากยุโรปเพิ่มขึ้น รวมทั้งค้นหาพวกเด็กยูเครนที่ถูกรัสเซียลักพาตัวไป
ทางด้านทรัมป์กล่าวว่า การคุยกับเซเลนสกี “ยอดเยี่ยมมาก” ทั้งที่เมื่อปลายเดือนที่แล้วทั้งคู่เพิ่งเถียงกันต่อหน้ากล้องทีวีในห้องทำงานรูปไข่
ก่อนหน้านั้นผู้นำสหรัฐฯ โพสต์บนแพลตฟอร์มทรูธ โซเชียลของตนเองว่า ความพยายามในการบรรลุข้อตกลงหยุดยิงอย่างสมบูรณ์ “คืบหน้าไปมาก”
อย่างไรก็ตาม ในสายตาของเซเลนสกีและฝ่ายตะวันตกที่หนุนหลังเขา อุปสรรคสำคัญในการจัดทำข้อตกลงหยุดยิงในยูเครนอย่างครอบคลุม คือการที่ปูตินยืนกรานระหว่างหารือทางโทรศัพท์กับทรัมป์เมื่อวันอังคารว่า ตะวันตกจะต้องยุติการให้ความช่วยเหลือด้านการทหารและข่าวกรองทั้งหมดแก่ยูเครน และเคียฟต้องไม่ระดมพลและจัดหาอาวุธเพิ่มระหว่างที่มีการหยุดยิง
มอสโกและวอชิงตันยังมีความเห็นแตกต่างกันเกี่ยวกับผลการหารือระหว่างปูตินกับทรัมป์ครั้งนี้ โดยเครมลินระบุว่า มีการหารือและตกลงกันเรื่องการระงับการโจมตีโรงไฟฟ้ายูเครน 30 วันเท่านั้น แต่ทำเนียบขาวกลับยืนกรานว่า การเจรจาครอบคลุมทั้งเครือข่ายพลังงานและโครงสร้างพื้นฐานด้านพลเรือนอื่นๆ
ในอีกด้านหนึ่ง บรรดาผู้นำทางการทหารจาก 30 ชาตินัดประชุมที่อังกฤษในวันพฤหัสฯ (20) เพื่อหารือเกี่ยวกับแผนการตั้งกองกำลังรักษาสันติภาพในยูเครน
นายกรัฐมนตรีเคียร์ สตาร์เมอร์ของอังกฤษ และประธานาธิบดีเอมมานูเอล มาครงของฝรั่งเศส ต่างแสดงความเต็มใจที่จะส่งทหารของตนเองไปยูเครน นอกจากนั้นรัฐบาลอังกฤษยังเผยว่า มีหลายประเทศที่พร้อมดำเนินการแบบเดียวกัน แต่ไม่ได้ระบุชัดเจนว่า มีกี่ประเทศที่จะเข้าร่วมด้วย ถึงแม้ฝ่ายรัสเซียประกาศกร้าวว่าไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้ โดยสำทับว่าหากมีการส่งกองทหารต่างชาติเข้าไปในยูเครนในสภาพเช่นนี้ มอสโกก็จะถือว่าเป็นกองกำลังฝ่ายศัตรู
ในวันพฤหัสฯ เช่นกัน บรรดาผู้นำสหภาพยุโรป ยังเตรียมหารือที่บรัสเซลส์เกี่ยวกับสงครามในยูเครนที่ล่วงเลยมากว่า 3 ปี รวมถึงประเด็นศักยภาพทางการทหารของกลุ่มขณะที่ต้องเผชิญหน้ากับรัสเซีย ขณะที่ไม่สามารถพึ่งพาพันธมิตรเก่าแก่อย่างอเมริกาภายใต้คณะบริหารของทรัมป์ได้เหมือนเดิม
(ที่มา : เอเอฟพี/รอยเตอร์)