ชมคลิป : ความไม่สงบในเวเนซุเอลาทำท่าขยายตัว ประท้วงและปะทะกันในเมืองหลวง แถมฝ่ายค้าน-ฝ่าย รบ.ต่างนัดมวลชนชุมนุมใหญ่

ฝ่ายค้านและฝ่ายสนับสนุนประธานาธิบดีนิโกลัส มาดูโร แห่งเวเนซุเอลา ต่างวางแผนจัดการชุมนุมใหญ่ในวันอังคาร (30 ก.ค.) ขณะที่การประท้วงและการปะทะกันแพร่กระจายออกไปทั่วตั้งแต่วันจันทร์ (29) โดยที่ตำรวจในกรุงการากัสต้องยิงแก๊สน้ำตาเพื่อสลายฝูงชน และเบื้องต้นมีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 2 คน ทั้งนี้ ความไม่สงบปะทุขึ้นภายหลังการเลือกตั้งเมื่อวันอาทิตย์ (28) ซึ่งทางการประกาศให้ มาดูโร เป็นผู้มีชัย ถึงแม้ทางฝ่ายค้านก็อ้างเช่นกันว่าชนะแบบถล่มทลาย รวมทั้งมีหลักฐานพิสูจน์เรื่องนี้ด้วย


ภาวะไร้เสถียรภาพที่เกิดขึ้นมาใหม่ในชาติผู้ผลิตน้ำมันในอเมริกาใต้รายนี้ ก่อให้เกิดปฏิกิริยาตอบสนองแบบแตกแยกไปกันคนละทางจากนานาชาติ โดยที่สหรัฐฯ บอกว่าการประกาศผลเลือกตั้งที่ มาดูโร ชนะอีกสมัยหนึ่งเป็นเรื่องที่ไม่มีความน่าเชื่อถือเลย พร้อมกับพิจารณาออกมาตรการแซงก์ชันเพิ่มขึ้น ขณะที่รัสเซียและจีนต่างส่งสารแสดงความยินดีกับผู้นำรัฐบาลแนวทางสังคมนิยมผู้นี้

การประท้วงเริ่มต้นขึ้นภายหลังคณะกรรมการการเลือกตั้งประกาศในวันจันทร์ (29) ว่า มาดูโรชนะได้ครองอำนาจเป็นสมัยที่ 3 ด้วยคะแนนโหวต 51% เป็นการขยายระยะเวลาการปกครองของขบวนการ “ชาบิสตา” ของเขาที่ยืนยาวมา 25 ปีแล้ว

ขณะที่ฝ่ายค้านซึ่งมององค์การจัดการเลือกตั้งแห่งนี้ว่าเป็นเพียงเครื่องมือของรัฐบาลเผด็จการ บอกว่าผลนับคะแนนที่ดำเนินไปได้ 73% ของทั้งหมดซึ่งฝ่ายตนสามารถเข้าถึงก่อนจะถูกฝ่ายรัฐบาลกีดกันขัดขวาง แสดงให้เห็นว่า เอดมุนโด กอนซาเลซ ผู้สมัครของฝ่ายค้านได้คะแนนเป็นกว่า 2 เท่าตัวของเสียงโหวตที่มาดูโรได้รับ

ในวันจันทร์ (29) ชาวเวเนซุเอลาหลายพันคนที่โกรธแค้นได้รวมตัวกันบนถนนในย่านต่างๆ ของเมืองหลวง รวมถึงบริเวณใกล้ทำเนียบประธานาธิบดี และในอีกหลายเมืองทั่วประเทศ

ผู้ประท้วงบางคนดึงโปสเตอร์หาเสียงของมาดูโรมาออกมาเผา ขณะที่รูปปั้นฮูโก ชาเบซ อดีตประธานาธิบดีคนก่อนหน้า อย่างน้อย 2 ตัวถูกผู้ประท้วงทำลาย ทั้งนี้ ชาเบซ เป็นผู้ริเริ่มปกครองเวเนซุเอลาแบบสังคมนิยม

ตามรายงานของกลุ่มสังเกตการณ์ความขัดแย้งในเวเนซุเอลา (เวเนซุเอลัน คอนฟลิกต์ ออบเซอร์วาทอรี) ระบุว่า มีการประท้วง 187 จุดใน 20 รัฐ นับจากเวลา 18.00 น. วันจันทร์ รวมทั้งมีการปราบปรามและใช้ความรุนแรงกับผู้ประท้วงโดยกองกำลังกึ่งทหารและกองกำลังความมั่นคง โดยมีรายงานว่า กองกำลังความมั่นคงยิงแก๊สน้ำตาและกระสุนยางเข้าใส่กลุ่มผู้ประท้วง

ทางด้านรอยเตอร์รายงานว่า มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 2 คนที่เกี่ยวข้องกับการนับคะแนนเลือกตั้งและการประท้วง โดยคนหนึ่งเสียชีวิตเมื่อคืนวันอาทิตย์ที่รัฐตาชิลา และอีกคนที่เมืองมาราไกในวันจันทร์

รัฐมนตรีกลาโหม วลาดิมีร์ ปาดริโน เตือนให้ระวังสถานการณ์ซ้ำรอยปี 2014, 2017 และ 2019 ที่ผู้ประท้วงต่อต้านรัฐบาลชุมนุมบนท้องถนนและมีผู้เสียชีวิตนับร้อยคน

ขณะมาดูโร กล่าวปราศรัยจากทำเนียบประธานาธิบดีว่า กองกำลังของรัฐบาลกำลังจัดการกับผู้ประท้วงที่ก่อความรุนแรง ทั้งนี้ กองทัพให้การสนับสนุนมาดูโรมายาวนานและไม่มีสัญญาณว่าจะแปรพักตร์

พวกผู้จัดทำโพลหยั่งเสียงอิสระต่างเรียกชัยชนะในการเลือกตั้งคราวนี้ของมาดูโร เป็นเรื่องเหลือเชื่อไม่สามารถเป็นไปได้ เวลาเดียวกันทั้งรัฐบาลสหรัฐฯ และหลายชาติละตินอเมริกาก็แสดงความข้องใจในผลที่ประกาศออกมานี้ และเรียกร้องให้มีการเปิดเผยผลการนับคะแนนอย่างเต็มๆ ชัดเจน

“แม้กระทั่ง (มาดูโร) ก็ยังไม่เชื่อถือเล่ห์กลการเลือกตั้งที่เขากำลังเฉลิมฉลองอยู่” เป็นคำกล่าวของประธานาธิบดีฮาบิเอร์ มิเลย์ แห่งอาร์เจนตินา ขณะที่เปรูสั่งขับพวกนักการทูตเวเนซุเอลาให้ออกพ้นประเทศภายใน 72 ชั่วโมง ส่วนปานามาระงับความสัมพันธ์กับเวเนซุเอลา

ทางฝ่ายเวเนซุเอลาตอบโต้ด้วยการประกาศว่า จะเรียกนักการทูตกลับจากอาร์เจนตินา ชิลี คอสตาริกา ปานามา เปรู สาธารณรัฐโดมินิกัน และอุรุกวัย รวมทั้งระงับเที่ยวบินไปยังและจากปานามาและสาธารณรัฐโดมินิกัน

อย่างไรก็ตาม เฉกเช่นการแตกแยกในระดับโลกที่เกิดขึ้นมาจนคุ้นเคยกันดีแล้ว พวกชาติที่เป็นมิตร เป็นต้นว่า รัสเซีย จีน และประเทศละตินอเมริกาเอียงซ้ายต่างพากันแสดงการหนุนหลังมาดูโร

“จีนจะสนับสนุนด้วยความหนักแน่นอย่างที่ได้กระทำมาอยู่เสมอ ต่อความพยายามของเวเนซุเอลาในการปกป้องอธิปไตยแห่งชาติ ศักดิ์ศรีแห่งชาติ และเสถียรภาพของสังคม และให้ความสนับสนุนอย่างหนักแน่นแก่การต่อสู้ที่เป็นธรรมของเวเนซุเอลาในการคัดค้านการแทรกแซงจากภายนอก” ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ระบุในสารแสดงความยินดีส่งถึงมาดูโร

ในวันจันทร์ (29) มาเรีย คอรินา มาชาโด ผู้นำฝ่ายค้านของเวเนซุเอลาที่ถูกกีดกันตัดสิทธิไม่ให้ลงเลือกตั้งประธานาธิบดี ได้เรียกร้องผ่านแพลตฟอร์มเอ็กซ์ให้ประชาชนทั่วประเทศออกมาชุมนุมในวันอังคาร (30) เพื่อแสดงการสนับสนุนการเปลี่ยนถ่ายอำนาจอย่างสันติ ขณะที่กอนซาเลซ ย้ำให้ผู้ประท้วงหลีกเลี่ยงการใช้ความรุนแรง

เวลาเดียวกัน จอร์จี โรดริเกซ สมาชิกรัฐสภาจากพรรครัฐบาล และผู้จัดการทีมหาเสียงของมาดูโร เรียกร้องประชาชนเดินขบวนไปยังทำเนียบรัฐบาลเพื่อแสดงการสนับสนุนรัฐบาล และกล่าวหาฝ่ายค้านยั่วยุให้เกิดความรุนแรง

ทั้งนี้ มาดูโร ซึ่งเป็นอดีตคนขับรถเมล์ และรัฐมนตรีต่างประเทศ ขึ้นครองอำนาจหลังการถึงแก่อสัญกรรมของชาเบซเมื่อปี 2013 และการได้รับเลือกตั้งอีกสมัยในปี 2018 ของเขาถูกสหรัฐฯ และชาติพันธมิตรอื่นๆ โจมตีว่าเต็มไปด้วยการทุจริตคดโกง พร้อมประณามเขาว่าเป็นจอมเผด็จการ

ภายใต้การบริหารประเทศของมาดูโร เศรษฐกิจเวเนซุเอลาล่มสลาย ประชาชน 1 ใน 3 อพยพไปอยู่ประเทศอื่น และความสัมพันธ์ทางการทูตกับโลกตะวันตกเสื่อมทรามสุดขีด เวเนซุเอลายังถูกอเมริกา สหภาพยุโรป และอีกหลายประเทศแซงก์ชัน ซึ่งส่งผลกระทบหนักต่ออุตสาหกรรมน้ำมันที่ประสบปัญหาเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว โดยที่มาดูโรอ้างว่า ประเทศของเขาย่ำแย่เช่นนี้ที่สำคัญแล้วเนื่องจากการถูกรุมเล่นงานจากฝ่ายตะวันตก

(ที่มา : รอยเตอร์/เอเอฟพี/เอพี)