xs
xsm
sm
md
lg

ปล่อยคนป่วยบริหารประเทศ!? สื่อดังปูด 'ไบเดน' ปิดเงียบรักษาโรค 'พาร์กินสัน' ทำเนียบขาวรุดปฏิเสธ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ทำเนียบขาวในวันจันทร์ (8 ก.ค.) รุดออกมาปฏิเสธว่าประธานาธิบดีโจ ไบเดน ไม่ได้กำลังรักษาโรคพาร์กินสัน หลังหนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทม์ส รายงานอ้างบันทึกการเข้าพบ ซึ่งเผยให้เห็นว่ามีแพทย์รายหนึ่งที่มีความเชี่ยวชาญด้านโรคเกี่ยวกับความเสื่อมของสมองและระบบประสาทนี้ ได้เดินทางเข้าไปที่ทำเนียบขาว อย่างน้อยๆ 8 ครั้ง ตั้งแต่เดือนสิงหาคมปีก่อน จนถึงมีนาคม 2024

ความกังวลว่าประธานาธิบดีรายนี้การล้มป่วยด้วยโรคหนึ่งมีมากขึ้น นับตั้งแต่ ไบเดน ออกอาการตะกุกตะกัก ระหว่างศึกประชันวิสัยทัศน์รอบแรกกับ โดนัลด์ ทรัมป์ ตัวแทนจากรีพับลิกัน เมื่อวันที่ 27 มิถุนายน นอกจากนี้แล้วเขายังแสดงอาการอ่อนแอและหลงๆ ลืมๆ หลายต่อหลายครั้ง

"ประธานาธิบดีเคยรักษาโรคพาร์กินสันหรือไม่? ไม่เลย เขากำลังรักษาโรคพาร์กินสันหรือเปล่า? ไม่ เขากำลังรับยาสำหรับโรคพาร์กินสันหรือไม่? ก็ไม่เช่นกัน" คาริน ฌอง-ปิแอร์ เลขานุการฝ่ายสื่อสารมวลชนของทำเนียบขาวกล่าวระหว่างแถลงสรุป

ข่าวนี้ถูกเผยแพร่ออกมา ในขณะที่ ไบเดน กำลังต่อสู้กับเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากบรรดาสมาชิกพรรคเดโมแครตบางส่วน ที่บอกว่าเขาขาดความเฉียบแหลมทางสติปัญญาสำหรับเป็นตัวแทนพรรคลงชิงเก้าอี้ประธานาธิบดีกับ ทรัมป์ ในศึกเลือกตั้งวันที่ 5 พฤศจิกายน

นิวยอร์กไทม์สรายงาน ในบันทึกการเข้าพบของทำเนียบขาว พบว่านายแพทย์เควิน แคนนาร์ด นักประสาทวิทยาและผู้เชี่ยวชาญด้านโรคพาร์กินสัน จากศูนย์การแพทย์ทหารวอลเตอร์ รีด เดินทางมายังทำเนียบขาว 8 ครั้ง นับตั้งแต่เดือนสิงหาคมปีก่อน จนถึงเดือนมีนาคมปีนี้ ทั้งนี้ แคนนาร์ด ยังได้พบปะกับนายแพทย์เควิน โอคอนเนอร์ แพทย์ใหญ่ประจำทำเนียบขาว ที่ทำเนียบขาวในเดือนมกราคมด้วยเช่นกัน

ระหว่างแถลงสรุป ฌอง-ปิแอร์ ปฏิเสธยืนยันหรือให้รายละเอียดเกี่ยวกับการเดินทางมาทำเนียบขาวของนายแพทย์แคนนาร์ด อ้างว่าเธออยากเคารพความเป็นส่วนตัวของทุกคนที่เกี่ยวข้อง ในเหตุผลด้านความปลอดภัย

ฌอง-ปิแอร์ กล่าวต่อว่า ไบเดน เคยพบนักประสาทวิทยามาแล้ว 3 ครั้ง ที่เกี่ยวข้องกับการตรวจร่างกายประจำปี เธอไม่อธิบายว่าทำไม แคนนาร์ด ถึงมาที่ทำเนียบขาว แต่บ่งชี้ว่ามันอาจเชื่อมโยงกับการรักษาบุคลากรทางทหารบางนายที่ทำงานอยู่ภายในทำเนียบขาว "มีบุคลากรทางทหารหลายพันนายมาที่ทำเนียบขาว และพวกเขาอยู่ภายใต้การดูแลของหน่วยงานด้านการแพทย์"

(ที่มา : รอยเตอร์)


กำลังโหลดความคิดเห็น