แอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ในวันจันทร์ (24 มิ.ย.) เรียกร้องอิสราเอล ระหว่างประชุมร่วมกับรัฐมนตรีกลาโหมของประเทศแห่งนี้ ให้หลีกเลี่ยงสถานการณ์ลุกลามปานปลายในเลบานอน ความเคลื่อนไหวซึ่งมีขึ้นท่ามกลางวิกฤตร้อนระอุขึ้นเรื่อยๆ ตามแนวชายแดน ในขณะที่มีรายงานว่าพวกนักรบหลายหมื่นคน จากกลุ่มต่างๆ ที่ได้รับการสนับสนุนจากอิหร่านในตะวันออกกลาง พร้อมกรีธาทัพมายังเลบานอน เพื่อร่วมกับฮิซบอลเลาะห์ทำศึกกับอิสราเอล หากสถานการณ์ลุกลามเข้าสู่สงครามเต็มรูปแบบ
โยอาฟ กัลแลนท์ รัฐมนตรีกลาโหมของอิสราเอล อยู่ระหว่างเดินทางเยือนวอชิงตัน เพื่อเน้นย้ำถึงความสัมพันธ์กับพันธมิตรสำคัญที่สุดของอิสราเอลแห่งนี้ หลังจากที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู ส่งเสียงวิพากษ์วิจารณ์สหรัฐฯ ในสิ่งที่เขากล่าวหาว่าพยายามเตะถ่วงการส่งมอบอาวุธ
ในการพูดคุยยาวนานกว่า 2 ชั่วโมง ณ กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ทาง บลิงเคน พูดคุยกับ กัลแลนท์ เกี่ยวกับการเจรจาทางอ้อมระหว่างอิสราเอลกับฮามาส ในข้อตกลงหนึ่งที่รับประกันการปล่อยตัวประกันทั้งหมด และบรรเทาความทุกข์ทรมานของประชาชนชาวปาเลสไตน์ จากการเปิดเผยของแมตธิว มิลเลอร์ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศอเมริกา
ถ้อยแถลงของมิลเลอร์ ระบุด้วยว่า "บลิงเคน ยังเน้นย้ำถึงความสำคัญของการหลีกเลี่ยงสถานการณ์ที่ลุกลามบานปลายมากกว่าที่เป็นอยู่ของความขัดแย้ง และบรรลุทางออกด้านการทูต ที่เปิดทางให้ครอบครัวต่างๆ ทั้งชาวอิสราเอลและเลบานอนสามารถเดินทางกลับสู่ถิ่นพำนักได้"
ความตึงเครียดระหว่างอิสราเอลกับขบวนการติดอาวุธฮิซบอลเลาะห์ของเลบานอน ที่ได้รับการสนับสนุนจากอิหร่าน โหมกระพือหนักหน่วงยิ่งขึ้น ท่ามกลางการยิงปะทะกันแทบทุกวัน
เนทันยาฮู บอกว่ากองกำลังอิสราเอลกำลังลดระดับในส่วนที่เข้มข้นที่สุดของสงครามกาซา และจะโยกย้ายกำลังพลไปประจำการตามแนวชายแดนทางเหนือของประเทศ ติดกับชายแดนเลบานอน แต่เขาให้คำจำกัดความความเคลื่อนไหวดังกล่าวว่าเป็นการป้องกันตนเอง
กัลแลนท์ ยังได้พบปะกับ บิลล์ เบิร์นส์ ผู้อำนวยการซีไอเอ ตัวแทนหลักของสหรัฐฯ ในการเจรจาปล่อยตัวประกันจากฮามาส และเขาได้ให้สัมภาษณ์ก่อนเริ่มการประชุมว่า "ผมอยากเน้นย้ำว่าการพาตัวประกันกลับสู่ครอบครัวและกลับบ้าน คือพันธสัญญาหลักของอิสราเอล ไม่มีข้อยกเว้นใดๆ เราจะเดินหน้าทุกความพยายามที่เป็นไปได้ ในการพาตัวประกันกลับบ้าน"
หลังเสร็จสิ้นการประชุมกับบลิงเคน กัลแลนท์ ไม่ขอแสดงความคิดเห็นเพิ่มเติม ในขณะที่พบเห็นผู้ประท้วงหลายสิบคนรวมตัวกันบริเวณด้านนอกกระทรวงการต่างประเทศ ตะโกนด่าทอเขา เรียกเขาว่าเป็น "อาชญากรสงคราม"
ความเคลื่อนไหวครั้งนี้มีขึ้นในขณะที่สำนักข่าววอยซ์ออฟอเมริกา รายงานว่าพวกนักรบหลายพันหลายหมื่นคนจากกลุ่มติดอาวุธต่างๆ ที่ได้รับการสนับสนุนจากอิหร่านในตะวันออกกลาง พร้อมเดินทางมายังเลบานอน ร่วมมือกับกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ ในการสู้รบกับอิสราเอล หากความขัดแย้งลุกลามบานปลายกลายเป็นสงครามเต็มรูปแบบ
เกิดการยิงปะทะกันเดือบทุกวันตามแนวชายแดนของเลบานอนติดกับทางเหนือของอิสราเอล นับตั้งแต่พวกนักรบฮามาสบุกจู่โจมจากฉนวนกาซา เล่นงานทางใต้ของอิสราเอล เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม อันจุดชนวนสงครามในกาซา
สถานการณ์ในทางเหนือเลวร้ายลงในเดือนนี้ หลังอิสราเอลปฏิบัติการโจมตีทางอากาศ สังหารผู้บัญชาการทหารระดับสูงของฮิซบอลเลาะห์ ทางใต้ของเลบานอน ในขณะที่ ฮิซบอลเลาะห์ ยิงจรวดหลายร้อยลูกซ้ำแล้วซ้ำเล่าและปล่อยโดรนติดระเบิดเข้าเล่นงานทางเหนือของอิสราเอล
พวกเจ้าหน้าที่อิสราเอลขู่เปิดปฏิบัติการทางทหารในเลบานอน หากว่าการเจรจาสำหรับผลักดันให้พวกฮิซบอลเลาะห์ถอยห่างจากแนวชายแดน ลงเอยด้วยการสูญเปล่า
ตลอดทศวรรษที่ผ่านมา พวกนักรบที่ได้รับการสนับสนุนจากอิหร่านในเลบานอน อิรัก อัฟกานิสถานและปากีสถาน ต่างร่วมกันสู้รบในความขัดแย้งยืดเยื้อ 13 ปีในซีเรีย ช่วยสร้างสมดุลอำนาจเอื้อประโยชน์แก่ประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาด ขณะที่ในกรณีล่าสุดพวกเจ้าหน้าที่จากกลุ่มต่างๆ ที่ได้รับการสนับสนุนจากอิหร่าน บอกว่าพวกเขาอาจร่วมมือกันอีกครั้ง และคราวนี้จะเป็นการต่อกรกับอิสราเอล
ฮัสซัน นาสรัลเลาะห์ ผู้นำฮิซบอลเลาะห์ กล่าวเมื่อวันพุธ (19 มิ.ย.) ว่าพวกผู้นำกลุ่มติดอาวุธจากอิหร่าน อิรัก ซีเรีย เยเมนและประเทศอื่นๆ เคนเสนอส่งนักรบหลายหมื่นนายเข้าช่วยฮิซบอลเลาะห์ แต่ได้ปฏิเสธกลับไป เพราะทางกลุ่มมีนักรบพร้อมมากกว่า 100,000 นาย "เราบอกกับพวกเขา ขอบคุณ แต่เรามีจำนวนนักรบท่วมท้นมากมายอยู่แล้ว"
นาสรัลเลาะห์ คุยโวด้วยว่าในการสู้รบในรูปแบบปัจจุบัน ทางฮิซบอลเลาะห์ใช้กำลังพลเพียงแค่เศษส่วนหนึ่งเท่านั้น ซึ่งดูเหมือนจะอ้างถึงกลุ่มนักรบที่มีความเชี่ยวชาญพิเศษด้านการยิงขีปนาวุธและปล่อยโดรน แต่แนวทางนี้อาจเปลี่ยนไปในกรณีที่ระเบิดศึกสงครามเต็มรูปแบบ โดย นาสรัลเลาะห์ เคยแย้มระหว่างกล่าวปราศรัยเมื่อปี 2017 ว่า นักรบจากอิหร่าน อิรัก เยเมน อัฟกานิสถาน และปากีสถาน จะจับมือกันสำหรับทำสงครามหนึ่งๆ
พวกเจ้าหน้าที่จากกลุ่มติดอาวุธในเลบานอนและอิรัก ที่ได้รับการสนับสนุนจากอิหร่าน เคยบอกเช่นกันว่าพวกนักรบที่ได้รับการสนับสนุนจากอิหร่านจากทั่วภูมิภาคจะเข้าร่วมทำศึกด้วย หากสงครามปะทุขึ้นตามแนวชายแดนเลบานอน-อิสราเอล โดยจำนวนหลายพันนายในนักรบเหล่านี้ ได้ประจำการอยู่ในซีเรียอยู่ก่อนแล้ว ดังนั้นจึงเป็นเรื่องง่ายที่จะเล็ดลอดผ่านแนวชายแดนที่มีรูพรุนเข้ามา
อนึ่งบางส่วนในนั้นได้ลงมือโจมตีต่างๆ เล่นงานอิสราเอลและพันธมิตรมาตั้งแต่สงครามระหว่างอิสราเอลกับฮามาส เริ่มต้นขึ้นในวันที่ 7 ตุลาคม โดยกลุ่มต่างๆ ที่มาจากกลุ่มที่เรียกว่า "อักษะแห่งการต่อต้าน (axis of resistance)" บอกว่าพวกเขาใช้ยุทธศาสตร์สมรภูมิที่มีความเป็นหนึ่งเดียวกัน และจะหยุดสู้รบก็ต่อเมื่ออิสราเอลยุติการรุกราน ฮามาส พันธมิตรของพวกเขาในฉนวนกาซา
(ที่มา : เอเอฟพี/วอยซ์ออฟเมริกา)
