Nvidia ผู้ผลิตชิปรายใหญ่ของสหรัฐฯ โค่นบัลลังก์ยักษ์ใหญ่ ‘ไมโครซอฟท์’ กลายเป็นบริษัทที่มีมูลค่าตลาดสูงที่สุดในโลกเมื่อวานนี้ (18 มิ.ย.) หลังโปรเซสเซอร์ระดับไฮเอนด์ที่บริษัทผลิตได้กำลังเข้ามามีบทบาทสำคัญในการช่วงชิงความเป็นหนึ่งด้านเทคโนโลยีเอไอ
ราคาหุ้น Nvidia ไต่ขึ้นอีก 3.5% ไปอยู่ที่ 135.58 ดอลลาร์สหรัฐ/หุ้น ส่งผลให้มูลค่าตลาดพุ่งสูงแตะระดับ 3.335 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ เพียงไม่กี่วันหลังจากที่ Nvidia เพิ่งจะสามารถก้าวแซง “แอปเปิล” ขึ้นมาเป็นเบอร์ 2 ของโลกได้
สำหรับมูลค่าตลาดของไมโครซอฟท์อยู่ที่ 3.317 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยราคาหุ้นปรับลดลง 0.45% ขณะที่หุ้นแอปเปิลร่วงลงกว่า 1% ทำให้บริษัทมีมูลค่าทางการตลาดอยู่ที่ 3.286 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ
แม้อานิสงส์ความแรงของหุ้น Nvidia จะทำให้ดัชนีหุ้นหลักอย่าง S&P 500 และ Nasdaq พุ่งทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ แต่นักลงทุนบางคนเริ่มกังวลว่ากระแสความบูมของเอไออาจอันตรธานหายไปอย่างรวดเร็ว หากปรากฏสัญญาณการลงทุนที่ลดลง
Nvidia กลายเป็นบริษัทที่มีการซื้อขายมากที่สุดในวอลล์สตรีท ด้วยอัตราการหมุนเวียนซื้อขายต่อวัน (daily turnover) เฉลี่ยอยู่ที่ 50,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เมื่อเทียบกับราวๆ 10,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐในกรณีของแอปเปิล ไมโครซอฟท์ และเทสลา ตามข้อมูลจาก LSEG
ราคาหุ้น Nvidia พุ่งขึ้นเกือบ 3 เท่าตัวในปีนี้ เมื่อเทียบกับหุ้นไมโครซอฟท์ที่ขยับขึ้นเพียง 19% โดยมีปัจจัยสำคัญจากกำลังการผลิตโปรเซสเซอร์ระดับคุณภาพเยี่ยมที่ยังคงไม่เพียงพอต่อความต้องการของตลาด ท่ามกลางความพยายามของยักษ์ใหญ่อย่างไมโครซอฟท์ เมตา และอัลฟาเบ็ทซึ่งเป็นบริษัทแม่ของ Google ที่แข่งขันกันอย่างเอาเป็นเอาตายเพื่อที่จะพัฒนาผลิตภัณฑ์เอไอออกสู่ท้องตลาด
การที่ชิปเอไอของ Nvidia ถูกมองว่ามีคุณภาพสูงกว่าคู่แข่งรายอื่นๆ และเป็นที่ต้องการอย่างมากนั้น ทำให้นักลงทุนส่วนใหญ่มองว่า Nvidia คือ “ผู้ชนะรายใหญ่ที่สุด” ในสงครามการแข่งขันด้านเอไอ ณ เวลานี้
“Nvidia กำลังได้รับความสนใจในเชิงบวกอย่างมาก และบริษัทก็เดินเกมหลายอย่างได้ถูกต้อง แต่ความผิดพลาดเพียงเล็กน้อยก็อาจกระทบต่อมูลค่าหุ้น ดังนั้น นักลงทุนจึงต้องระวังเช่นกัน” โอลิเวอร์ เพิร์ช รองประธานอาวุโสของ Wealthspire Advisors ในนครนิวยอร์ก ให้ความเห็น
มูลค่าตลาดของ Nvidia ขยายตัวจาก 1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ กลายเป็น 2 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐภายในระยะเวลาเพียง 9 เดือนเมื่อเดือน ก.พ.ที่ผ่านมา ก่อนใช้เวลาอีกเพียง 3 เดือนในการไต่ระดับสู่หลัก 3 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐเมื่อเดือน มิ.ย.
ผู้บริหาร Nvidia เคยให้สัมภาษณ์ไว้เมื่อเดือน พ.ค.ว่า อุปสงค์ชิปเอไอ Blackwell ของทางบริษัทน่าจะสูงเกินกำลังผลิต “ไปจนถึงปีหน้า”
สัปดาห์ที่แล้ว Nvidia ได้แตกหุ้นในอัตรา 10 ต่อ 1 โดยเริ่มมีผลตั้งแต่วันที่ 7 มิ.ย. ในความเคลื่อนไหวที่คาดว่าจะทำให้หุ้นของบริษัทชิปเอไอแห่งนี้เป็นที่น่าดึงดูดสำหรับนักลงทุนมากขึ้นไปอีก
ที่มา : รอยเตอร์