The Wall Street Journal เผยตลาดหุ้นสหรัฐ และตลาดหุ้นหลายแห่งทั่วโลก ปรับตัวร่วงลงอย่างหนัก หลังจากอิสราเอลตอบโต้กลับอิหร่านด้วยการโจมตีทางอากาศใส่พื้นที่เป้าหมาย ส่งผลให้ ความกังวลเกี่ยวกับความตึงเครียดในตะวันออกกลางเพิ่มสูงขึ้น
โดยล่าสุดดัชนี S&P 500 ปรับตัวร่วงลง -2.2% ปิดตลาดที่ 3,922.25 คะแนน ส่วนดัชนี Nasdaq Composite ร่วงลง -3.1% ปิดตลาดที่ 12,202.38 และดัชนี Dow Jones Industrial Average ร่วงลง -1.9% ปิดตลาดที่ 32,848.71
ขณะที่ราคาในหุ้นกลุ่มพลังงานพุ่งขึ้นอย่างมีนัยสำคัญหลังจากการโจมตีเนื่องจากนักลงทุนกังวลว่าอาจส่งผลกระทบต่อการผลิตน้ำมันในภูมิภาค โดยราคาหุ้นของ Exxon Mobil พุ่งขึ้น +2.3% ขณะที่ราคาหุ้น Chevron เพิ่มขึ้น +2.1% และราคาหุ้น ConocoPhillips พุ่งขึ้น +2.0%
อย่างไรก็ดีนักลงทุนต่างวิตกกังวลว่าการโจมตีของอิสราเอล อาจนำไปสู่การตอบโต้จากอิหร่าน ซึ่งอาจส่งผลร้ายแรงต่อ ตลาดน้ำมัน และ เศรษฐกิจโลก นอกจากนี้นักวิเคราะห์บางคน คาดการณ์ว่า ตลาดหุ้นอาจผันผวนในช่วงสั้นๆ นี้จนกว่าสถานการณ์ในตะวันออกกลางจะคลี่คลายลง
ขณะที่สำนักข่าว ABC รายงานอ้างอิงคำให้สัมภาษณ์ของเจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหรัฐฯ ว่าอิสราเอล เปิดฉากโจมตีตอบโต้ด้วยขีปนาวุใส่อิหร่านในช่วงเช้าตรู่ของวันศุกร์ตามเวลาท้องถิ่น
โดยการยิงขีปนาวุธครั้งนี้ ตามมาหลังจากการโจมตีของอิหร่านเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ซึ่งก่อนหน้านี้อิหร่านได้ส่งอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน ติดอาวุธ และขีปนาวุธพิสัยใกล้กว่า 300 ลำ มุ่งเป้าหมายไปยังพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศอิสราเอล ขณะที่เจ้าหน้าที่ทางการทหารระดับสูงของอิสราเอลเคยกล่าวไว้ก่อนหน้านี้ว่าจำนวนขีปนาวุธเกือบทั้งหมด ถูกสกัดกั้นโดยอิสราเอลและพันธมิตร รวมถึงสหรัฐอเมริกา ยกเว้นบางส่วนเท่านั้นที่สามารถเล็ดรอดการป้องกันน่านฟ้าและเข้าโจมตีพื้นที่เป้าหมายของอิสราเอลได้
อย่างไรก็ดี การโจมตีของอิหร่านเกิดขึ้นหลังจากกลุ่มฮามาสซึ่งเป็นพันธมิตรอิสลามกับปาเลสไตน์บุกโจมตีอิสราเอล เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2566 ซึ่งผ่านระยะเวลามากว่าหกเดือน หลังจากนั้นกองทัพอิสราเอลก็เริ่มโจมตีทางอากาศใส่ฉนวนกาซาซึ่งเป็นพื้นที่มีความอ่อนไหวสูงระหว่างปาเลสไตน์และอิสราเอล
ทั้งนี้นายเบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอล และคณะรัฐมนตรีฝ่ายสงครามของประเทศ ได้ประชุมกันหลายครั้งตั้งแต่การโจมตีของอิหร่านตั้งแต่สุดสัปดาห์ที่ผ่านมา เพื่อหาทางป้องกันตนเองด้วยความชอบธรรมและประกาศพร้อมตอบโต้กลับอิหร่านหากยังไม่ยุติความรุนแรง
ขณะที่ yahoofinance รายงานว่าราคาคริปโตปรับตัวลดลงอย่างหนักโดยบิทคอยน์ร่วงหลุด $60,000 โดยร่วงลงกว่า -5.5% สู่ $59,961 ในบางพื้นที่การซื้อขายในตลาดเอเชีย ขณะที่เงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นทั่วโลก จากความตึงเครียดดังกล่าว ด้านสกุลเงินดิจิทัลอีเธอร์เรียม หรือ ETH ลดลงลงในสัดส่วนที่ใกล้เคียงกันโดยหลุด $3,000 เหลือ $2,895
โดยสื่ออิหร่านเปิดเผยรายงานกับสำนักข่าวรอยเตอร์ถึงเสียงระเบิดซึ่งเกิดขึ้นจากระบบป้องกันภัยทางอากาศ ในการป้องกันการโจมตีทางอากาศ โดยสื่อของรัฐบาลอิหร่านรายงานว่า โดรน 3 ลำ ถูกยิงตกเหนือเมืองอิสฟาร์ฮาน (Isfahan) ทางตอนกลางของประเทศ
ขณะที่ทางฝ่ายบริหารและกองทัพอิสราเอลยังคงสงวนท่าทีในการออกมาเปิดเผยถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงเช้าตรู่ของวันศุกร์
โดยเมื่อเวลา 06:00 น. GMT สินทรัพย์ปลอดภัย เช่น น้ำมัน ทองคำ และพันธบัตร ในตลาดทุนทั่วโลกซึ่งปรับตัวพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วงแรกที่ได้รับข่าวการโจมตีดังกล่าว
โมห์ เสียง ซิม นักกลยุทธ์ด้านอัตราแลกเปลี่ยนจากธนาคารสิงคโปร์กล่าวว่า "ผมคิดว่าตลาดอยู่ในช่วงเทขายสินทรัพย์เสี่ยง เพื่อเข้าสู่สินทรัพย์ปลอดภัย ซึ่งตอนนี้เรายังคงอยู่ในสถานการณ์ที่เรารู้ว่ามีบางอย่างเกิดขึ้น แต่เราจำเป็นต้องเข้าใจขอบเขตของการตอบโต้"
อย่างไรก็ดีในเวลาต่อมา ราคาบิทคอยน์กลับมาอยู่ที่ $62,300 แต่ยังคงลดลง -2% ในวันนี้ ส่วนสกุลเงินดิจิทัลอันดับ 2 คืออีเธอร์เรียม ก็ฟื้นตัวกลับมาอยู่เหนือ $3,000 เช่นกัน
ทั้งนี้การลดลงของราคาบิทคอยน์เกิดขึ้นเพียงไม่กี่ชั่วโมงก่อนเหตุการณ์ "บิทคอยน์ ฮาล์ฟวิ่ง" ของบิทคอยน์ สกุลเงินดิจิทัลอันดับ 1 ของโลก ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยีพื้นฐานที่ออกแบบมาเพื่อลดอัตราการเกิดใหม่ของเหรียญบิทคอยน์