xs
xsm
sm
md
lg

"ฟาวซี" หมอคนดังขึ้นให้ปากคำคองเกรส โต้ ส.ส.รีพับลิกัน “เพี้ยน” กล่าวหาไม่เลิกว่าเขารวมหัวซีไอเอปิดบังต้นตอเชื้อโควิด-19

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


นพ.แอนโทนี ฟาวซี ขณะให้ปากคำต่อคณะอนุกรรมาธิการว่าด้วยโรคระบาดโคโรนาไวรัส ของสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ เมื่อวันจันทร์ (3 มิ.ย.)
นพ.แอนโทนี ฟาวซี ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดเชื้อ ที่เป็นหัวเรี่ยวหัวแรงนักวิชาการทางการแพทย์ในการสู้รบกับโรคระบาดใหญ่ “โควิด-19” ในอเมริกา ตอบโต้พวกสมาชิกสภาพรรครีพับลิกันว่า “เพี้ยน” หลังถูกพวกเขากล่าวหาไม่เลิกโดยไม่มีหลักฐานว่า พยายามปกปิดต้นตอที่มาของเชื้อโรคโควิด-19

คณะอนุกรรมาธิการของสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ที่นำโดย ส.ส.พรรครีพับลิกันชุดนี้ ใช้เวลากว่าปีแล้วในการตรวจสอบมาตรการรับมือโรคระบาดใหญ่ของคณะบริหารโจ ไบเดน รวมทั้งตรวจสอบว่าการวิจัยในจีนที่ได้ทุนจากอเมริกาอาจมีบทบาทในจุดเริ่มต้นของโควิด-19 หรือไม่ อย่างไรก็ดี พวกเขายังคงไม่พบหลักฐานที่บ่งชี้ว่า ฟาวซีกระทำความผิด

เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา ฟาวซีได้ถูกซักไซ้เป็นเวลารวม 14 ชั่วโมง ในการประชุมแบบปิดลับ 2 วัน กระนั้นเมื่อวันจันทร์ (3 มิ.ย.) แพทย์ใหญ่ผู้นี้ยังคงตกลงให้ปากคำอย่างสมัครใจอีกครั้งโดยคราวนี้เป็นการพูดที่มีสาธารณชนรับฟัง และพูดต่อหน้ากล้องทีวี ทั้งนี้ พวก ส.ส.รีพับลิกัน ก็รีบคว้าโอกาสนี้หมายจะให้กลายเป็นเวทีที่พวกเขาจะโจมตีฟาวซี ด้วยการย้ำข้อกล่าวหาที่ไม่มีหลักฐานยืนยัน ขณะที่พวก ส.ส.เดโมแครต ซึ่งเป็นฝ่ายเสียงข้างน้อยในคองเกรส กล่าวขอโทษขอโพยที่มีพวก ส.ส. พยายามทำลายชื่อเสียงของฟาวซีที่เป็นนักวิจัยสำคัญของสถาบันสุขภาพแห่งชาติ (เอ็นไอเอช) มายาวนาน พร้อมคร่ำครวญที่พลาดโอกาสในการเตรียมพร้อมสำหรับการระบาดใหญ่ที่น่ากลัวครั้งใหม่ที่อาจเกิดขึ้น

เจมี รัสกิน ส.ส.เดโมเครต ชี้ว่า ฟาวซีไม่ใช่วายร้ายในหนังสือการ์ตูน และคณะอนุกรรมาธิการโรคระบาดโคโรนาไวรัสชุดนี้ก็ไม่สามารถพิสูจน์ข้อกล่าวหาต่างๆ ที่มีมากมาย

ฟาวซีเคยเป็นปากเสียงสำคัญของรัฐบาลสหรัฐฯ ในการรับมือโควิดในช่วงที่ระบาดใหม่ๆ ในสมัยโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีในขณะนั้น และต่อมาเมื่อถึงยุคของประธานาธิบดีโจ ไบเดน เขาก็ได้รับแต่งตั้งเป็นที่ปรึกษาใหญ่ด้านสาธารณสุข

แพทย์อาวุโสผู้นี้เป็นที่เชื่อถือของประชาชนนับล้านๆ แต่ขณะเดียวกันก็เป็นเป้าหมายความโกรธแค้นของรีพับลิกัน เขาบอกเล่าเรื่องที่ตัวเขาและครอบครัวถูกขู่ฆ่าและถูกข่มขู่รูปแบบอื่นๆ ซึ่งยังคงมีอยู่จนถึงทุกวันนี้ นอกจากนั้น ขณะให้ปากคำเมื่อวันจันทร์ ตำรวจยังต้องควบคุมตัวกลุ่มคนที่พยายามขัดขวางการให้ปากคำของเขาออกจากห้องประชุม

ประเด็นสำคัญที่สุดของเรื่องนี้ก็คือ นักวิจัยจำนวนมากเชื่อว่า ไวรัสที่เป็นต้นตอของโควิด-19 มีแนวโน้มมากที่สุดที่จะเกิดขึ้นในธรรมชาติและถ่ายทอดจากสัตว์สู่คน โดยการถ่ายทอดนี้อาจเกิดขึ้นในตลาดค้าสัตว์ป่าแห่งหนึ่งในเมืองอู่ฮั่นของจีน ที่เป็นจุดเริ่มต้นของการระบาดออกไปทั่วโลกคราวนี้ ทั้งนี้ไม่มีข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ใหม่ๆ เลยซึ่งสนับสนุนทฤษฎีที่ว่า ไวรัสนี้อาจหลุดมาจากห้องปฏิบัติการ

มีบทวิเคราะห์ข่าวกรองชิ้นหนึ่งของอเมริกาที่ระบุว่า ทั้งสองทฤษฎีนี้ต่างไม่มีหลักฐานสนับสนุนอย่างเพียงพอ ขณะเดียวกัน การตรวจสอบล่าสุดของสำนักข่าวเอพีพบว่า รัฐบาลจีนยับยั้งความพยายามในการสืบสาวที่มาของไวรัสในช่วงสัปดาห์แรกๆ ของการระบาด

ระหว่างการให้ปากคำในวันจันทร์ เมื่อฟาวซีถูก ส.ส.รีพับลิกันตั้งคำถามว่า เขาอยู่เบื้องหลังความพยายามในการทำลายล้างทฤษฎีโควิดหลุดจากห้องปฏิบัติการ หรือพยายามโน้มน้าวหน่วยงานข่าวกรองให้ปกปิดเรื่องนี้หรือไม่ ฟาวซีย้ำจุดยืนที่ประกาศมานานแล้วว่า เขาพร้อมยอมรับทั้งสองทฤษฎี แต่ทฤษฎีที่ว่า โควิด-19 มาจากธรรมชาติเช่นเดียวกับไวรัสโคโรนาสายพันธุ์อื่นๆ เช่น ซาร์ส และเมอร์ส มีหลักฐานสนับสนุนมากกว่าอีกทฤษฎีหนึ่ง

ฟาวซียังประณามทฤษฎีสมรู้ร่วมคิดที่ว่า เขาย่องเข้าไปในสำนักงานข่าวกรองกลาง (ซีไอเอ) แบบเจสัน บอร์น เพื่อบอกซีไอเอว่าไม่ควรพูดเรื่องไวรัสหลุดออกมาจากแล็บ

รีพับลิกันยังกล่าวหาว่า ฟาวซีให้การเท็จกับคองเกรสด้วยการปฏิเสธว่า หน่วยงานของเขาไม่ได้สนับสนุนการวิจัยที่เรียกว่า “gain of function” ในห้องปฏิบัติการแห่งหนึ่งในเมืองอู่ฮั่น ซึ่งมีการสร้างซูเปอร์ไวรัสในห้องแล็บเพื่อศึกษาแนวโน้มผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นในโลกจริง

ทั้งนี้ ตามข้อเท็จจริงที่เคยเปิดเผยกันไปแล้ว เอ็นไอเอช เคยให้ทุนแก่ อิโคเฮลธ์ อัลไลแอนซ์ ซึ่งเป็นกลุ่มไม่หวังผลกำไรในนิวยอร์ก ที่นำทุนที่ได้ส่วนหนึ่งไปทำงานร่วมกับห้องแล็บจีนแห่งหนึ่งที่ศึกษาไวรัสโคโรนาที่พบในค้างคาว เมื่อเดือนที่แล้วรัฐบาลสหรัฐฯ ได้ระงับการให้ทุนอิโคเฮลธ์ โดยระบุว่าเนื่องจากล้มเหลวในการตรวจสอบการทดลองบางโครงการเหล่านั้นอย่างเหมาะสม

คำจำกัดความของการวิจัยแบบ “gain of function” นั้นครอบคลุมทั้งการวิจัยทั่วๆ ไป และการวิจัยแบบที่มีความเสี่ยง ซึ่งมีการ “เพิ่มพูน” ความสามารถของเชื้อโรคที่มีศักยภาพจะก่อให้เกิดโรคระบาดแพร่กระจายออกไป หรือเป็นเหตุให้เกิดโรคร้ายแรงขึ้นในหมู่มนุษย์ ฟาวซีย้ำว่าเขากำลังใช้คำจำกัดความของการทดลองแบบที่มีความเสี่ยง แต่ก็ยืนยันว่า “มันเป็นไปไม่ได้ถึงระดับโมเลกุลทีเดียว” ที่ไวรัสจากค้างคาวซึ่งศึกษากันด้วยเงินทุนที่ได้จากอิโคเฮลธ์ จะเปลี่ยนมาเป็นไวรัสซึ่งก่อให้เกิดโรคระบาดโควิด-19

เขายอมรับว่า ทฤษฎีไวรัสหลุดจากห้องแล็บยังคงเป็นคำถามปลายเปิด เนื่องจากไม่สามารถรู้ได้ว่า มีห้องแล็บอื่นๆ ที่ไม่ได้รับทุนจากเอ็นไอเอช ได้ทำการวิจัยแบบเสี่ยงกับไวรัสโคโรนาหรือไม่

(ที่มา : เอพี)
กำลังโหลดความคิดเห็น