ลอยด์ ออสติน รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ กล่าวในเวทีประชุมด้านความมั่นคง แชงกรี-ลา ไดอะล็อก (Shangri-la Dialogue) ที่สิงคโปร์วันนี้ (1 มิ.ย.) โดยยืนยันว่าสหรัฐฯ ยังคงให้ความสำคัญกับประเด็นความมั่นคงในเอเชียแปซิฟิก หลังจากที่หลายฝ่ายเป็นกังวลว่าสงครามทั้งในยูเครนและกาซาอาจกำลังเบนความสนใจของอเมริกาไปจากพันธกิจด้านความมั่นคงในภูมิภาคนี้
ออสติน ยังมีโอกาสได้พบปะหารือกับ พล.อ. ต่ง จวิน รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมของจีนเมื่อวานนี้ (31 พ.ค.) ซึ่งเป็นความพยายามที่จะลดความตึงเครียดจากประเด็นไต้หวัน รวมถึงกิจกรรมทางทหารของจีนในทะเลจีนใต้
“แม้จะมีการปะทะครั้งใหญ่เกิดขึ้นทั้งในยุโรปและตะวันออกกลาง แต่อินโด-แปซิฟิกยังคงเป็นพื้นที่ปฏิบัติการที่สหรัฐฯ ให้ความสำคัญเป็นอันดับต้นๆ” ออสติน กล่าว
“ผมขอประกาศชัดเจนตรงนี้ว่า สหรัฐอเมริกาจะปลอดภัยได้ก็ต่อเมื่อเอเชียปลอดภัย และนี่คือเหตุผลที่ว่าทำไมสหรัฐฯ จึงยังคงบทบาทของเราในภูมิภาคนี้มาอย่างยาวนาน”
รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ ยังเน้นย้ำเกี่ยวกับ “การแก้ไขข้อพิพาทด้วยสันติวิธีผ่านการเจรจา ไม่ใช่การข่มขู่หรือการขัดแย้ง และแน่นอนว่าจะต้องไม่ใช่สิ่งที่เรียกว่าการลงโทษ”ในคำกล่าวที่ดูเหมือนจะจงใจพาดพิงถึงจีน
ออสตินยังระบุด้วยว่า ในช่วง3ปีที่ผ่านมา “ได้เกิดการบรรจบกันใหม่ๆ (convergence) ในแง่ของความมั่นคงเกือบจะทุกด้าน” ในเอเชียแปซิฟิก และหลายชาติมีความเข้าใจที่ตรงกันถึง “พลังแห่งการเป็นหุ้นส่วน”
พล.ท. จิ่ง เจี้ยนเฟิง (Jing Jianfeng) ผู้บัญชาการทหารระดับสูงของจีน ได้ออกมาตอบโต้วาทกรรมของบอสใหญ่เพนตากอน โดยชี้ว่ายุทธศาสตร์อินโดแปซิฟิกของสหรัฐฯ นั้นจงใจ “สร้างความแตกแยก ยั่วยุให้เกิดการเผชิญหน้า และบ่อนทำลายเสถียรภาพ” นอกจากนี้ยังกล่าวหาวอชิงตันว่าคิดที่จะสร้าง “นาโตในเวอร์ชันเอเชีย-แปซิฟิก”
“สิ่งเหล่านี้เป็นไปตอบสนองผลประโยชน์ทางภูมิรัฐศาสตร์ที่เห็นแก่ตัวของสหรัฐฯ และขัดต่อแนวโน้มทางประวัติศาสตร์ รวมถึงความปรารถนาร่วมของประเทศต่างๆ ในภูมิภาคที่ต้องการให้เกิดสันติภาพ การพัฒนา และความร่วมมือแบบวิน-วินทุกฝ่าย” พล.ท. เจียง ซึ่งเป็นรองผู้บัญชาการกรมเสนาธิการร่วมแห่งคณะกรรมาธิการทหารส่วนกลางของจีน ระบุ
ขณะเดียวกัน อู๋ เชียน (Wu Qian) โฆษกกระทรวงกลาโหมจีน ก็ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนว่า พล.อ. ต่ง จวิ่น รัฐมนตรีกลาโหมของจีน ได้เอ่ยเตือน ออสติน ว่าสหรัฐฯ ไม่ควรที่จะแทรกแซงกิจการของจีนในส่วนที่เกี่ยวข้องกับไต้หวัน
เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ บางคนเตือนว่า จีนเริ่มหันมาใช้นโยบายแข็งกร้าวกับไต้หวันมากขึ้นในช่วงไม่กี่ปีมานี้ และได้เปิดฉากซ้อมรบใหญ่รอบเกาะไต้หวันที่จีนเรียกว่าเป็น “บทลงโทษ” เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว หลังจากที่ ไล่ ชิงเต๋อ สาบานตนเข้ารับตำแหน่งผู้นำไทเปคนใหม่
ที่มา: รอยเตอร์, เอเอฟพี