xs
xsm
sm
md
lg

ใครไหวเชิญลอง! ญี่ปุ่นผุดเทรนด์แปลก ข้าวปั้นจาก ‘รักแร้’ อวลกลิ่นเหงื่อใต้วงแขนสาวๆ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ญี่ปุ่นขึ้นชื่อว่าเป็นประเทศสร้างสรรค์อะไรใหม่ๆ อยู่ตลอดเวลา ทว่าไอเดียบางอย่างก็ทำเอาคนต่างชาติอย่างเราอึ้งไปเหมือนกัน ตัวอย่างเช่น “ข้าวปั้น” ที่ปั้นด้วย “รักแร้” ของหญิงสาวซึ่งกำลังเป็นเทรนด์ฮิตอยู่ในตอนนี้

แม้ว่าปรากฏการณ์ข้าวปั้นรักแร้จะไม่ใช่ของใหม่เสียทีเดียว แต่หลังจากที่เรื่องนี้ถูกตีแผ่โดยสื่อต่างชาติอย่างเซาท์ไชน่ามอร์นิงโพสต์ (SCMP) ก็ปรากฏว่ามียอดแชร์ทางเฟซบุ๊กสูงกว่า 800 ครั้งในเวลาเพียง 3 ชั่วโมง

ข้าวปั้น หรือโอนิกิริ (onigiri) ถือเป็นหนึ่งในอาหารหลักของชาวญี่ปุ่น โดยวิธีทำก็คือการปั้นข้าวให้เป็นก้อนกลมหรือรูปทรงสามเหลี่ยม จากนั้นห่อด้วยแผ่นสาหร่ายที่เรียกว่า “โนริ”

โดยปกติแล้วเชฟอาหารญี่ปุ่นจะใส่ใจเรื่องสุขอนามัยอย่างมาก ทว่าระยะหลังเริ่มมีผู้คิดค้นวิธีปั้นข้าวปั้นแบบใหม่ๆ ที่เน้นสร้างกระแสโดยไม่แคร์เรื่องความสะอาดกันสักเท่าไหร่


ตัวอย่างหนึ่งที่เห็นชัดก็คือ การทำข้าวปั้นด้วย “รักแร้” ที่ปะปนเหงื่อจากใต้วงแขนของสาวๆ ซึ่งถูกแชร์จนเป็นไวรัลในโซเชียลมีเดีย

SCMP รายงานว่า ก่อนจะทำข้าวปั้น หญิงสาวจะต้องทำความสะอาดและฆ่าเชื้อส่วนต่างๆ ของร่างกายที่จะสัมผัสกับข้าว จากนั้นก็จะออกกำลังกายเพื่อให้มี “เหงื่อ” ไหลออกมา และใช้ “รักแร้” แทนมือในการปั้นข้าว

ผลผลิตที่ได้ออกมากลายเป็นอาหารจานเด็ดซึ่งขายกันในราคาสูงมากตามร้านอาหารบางแห่ง ว่ากันว่าอาจจะแพงกว่าข้าวปั้นธรรมดาถึง 10 เท่าตัว

จากการสัมภาษณ์คนที่ทดลองชิมข้าวปั้นรักแร้มาแล้ว พวกเขาบอกว่ารสชาติ “ไม่แตกต่าง” จากข้าวปั้นทั่วไป

ร้านอาหารบางแห่งยังอนุญาตให้ลูกค้าสามารถเข้าไปชมกระบวนการปั้นข้าวปั้นด้วยรักแร้เพื่อโปรโมตเชฟกันถึงในครัวเลยทีเดียว


งานวิจัยที่เผยแพร่เมื่อปี 2013 พบว่า เหงื่อจากบางส่วนของร่างกายมนุษย์จะมีสาร “ฟีโรโมน” ที่สามารถกระตุ้นอารมณ์ความรู้สึกที่ดีได้เมื่อดมหรือเลีย

อย่างไรก็ตาม เคยมีข่าวว่าชายชาวญี่ปุ่นคนหนึ่งไม่กล้าที่จะกินข้าวปั้นรักแร้ ก็เลยปล่อยให้ข้าวปั้น 14 ก้อนเน่าเสีย และเกิดกลิ่นเหม็นคลุ้งจนเพื่อนบ้านต้องแจ้งตำรวจให้มาตรวจสอบ

การทำข้าวปั้นด้วยวิธีแปลกๆ นี้จุดกระแสวิจารณ์อย่างดุเดือดในโลกออนไลน์

“ข้าวปั้นพวกนี้ช่วยตอบสนองความปรารถนาเร้นลับของคนบางคน และถ้ามันสะอาดก็ไม่เห็นเป็นอะไร” ผู้ใช้ weibo รายหนึ่งกล่าว

อีกคนบอกว่า “แบบนี้ไม่ไหวนะ ถ้าเชฟเกิดป่วยเป็นโรคบางอย่างที่เขาก็ไม่รู้ตัวล่ะ?”

ที่มา : SCMP, must share news




กำลังโหลดความคิดเห็น