ไบเดน-ทรัมป์ ต่างเก็บคะแนนครบตามเกณฑ์การได้รับเสนอชื่อเป็นตัวแทนพรรคหลังกวาดชัยชนะในการหยั่งเสียงอีกหลายรัฐเมื่อวันอังคาร (12 มี.ค.) ถือเป็นการเป่านกหวีดเริ่มต้นศึกล้างตาการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ครั้งแรกในรอบเกือบ 70 ปี
ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ต้องได้คะแนนผู้แทนซึ่งจะได้ไปร่วมการประชุมใหญ่ของพรรคอย่างเป็นทางการในกลางปีนี้ เป็นจำนวนอย่างน้อย 1,968 เสียงขึ้นไป เพื่อให้ได้รับเสนอชื่อเป็นตัวแทนพรรคเดโมแครตลงเลือกตั้งชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่จะจัดขึ้นต้นเดือนพฤศจิกายนที่จะถึง และปรากฏว่า เขาได้คะแนนผ่านเกณฑ์ดังกล่าวเป็นที่เรียบร้อยเมื่อคืนวันอังคาร (12) หลังจากมีการรายงานผลการหยั่งเสียงรอบไพรมารีที่รัฐจอร์เจีย มิสซิสซิปปี้ วอชิงตัน หมู่เกาะนอร์ทเทิร์น มาเรียนา และจากสมาชิกพรรคเดโมแครตที่อาศัยอยู่นอกประเทศ
ไม่กี่ชั่วโมงต่อมา อดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ก็สามารถเก็บคะแนนผู้แทนครบ 1,215 เสียงตามเกณฑ์การได้รับเสนอชื่อเป็นตัวแทนพรรครีพับลิกัน ภายหลังการหยั่งเสียงใน 4 รัฐ ที่หนึ่งในนั้นคือจอร์เจีย ซึ่งตัวเขาถูกตั้งข้อหาอาชญากรรมจากการพยายามล้มล้างผลการเลือกตั้งในปี 2020
ไบเดน วัย 81 ปี ออกคำแถลงหลังจากได้คะแนนครบตามที่กำหนด โดยพุ่งเป้าโจมตีการรณรงค์หาเสียงของทรัมป์ว่า อัดแน่นด้วยความไม่พอใจ การแก้แค้น และการจองเวร ซึ่งเป็นสิ่งที่คุกคามแนวความคิดที่แท้จริงของอเมริกา
ผู้นำคนปัจจุบันของสหรัฐฯ สำทับว่า ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งมีโอกาสเลือกอนาคตของประเทศ เลือกที่จะปกป้องประชาธิปไตยหรือปล่อยให้คนอื่นรุมทึ้ง เลือกที่จะเรียกคืนสิทธิ์ในการเลือกและปกป้องเสรีภาพหรือปล่อยให้พวกหัวรุนแรงแย่งชิงไป
ทางด้านทรัมป์โพสต์วิดีโอบนโซเชียลมีเดียประกาศว่า ไม่มีเวลาสำหรับการฉลอง แต่ต้องทุ่มเทความสนใจกับการเอาชนะไบเดนที่เขาวิจารณ์ว่า เป็นประธานาธิบดีที่แย่ที่สุดในประวัติศาสตร์อเมริกา และโจมตีไบเดนทั้งในประเด็นการรักษาความปลอดภัยพรมแดนและในเรื่องเศรษฐกิจ
ไบเดนยังเผชิญการต่อต้านระหว่างการหยั่งเสียงรอบไพรมารีที่ผ่านมา จากการที่กลุ่มนักเคลื่อนไหวเสรีนิยมโน้มน้าวให้สมาชิกพรรคเดโมแครตไปออกเสียงโดยไม่เลือกผู้สมัครคนใด เพื่อแสดงความไม่พอใจที่ไบเดนสนับสนุนอิสราเอลในสงครามเข่นฆ่าหฤโหดที่กาซา ถึงแม้จำนวนผู้แสดงความไม่พอใจเช่นนี้มีไม่มากเท่าใด แต่ก็มองกันว่าอาจมีผลสำคัญในพวกรัฐสวิงสเตท ซึ่งในการเลือกตั้งประธานาธิบดีหลายครั้งที่ผ่านมา ตัดสินแพ้ชนะกันด้วยคะแนนเป็นหลักพันหลักหมื่นเสียงเท่านั้น
ก่อนหน้านี้ การพบกันอีกรอบหนึ่งระหว่างคู่ชิงชัยคู่เดิมในศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ครั้งหลังสุดเกิดขึ้นในปี 1956 โดยผลออกมาว่าประธานาธิบดีดไวต์ ไอเซนฮาวร์จากพรรครีพับลิกัน ยังคงเอาชนะแอดไล สตีเวนสัน อดีตผู้ว่าการรัฐอิลลินอยส์จากพรรคเดโมแครตเป็นครั้งที่ 2
อย่างไรก็ดี สำหรับปีนี้พวกผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งแสดงความกระตือรือร้นน้อยมาก โดยผลสำรวจความคิดเห็นที่จัดทำโดยรอยเตอร์กับอิปซอสส์พบว่า ทั้งไบเดนและทรัมป์ต่างได้รับความนิยมจากผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งไม่ถึงครึ่ง
ในส่วนทรัมป์นั้นยังถูกกล่าวหาก่อคดีอาญาร้ายแรงถึง 91 กระทงจาก 4 คดี และอาจส่งผลต่อคะแนนเสียงในหมู่คนเมืองที่มีการศึกษา
ทรัมป์กำลังจะกลายเป็นอดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนแรกที่ต้องขึ้นศาลรับฟังการพิจารณาคดีอาญาในวันที่ 25 ที่จะถึงนี้ที่นิวยอร์ก จากข้อหาปลอมแปลงบันทึกธุรกิจเพื่อปิดบังการจ่ายเงินปิดปากให้ดาราหนังปลุกใจปิดบังเรื่องความสัมพันธ์
ทว่า คดีที่ร้ายแรงที่สุดน่าจะเป็นการฟ้องร้องของรัฐบาลกลางในวอชิงตัน ดี.ซี. ที่ทรัมป์ถูกกล่าวหาวางแผนล้มล้างผลการเลือกตั้งปี 2020 อย่างไรก็ตาม คดีนี้ถูกระงับชั่วคราวหลังจากศาลสูงสุดตกลงรับฟังการร้องเรียนเพื่อขอรับสิทธิ์คุ้มกันในฐานะอดีตประธานาธิบดี โดยที่ยังไม่ชัดเจนว่า ศาลสูงสุดจะมีการพิจารณาคำร้องดังกล่าวก่อนการเลือกตั้งหรือไม่
สำหรับไบเดน ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งส่วนใหญ่ลงความเห็นว่า เขาแก่เกินกว่าจะเป็นประธานาธิบดีอีกสมัย แม้บรรดาพันธมิตรเชื่อว่า การแถลงนโยบายประจำปีอย่างฮึกเหิมเมื่อปลายสัปดาห์ที่แล้วสามารถลบล้างภาพลบดังกล่าวได้ก็ตาม
วิกฤตพรมแดนอเมริกา-เม็กซิโกที่มีผู้อพยพหลั่งไหลเข้าสู่อเมริกาเป็นอีกหนึ่งจุดอ่อนของไบเดน ขณะที่เจ้าตัวพยายามโยนความผิดให้ทรัมป์ หลังจากอดีตประธานาธิบดีผู้นี้เรียกร้องให้สมาชิกรีพับลิกันในสภาคว่ำร่างกฎหมายความมั่นคงชายแดนที่จะยกระดับการบังคับใช้กฎหมายในเรื่องนี้
เศรษฐกิจจะเป็นอีกหนึ่งประเด็นสำคัญในการหาเสียงของทั้งคู่
ทั้งนี้ แม้ในยุคไบเดน เศรษฐกิจอเมริกาขยายตัว ความกดดันด้านเงินเฟ้อลดลง และราคาหุ้นพุ่งทำสถิติสูงสุดตลอดกาล ทว่า ผลสำรวจพบว่า คนอเมริกาไม่กระตือรือร้นยกความดีความชอบให้ไบเดน ซ้ำไม่พอใจที่สินค้าบางอย่างแพงขึ้น เช่น อาหารในระหว่างเกิดวิกฤตโรคโควิดระบาด
(ที่มา: รอยเตอร์, เอเจนซีส์)